- กองทุนบัวหลวงกล่าวถึงมุมมองการลงทุนครึ่งปีหลังว่า ตลาดหุ้นยังน่าสนใจ จากความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนโควิด-19 รวมถึงปัจจัยดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก สภาพคล่องที่ล้นระบบ และความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ช่วยหนุนให้นักลงทุนเข้าลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนะนำกระจายลงทุนในกองทุนต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนและกระจายความเสี่ยง การลงทุนของเราจึงเน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับธีม “เครือข่ายครอบคลุมสร้างความแข็งแกร่ง บรรษัทแข็งแรงสร้างความยั่งยืน” ที่ประกาศตั้งแต่ต้นปี หลังพบว่า ทั่วโลกเร่งใช้แพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์และเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน (ESG) มากขึ้น ส่วนการลงทุนหุ้นไทย ให้น้ำหนักกลุ่มค้าปลีก-โรงพยาบาล-พลังงานไฟฟ้า
นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (Chief Investment Officer: CIO) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา เปิดเผยถึง มุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่า การลงทุนในหุ้นยังน่าสนใจ โดยตลาดหุ้นมีปัจจัยหลัก คือ ความคาดหวังที่มีต่อความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า ตั้งแต่กลางปี 2564 เป็นต้นไป โลกจะเริ่มมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ใช้ทั่วไป
ขณะที่ ธนาคารกลางทั่วโลกต่างก็ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ รวมถึงรัฐบาลต่างๆ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาขนานใหญ่ เพื่อให้ความมั่นใจในการฟื้นฟูและเยียวยาระบบเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้ลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นอีกแรงสนับสนุนทำให้ตลาดการลงทุนมีแนวโน้มดีขึ้น
ทั้งนี้ ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมการลงทุนเช่นนี้ กองทุนบัวหลวงยังคงเดินหน้าลงทุนตามธีมการลงทุนระยะยาวที่วางไว้ทุกปี และยังคงให้ความสำคัญกับธีมการลงทุนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี คือ “เครือข่ายครอบคลุมสร้างความแข็งแกร่ง บรรษัทแข็งแรงสร้างความยั่งยืน” ที่เน้นการลงทุนกับแพลตฟอร์มธุรกิจ และอี-คอมเมิร์ซ รวมทั้งการลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เห็นภาพธีมลงทุนปีนี้ชัดเจนมากขึ้น จากพฤติกรรมคนทั่วโลกที่ปรับใช้แพลตฟอร์มธุรกิจและอี-คอมเมิร์ซรวดเร็วขึ้น ส่วนในไทย มีหลายบริษัทที่สามารถปรับตัวได้ดี สามารถตอบโจทย์ของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ขณะที่ประเด็น ESG พบว่า หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาดนั้น ผู้ลงทุนได้ให้ความสำคัญกับบริษัทที่เน้นการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน สะท้อนได้จากเม็ดเงินที่ไหลเข้ากองทุน ESG ทั่วโลกมากขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ผู้ลงทุนตระหนักเรื่อง ESG มากขึ้น และหุ้นกลุ่มที่มี ESG ก็มีผลการดำเนินงานที่ดีด้วย” นายสันติ กล่าว
สำหรับ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น กองทุนบัวหลวง มองว่า ในระยะสั้นเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพราะส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจรูปแบบดั้งเดิม ไม่ได้มีกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากช่วงโควิด-19 เหมือนเช่นในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดได้มีการรับรู้ผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อผลการดำเนินงานไปแล้ว 6 เดือน – 1 ปีข้างหน้า ดังนั้น การลงทุนต้องมองไปข้างหน้าระยะยาว ซึ่งกองทุนบัวหลวงมองว่า ยังมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการขยายตัวของสังคมเมืองที่มีความน่าสนใจลงทุน ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล และพลังงานไฟฟ้า โดยกลุ่มเหล่านี้มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอยู่
“ผู้ลงทุนควรเพิ่มโอกาส โดยการจัดสรรเงินไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่สอดคล้องกับ ธีมการลงทุนที่กล่าวมา ส่วนการจัดพอร์ตลงทุนควรกระจายการลงทุนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการลงทุน ความเสี่ยงที่รับได้ รวมถึงอายุ หากเดิมมีสินทรัพย์เสี่ยงอยู่น้อยเกินไปก็ควรเพิ่มสัดส่วนนี้ ขณะเดียวกันควรกระจายความเสี่ยงของการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน และทองคำ เป็นต้น โดยต้องเน้นมุมมองการลงทุนในระยะยาว ทยอยลงทุนในภาวะที่ตลาดย่อตัวลงมา ไม่ควรเก็งกำไรในระยะสั้น” CIO กองทุนบัวหลวง กล่าว
สิ่งที่สำคัญในการลงทุน นอกจากจะกระจายการลงทุนแล้ว ยังต้องวางแผนการลงทุนด้วย เพราะในช่วงโควิด-19 ที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้สินทรัพย์ส่วนที่เตรียมไว้สำหรับสภาพคล่องมีความสำคัญมากขึ้น เพื่อให้เพียงพอที่จะให้ผ่านช่วงนี้ไปได้ ซึ่งสำหรับคนวัยทำงานแล้ว ควรวางแผนพอร์ตการลงทุนในระยะยาว ไม่เช่นนั้นแล้วเงินที่เก็บไว้ใช้ในวัยเกษียณอาจจะไม่เพียงพอ โดยเรื่องของการลงทุนนั้น วินัยเป็นสิ่งสำคัญ ได้แก่ ความสม่ำเสมอในการสมทบเงินลงทุน และความอดทนต่อความผันผวน สำหรับคนที่เกษียณแล้วต้องกระจายการลงทุนให้เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องมีสัดส่วนหุ้นที่สูงเหมือนในอดีต แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เพราะตลาดการเงินยังมีความผันผวนอยู่ ควรจัดสรรเงินลงทุนตามกรอบเป้าหมายที่วางไว้อย่างมีวินัย
นายสันติ กล่าวถึง วิสัยทัศน์ในฐานะ CIO กองทุนบัวหลวง ว่า ตนเองได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง CIO ในช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีการล็อกดาวน์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก เพราะถึงแม้ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด หลายคนต้องหยุดงานหรือทำงานจากที่บ้าน แต่ตลาดการลงทุนโลกไม่ได้หยุดนิ่งไปด้วย โดยช่วงแรกตลาดการลงทุนปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง และจากนั้นก็ปรับตัวขึ้นเร็วและแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ในฐานะ CIO กองทุนบัวหลวง พร้อมรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น โดยยึดมั่นปรัชญาการลงทุน เน้นแสวงหาผลตอบแทนในระยะยาวอย่างสม่ำเสมอด้วยการลงทุนอย่างรอบคอบ ไม่เสี่ยงมากจนเกินควร
ส่วนกระบวนการลงทุน จะใช้หลักการเลือกตราสารลงทุนโดยมุ่งไปที่ปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีความชัดเจนของความสามารถในการทำกำไร และสามารถลงทุนได้ในระยะยาว พร้อมจับจังหวะการเข้าซื้อขายที่ดี เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ดี หรือ Good Stock + Good Trade = Good Performance เช่นเดิม
กองทุนบัวหลวง
23 กรกฎาคม 2563