ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% พร้อมส่งสัญญาณอาจจะปรับลดอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ เนื่องจากความกังวลในตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น แม้แนวโน้มเงินเฟ้อยังคงมีอยู่ก็ตาม
คณะกรรมการ FOMC มีมติ 11 ต่อ 1 ให้ลดดอกเบี้ยลง โดยมีเพียง สตีเฟน มีแรน ผู้ว่าการเฟดคนใหม่ ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง โหวตลดดอกเบี้ย 0.50% ด้านมิเชล โบว์แมน และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เช่นกัน โหวตให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%
แถลงการณ์หลังการประชุม ระบุว่า คณะกรรมการเฟด ย้ำอีกครั้งว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และเพิ่มเติมว่า การจ้างงานก็ชะลอตัวลง ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นและยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งการเติบโตของการจ้างงานที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้น ขัดแย้งกับภารกิจคู่ขนานของเฟดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาและภาวะการจ้างงานเต็มที่
แถลงการณ์ของเฟด ระบุว่า “ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงมีสูง คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญกับความเสี่ยงทั้งสองด้านของเป้าหมายคู่ขนาน และประเมินว่า ความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานได้เพิ่มขึ้นแล้ว
ด้านนายเจอโรม พาวเวลล์ แถลงหลังการประชุม ย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงาน โดยกล่าวว่า “การชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ทั้งในฝั่งอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานถือเป็นความผิดปกติ ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ค่อนข้างอ่อนแอ ขณะที่ ความเสี่ยงด้านลบต่อการจ้างงานดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น”
ขณะเดียวกัน ในการประชุมครั้งนี้ ได้เผยแพร่ “Dot plot” หรือแผนภูมิประมาณการอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีมุมมองที่หลากหลาย โดยมีจุดหนึ่งซึ่งคาดว่า เป็นของมีแรน ซึ่งสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าคนอื่น และสะท้อนการลดดอกเบี้ยรวม 1.25% สำหรับปีนี้
ผู้เข้าร่วมประชุม 9 จาก 19 คน ระบุว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ขณะที่ อีก 10 คนมองว่า จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ซึ่งหมายถึงในการประชุมเดือนต.ค. และ ธ.ค. โดยมีเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวที่ไม่ต้องการให้ลดดอกเบี้ยเลย รวมถึงในการประชุมล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา
Dot plot ยังระบุว่า ในปี 2026 คาดว่าจะลดดอกเบี้ยหนึ่งครั้ง น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่า จะลดสูงสุดถึงสามครั้ง นอกจากนี้ ยังคาดว่า จะลดอีกหนึ่งครั้งในปี 2027 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดเข้าใกล้อัตราที่เป็นกลางในระยะยาวที่ 3% โดยเจ้าหน้าที่ประมาณ 6 คน มองว่า อัตราดอกเบี้ยในระยะยาวนั้นต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยที่เป็นกลาง
ทั้งนี้ เฟดคาดว่า อัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 2025 จะอยู่ที่ 3.6% หลังการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง (รวมถึงการลดดอกเบี้ยล่าสุด ส่วนอัตราดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 2026 จะอยู่ที่ 3.4% ประมาณการดังกล่าวออกมาในเชิงระมัดระวัง กว่าที่นักลงทุนคาด โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group ซึ่งอ้างอิงจากสัญญาฟิวเจอร์สที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย 30 วัน แสดงให้เห็นว่า ตลาดสะท้อนความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปี 2026
ขณะที่ อัตราการว่างงานในเดือนส.ค. แตะ 4.3% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานในอดีต แต่เป็นระดับสูงสุดนับจากเดือนต.ค. 2021 โดยการงานจ้างชะงักงันในปีนี้ ข้อมูลหลังปรับทวนแล้วจากสำนักสถิติแรงงาน (BLS) แสดงให้เห็นว่า ตัวเลขการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจในรอบ 12 เดือน นับจนถึงเดือนมี.ค. ปีนี้ ต่ำกว่าที่รายงานในตอนแรกเกือบหนึ่งล้านคน