กองทุนบัวหลวงขอขอบคุณผู้ลงทุนที่มอบความไว้วางใจ ทั้งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากเครือข่ายธนาคารกรุงเทพ และผู้สนับสนุนด้านช่องทางจำหน่ายทุกแห่ง ส่งผลให้ยอดจองซื้อ IPO ‘กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม’ หรือ ‘BM70SSF’ ช่วงครึ่งทางเกือบ 200 ล้านบาท แนะนำผู้ลงทุนไม่ควรพลาดโอกาสจองซื้อ IPO 2 วันสุดท้าย 1-2 มิถุนายน 2563 นี้ กับการลงทุนหุ้นไทยแบบไม่เสี่ยงมาก แต่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี SSF พิเศษ พร้อมโอกาสรับเงินปันผลระหว่างทาง
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า จากการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนผสมบัวหลวง 70/30 เพื่อการออม หรือ BM70SSF ไปตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ผู้ลงทุนให้การตอบรับกองทุนนี้เป็นอย่างดี ส่งผลให้มียอดจองซื้อช่วงครึ่งทาง หรือ 3 วันแรก คือ ตั้งแต่วันที่ 27-29 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา เกือบ 200 ล้านบาท ในโอกาสนี้ กองทุนบัวหลวงขอขอบพระคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่มอบความไว้วางใจด้วยดีเสมอมา รวมทั้งเครือข่ายธนาคารกรุงเทพ และผู้สนับสนุนด้านช่องทางจำหน่ายทุกแห่งที่สนับสนุนเป็นอย่างดี
สำหรับกองทุน BM70SSF นับเป็นทางเลือกลงทุนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSF พิเศษ) ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ที่เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย แบบไม่เสี่ยงมาก ทั้งยังต้องการผลตอบแทนระหว่างทางด้วย เนื่องจาก BM70SSF มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย 65-70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ส่วนที่เหลือสามารถลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารทางการเงิน เงินฝากและสินทรัพย์ทางเลือกได้ ทำให้ผู้ลงทุนรับความเสี่ยงจากความผันผวนของหุ้นน้อยลง รวมทั้งมีนโยบายจ่ายเงินปันผล หากผู้ลงทุนไม่ต้องการพลาดโอกาสดีๆ กับการลงทุนในกองทุน BM70SSF ก็ยังสามารถจองซื้อ IPO ได้อีก 2 วัน คือ วันที่ 1-2 มิถุนายน 2563 นี้ ด้วยราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท มูลค่าการจองซื้อขั้นต่ำเพียง 500 บาท
“กองทุน BM70SSF ได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ลงทุน ที่อยากลงทุนในหุ้นไทย แต่ไม่อยากเสี่ยงมาก และมีโอกาสรับเงินปันผล ซึ่งจะมีความแตกต่างจากกองทุน SSF กองแรกที่กองทุนบัวหลวงนำเสนอก่อนหน้านี้ ที่ลงทุนในหุ้นไทย 80% ขึ้นไป และไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล โดยภายหลังจากเปิดขาย IPO BM70SSF ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน ตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย ซึ่งกองทุนบัวหลวงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในช่วง IPO อีก 2 วันที่เหลือ คือ วันที่ 1-2 มิถุนายน นี้ จะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนดีเช่นกัน” นายวศิน กล่าว
กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า หากช่วงที่ผ่านมา ผู้ลงทุนเคยลงทุนกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จนครบระยะเวลา ก็คงจะได้เห็นแล้วว่า การลงทุนในหุ้นไทยด้วยระยะเวลาที่นานเพียงพอ จะช่วยให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจได้ แม้ว่าระหว่างทางจะมีสถานการณ์แวดล้อมส่งผลกระทบต่อการปรับตัวของตลาดหุ้นไทยบ้างก็ตาม โดยในปีนี้ ผู้ที่เคยลงทุนใน LTF ก็สามารถลงทุนในกองทุน BM70SSF ได้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีพิเศษ พร้อมโอกาสในการเติบโตไปกับตลาดหุ้นไทยในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ไป หากว่า เงินพร้อม ใจพร้อม มองไกล เชื่อมั่นเมืองไทย และวางใจกองทุนบัวหลวง ก็ลงทุนในกองทุน BM70SSF ได้เลย
สำหรับ กองทุน BM70SSF มีความพิเศษ คือ ได้รับการออกแบบมาให้เป็นทั้งกองทุน SSF และ SSF พิเศษได้พร้อมกันในกองทุนเดียว โดยผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนของกองทุน BM70SSF ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563 จะถูกนับแยกออกมาเป็นการลงทุนใน SSF พิเศษ วงเงินเพิ่มเติมไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป ก็จะนำไปนับอยู่ในวงเงินสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการซื้อหน่วยลงทุน กองทุน SSF ปกติ
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน BM70SSF หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ ภัทร บจ.หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี และ บจ.หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
กองทุนบัวหลวง
29 พฤษภาคม 2563