กองทุนบัวหลวง เสนอขาย IPO “กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเอแชร์เพื่อการเลี้ยงชีพ” (B-CHINAARMF) ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2563 นี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการคว้าโอกาสจากการลงทุนในหุ้นทั้งแผ่นดินจีน ซึ่งมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจได้ในระยะยาว ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจจีนที่กำลังจะมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งการลงทุนในหุ้นจีนที่มีโอกาสขยายตัวได้อีก มีกลุ่มธุรกิจน่าสนใจให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีและการบริโภค อีกทั้งได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนด้วย
นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ Head of Business Distribution บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (กองทุนบัวหลวง) เปิดเผยว่า การลงทุนในหุ้นแผ่นดินจีน หรือ A-Shares เป็นทางเลือกที่ควรมีไว้เป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตลงทุนระยะยาว หากผู้ลงทุนกำลังมองหาโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ เนื่องจากหุ้นจีน A-Shares ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจจีนมีขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก และมีแนวโน้มขยับขึ้นเป็นอันดับ 1 ในไม่ช้า และมีธุรกิจอีกหลายกลุ่มน่าสนใจลงทุน เช่น สุขภาพ เทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรม อันจะได้ประโยชน์จากยุทธศาสตร์ชาติจีน และตลาดหุ้นจีนเองก็จะมีบทบาทในตลาดโลกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
ขณะที่ กองทุนบัวหลวง เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวกับหุ้นจีน A-Shares ซึ่งได้แก่ หุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และตลาดหุ้นเซินเจิ้น พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีควบคู่ด้วย ด้วยการเสนอขาย กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีนเอแชร์เพื่อการเลี้ยงชีพ (B-CHINAARMF) ให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน นี้ ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท มูลค่าการซื้อขั้นต่ำ 500 บาท ซึ่งถือเป็นบริษัทจัดการแรกในอุตสาหกรรมที่นำเสนอกองทุนหุ้นจีน A-Shares ในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
“ในการวางแผนลงทุนเพื่อเกษียณอายุ ผู้ลงทุนควรจัดสรรสินทรัพย์ หรือ Asset Allocation โดยการกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนโดยรวม ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้ ซึ่งก็สามารถใช้กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายแตกต่างกันเป็นเครื่องมือในการจัดสรรสินทรัพย์ได้ โดยกองทุนบัวหลวงมีกองทุน RMF ให้เลือกหลากหลายครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ และเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ผู้ลงทุนไว้วางใจให้บริหารเงินลงทุนใน RMF มากที่สุดในอุตสาหกรรม หรือ 73,520 ล้านบาท จากข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563” นายวศิน กล่าว
นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน (Chief Investment Officer: CIO) กองทุนบัวหลวง กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 MSCI ได้เริ่มนำหุ้นขนาดใหญ่ของจีนที่อยู่ในตลาด A-Shares เข้ารวมคำนวณในดัชนี MSCI Emerging Market Index ซึ่ง ณ ขณะนั้นมีสัดส่วนเพียง 0.73% ของดัชนี และในปีนี้ แม้ MSCI จะยังไม่มีการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีน A-Shares ก็ตาม แต่เมื่อดูจากมูลค่าตลาดของบริษัทจดทะเบียนแล้ว ควรมีน้ำหนักมากกว่านี้ กล่าวคือที่ประมาณ 16-18% ดังนั้นจากนี้ไปหากมีการพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนขึ้น ก็จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้าไปลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น
“ตลาดยังให้ความสำคัญกับหุ้นจีนน้อย เมื่อเทียบกับอิทธิพลของจีนในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็น ในเชิงขนาดเศรษฐกิจ มูลค่าการค้า สัดส่วนเงินหยวนในตะกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มูลค่าการบริโภค ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น และบทบาทของหุ้น A-Shares ในตลาดหุ้นจีนเทียบกับโลกก็ยังน้อยอยู่ จึงมีความเป็นไปได้ในการเติบโตอีกมาก หากต้องการลงทุนระยะยาวเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ตลาดหุ้นจีนก็เป็นทางเลือกที่ดี อีกทั้งการลงทุนในตลาดหุ้นจีนยังช่วยกระจายความเสี่ยงให้พอร์ตหุ้นโดยรวมได้ด้วย เนื่องจากผลตอบแทนของตลาดหุ้นจีนมีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นอื่นๆ น้อยมาก” นายสันติ กล่าว
สำหรับ B-CHINAARMF เป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพกองแรกในอุตสาหกรรมที่เน้นลงทุนหุ้น A-Shares โดยเฉพาะ กองทุนนี้เป็น Feeder Fund จะลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนหลัก คือ Allianz China A Shares เพียงกองทุนเดียว เฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ซึ่งกองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตภายในประเทศจีน อันเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่มุ่งยกระดับอุตสาหกรรม การบริโภคและผลิตภัณฑ์ เพื่อไปสู่เศรษฐกิจจีนยุคใหม่
ส่วนสาเหตุที่กองทุนบัวหลวงเลือกกองทุน Allianz China A Shares เป็นกองทุนหลัก เนื่องจากมีกระบวนการลงทุนที่สอดคล้องกับกองทุนบัวหลวง และมีทีมงานวิจัยภาคสนาม รวมไปถึงประเมินด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) และบริหารความเสี่ยงพอร์ตลงทุนอย่างเหมาะสม ขณะที่ผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในการบริหารหุ้นจีนเป็นอย่างดี โดยที่ผ่านมา สามารถทำผลตอบแทนในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งชนะตลาดได้ 8.9% ต่อปี
ทั้งนี้ การลงทุนใน RMF ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ประกันแบบบำนาญ กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปีลงทุน (ห้ามระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกันทั้งที่ยังมีเงินได้) นอกจากนี้ ต้องถือครองหน่วยลงทุนอย่างน้อย 5 ปีบริบูรณ์ นับจากวันที่ซื้อครั้งแรกและต้องถือหน่วยลงทุน จนผู้ลงทุนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกำไรส่วนเกินทุน (Capital Gains)
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลรายละเอียดกองทุน B-CHINAARMF หรือติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและคู่มือการลงทุนได้ที่ กองทุนบัวหลวง โทร. 0 2674 6488 กด 8 หรือตัวแทนขายหน่วยลงทุน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ตัวแทนขายของกรุงเทพประกันชีวิต บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส บมจ.หลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน บมจ.หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร บจ.หลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี บจ.หลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา บจ.หลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ และ บมจ.หลักทรัพย์ เคจีไอ
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นกับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
กองทุนบัวหลวง
23 ตุลาคม 2563