ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานในเดือนมีนาคม โดยเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways เกือบตลอดทั้งเดือน โดย SET Index ปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,724 จุดก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง โดยปัจจัยลบที่มีเข้ามาในระหว่างเดือน ได้แก่ การประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มกลุ่มธนาคารปรับตัวลง และประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันนั้นเป็นผลบวกต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดมีการฟื้นกลับขึ้นมาได้ สำหรับหุ้นขนาดกลางหรือเล็กส่วนใหญ่นั้นให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีนักในช่วงเดือนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ที่ไม่โดดเด่นนักและทำให้มีแรงขายหุ้นบางตัวโดยเฉพาะหุ้นที่ราคาแพงกว่าปัจจัยพื้นฐานออกมา
ตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีการปรับฐาน จากความกังวลประเด็นสงครามการค้าที่ได้กล่าวไปข้างต้น อีกส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณชะลอตัวลงในบางภาคส่วน หลังจากที่ขยายตัวได้ดีมาหลายไตรมาส แต่โดยรวมนับว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นเริ่มยืนระดับได้ โดยอาจจะมีข่าวลบที่เกี่ยวกับการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนออกมาเพิ่มเติมเป็นพักๆ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนบ้าง และตลาดหุ้นในภูมิภาคอาจจะเคลื่อนไหวแบบ Sideways สักระยะหนึ่งก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นได้ ประเด็นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ นั้นเชื่อว่า ไม่น่ามีผลกระทบเชิงลบมากนักเพราะตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว
โดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะยืนระดับได้ดีขึ้น โดยอาจจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่โอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นได้มากนั้นยังค่อนข้างจำกัด เนื่องด้วยความตึงตัวของ Valuation ของหุ้น Big cap ประกอบกับการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในภาพกว้าง การเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวจึงมีความสำคัญมาก และการที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอาจจะต้องรอให้มีปัจจัยใหม่หรือเห็นสัญญาณการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีนัยสำคัญมากกว่านี้
Fund Comment SET Stocks
หุ้นไทยเดือนมี.ค.อยู่ในช่วงปรับฐาน มองยังยืนระดับได้ดีแม้จะผันผวนบ้าง
ภาพรวมตลาดหุ้น
ตลาดหุ้นไทยมีการปรับฐานในเดือนมีนาคม โดยเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways เกือบตลอดทั้งเดือน โดย SET Index ปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1,724 จุดก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง โดยปัจจัยลบที่มีเข้ามาในระหว่างเดือน ได้แก่ การประกาศปรับลดค่าธรรมเนียมของธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง ซึ่งทำให้หุ้นกลุ่มกลุ่มธนาคารปรับตัวลง และประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันนั้นเป็นผลบวกต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดมีการฟื้นกลับขึ้นมาได้ สำหรับหุ้นขนาดกลางหรือเล็กส่วนใหญ่นั้นให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีนักในช่วงเดือนนี้ ส่วนหนึ่งมาจากผลประกอบการในไตรมาส 4/2560 ที่ไม่โดดเด่นนักและทำให้มีแรงขายหุ้นบางตัวโดยเฉพาะหุ้นที่ราคาแพงกว่าปัจจัยพื้นฐานออกมา
ตลาดหุ้นต่างประเทศที่มีการปรับฐาน จากความกังวลประเด็นสงครามการค้าที่ได้กล่าวไปข้างต้น อีกส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณชะลอตัวลงในบางภาคส่วน หลังจากที่ขยายตัวได้ดีมาหลายไตรมาส แต่โดยรวมนับว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกนั้นเริ่มยืนระดับได้ โดยอาจจะมีข่าวลบที่เกี่ยวกับการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนออกมาเพิ่มเติมเป็นพักๆ ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนบ้าง และตลาดหุ้นในภูมิภาคอาจจะเคลื่อนไหวแบบ Sideways สักระยะหนึ่งก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นได้ ประเด็นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ นั้นเชื่อว่า ไม่น่ามีผลกระทบเชิงลบมากนักเพราะตลาดได้รับรู้ไปมากแล้ว
โดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะยืนระดับได้ดีขึ้น โดยอาจจะยังมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่โอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นได้มากนั้นยังค่อนข้างจำกัด เนื่องด้วยความตึงตัวของ Valuation ของหุ้น Big cap ประกอบกับการขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ ในภาพกว้าง การเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวจึงมีความสำคัญมาก และการที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอาจจะต้องรอให้มีปัจจัยใหม่หรือเห็นสัญญาณการขยายตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่มีนัยสำคัญมากกว่านี้