BBLAM Weekly Investment Insights 11-15 เมษายน 2022

INVESTMENT STRATEGY

ไตรมาส 2 นี้ ปัจจัยเศรษฐกิจหลักๆ ที่มีผลต่อการลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง BBLAM จึงคัดเลือก 4 กองทุนต่างประเทศที่เห็นโอกาสเพิ่มน้ำหนักลงทุนมาแนะนำ ได้แก่ B-SIP, B-CHINE-EQ, B-INNOTECH และ B-GLOB-INFRA พร้อมทางเลือกลงทุนหุ้นไทยกับ B-SMEQ

นายสันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน จาก BBLAM เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 นี้ ปัจจัยทางเศรษฐกิจหลักๆ ที่มีผลต่อการลงทุนยังไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ ทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง การดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการดูดซับสภาพคล่องในระบบ ส่วนปัจจัยที่เพิ่มมา คือ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อ เนื่องจากทำให้ราคาพลังงาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มขึ้นรวดเร็ว และทำให้เกิดปัญหาการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีผลกับตลาดน้อยลง

จากปัจจัยที่กล่าวมา ทีม Investment Strategy ของ BBLAM ได้คัดเลือก 4 กองทุนต่างประเทศที่สอดคล้องกับเทรนด์การลงทุนระยะยาว และมองเห็นโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 นี้ เนื่องจากมูลค่าหุ้นกลุ่มที่กองทุนลงทุนปรับลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ รวมทั้งเป็นกลุ่มธุรกิจที่เติบโตได้ท่ามกลางเงินเฟ้อ ได้แก่ B-SIP, B-CHINE-EQ, B-INNOTECH และ B-GLOB-INFRA 

สำหรับเหตุผลที่แนะนำ B-SIP เนื่องจาก BBLAM มองว่า ในช่วงที่ราคาพลังงานสูงขึ้นและประเทศต่างๆ โดยเฉพาะยุโรปมีปัญหาขาดแคลนพลังงาน จนต้องเร่งทำแผนเพื่อเพิ่มการผลิตพลังงานสะอาด (หรือ REpowerEU) ทำให้เห็นความสำคัญเรื่องการลงทุนในบริษัทพลังงานสะอาดชัดเจนขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนอย่างมาก

ส่วน B-CHINE-EQ เราให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยมองว่า ตลาดมีมุมมองบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น หลังรัฐบาลจีนผ่อนคลายความกังวลให้ในหลายข้อ โดยเฉพาะเรื่องหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยยังมีความกังวลในเรื่องนโยบาย Zero Covid Policy ที่อาจกระทบภาวะเศรษฐกิจ จากการล็อคดาวน์เมืองเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ อย่างไรก็ตามมูลค่าหุ้นจีน โดยเฉพาะตลาดฮ่องกง อยู่ในระดับที่น่าสนใจ อีกทั้งเงินเฟ้อไม่สูงเกินไป ทำให้มีโอกาสที่ในตลาดจะได้เห็นนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติม
ขณะที่ B-INNOTECH ก็เป็นอีกกองทุนหนึ่งที่ BBLAM แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนต่อเนื่องจากไตรมาสแรก เนื่องจากมองว่า หุ้นบริษัทเทคโนโลยีถูกเทขายจากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และเงินเฟ้อ จนทำให้มูลค่าถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ก็มีความสามารถในการปรับตัว มีความสามารถในการแข่งขัน และสามารถปรับราคาขึ้นได้ จึงได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัด และกองทุน B-INNOTECH ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนกลุ่มเทคโนโลยีคลาวด์ และฟินเทคเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี

ส่วนกองทุน B-GLOB-INFRA เรามองว่าหุ้นโครงสร้างพื้นฐานเป็นหุ้นเชิงรับ หรือ Defensive ที่มีความน่าสนใจ ในภาวะเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจชะลอตัว เนื่องจากรายได้ของบริษัทโครงสร้างพื้นฐานสามารถปรับตัวขึ้นไปพร้อมเงินเฟ้อได้ และธุรกิจก็มีแนวโน้มเติบโต เช่น ธุรกิจพลังงานสะอาด
นายสันติ กล่าวว่า นอกเหนือจากคำแนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน 4 กองทุนหุ้นต่างประเทศที่กล่าวมาแล้ว

หากนักลงทุนมองหาการลงทุนหุ้นไทยอยู่ BBLAM ก็แนะนำให้ลงทุนผ่าน กองทุน B-SMEQ เนื่องจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กเป็นดาวเด่นที่จะเติบโตได้ในระยะยาว

“ในฐานะที่ BBLAM เป็นบริษัทจัดการที่เน้นเรื่องการลงทุนระยะยาว มองว่า ในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน ก็เป็นโอกาสของการเข้าไปลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดี แต่มูลค่าปรับลดลงมากเกินไปจนทำให้มูลค่าน่าสนใจ ส่วนนักลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามภาวะตลาด และมองว่าการจับจังหวะลงทุนเป็นเรื่องที่ยาก ก็สามารถใช้วิธี DCA ทยอยลงทุนต่อเนื่องทุกเดือนด้วยเงินงวดละเท่าๆ กัน ในกองทุนที่ลงทุนในเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาวได้”

แนะนำกองทุน B-SIPB-CHINE-EQB-INNOTECHB-GLOB-INFRAS-SMEQ หรือ

กองทุนที่สามารนำไปลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ B-SIPRMFB-SIPSSFB-CHINAARMFB-CHINESSFB-INNOTECHRMFB-SM-RMF

อ่าน BBLAM Weekly Investment Insights 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2022 ฉบับเต็มได้ที่

https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/11-15-2022