INVESTMENT STRATEGY

BBLAM ส่งสัญญาณมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาว่า “เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยสูง และตลาดหมี จะยังดำเนินต่อไป” สำหรับพอร์ตลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกองทุนทั่วไป กองทุน RMF และกองทุน SSF จำเป็นที่จะต้องปรับพอร์ตเพิ่มกองทุนที่ลงทุนหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยโครงสร้างรายได้จะสามารถสู้เงินเฟ้อได้ และเหมาะสมกับสถานการณ์ R.I.S.K.

การประชุมนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ครั้งล่าสุด ประธานเฟดยืนยันหนักแน่นที่จะต้องดึงเงินเฟ้อลงมาให้ได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะกระทบอย่างไร ซึ่งคำยืนยันนี้ถือว่าดับความหวังของนักลงทุนที่ก่อนหน้านี้มองว่า ถ้าเงินเฟ้อไม่ได้มีแนวโน้มจะขึ้นแล้ว เฟดจะหันมามองว่าเศรษฐกิจจะมีปัญหา และหยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งถ้าจำกันได้ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีบางช่วงที่ตลาดปรับขึ้นมาแรงเพราะความหวัง

อย่างไรก็ตาม BBLAM ส่งสัญญาณมาตลอดหลายเดือนว่า “เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยสูง และตลาดหมี จะยังดำเนินต่อไป” สำหรับพอร์ตลงทุน ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในกองทุนทั่วไป กองทุน RMF และกองทุน SSF จำเป็นที่จะต้องปรับพอร์ตเพิ่มกองทุนที่ลงทุนหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยโครงสร้างรายได้จะสามารถสู้เงินเฟ้อได้

ขณะที่กองทุนประเภทลดหย่อนภาษี เช่น RMF และ SSF ซึ่งเงินลงทุนจะเป็นระยะยาว สามารถเข้าสะสมหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หรือหุ้นกลุ่มนวัตกรรมดูแลโลก เช่น พลังงานสะอาด ได้ เพราะราคาหุ้นลงมามากแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นจุดต่ำสุดเพราะก็มีโอกาสปรับตัวลงได้ เพียงแต่โอกาสของการลงต่อแรง ๆ ก็อาจมีความน่าจะเป็นลดลง

ทีนี้มาดูกันว่าเมื่อสถานการณ์ขึ้นดอกเบี้ยยังยืดเยื้อ BBLAM ก็มองว่า R.I.S.K เหล่านี้ก็จะยังอยู่ ซึ่ง R ก็คือ Recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่มีโอกาสเกิดมากขึ้น, I คือ Inflation ซึ่งเป็นปัญหาหนักหนาอยู่ในปัจจุบัน, S คือ Stagflation ก็มีโอกาสเกิดมากขึ้น และ K คือ Klemlin หรือความไม่สงบระหว่างรัสเซียและยูเครนที่สถานการณ์ไม่มีทีท่าว่าจะจบในเร็ววัน ดังนั้น ตลาดก็จะยังเป็น Bear Market Rally แม้ว่าบางช่วงตลาดอาจจะปรับขึ้นให้เราดีใจบ้าง

หลังจากที่เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตลาดปรับเพิ่มการคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไปต่อถึงปี 2023 และมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 4%

ดังนั้น ตลาดยังผันผวนจากเรื่องนโยบายการเงิน และเศรษฐกิจถดถอย มีสาเหตุจากตลาดไม่แน่ใจว่าสหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงเศรษฐกิจถดถอยได้หรือไม่ จากการขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรงมากขนาดนี้  แต่ระยะยาว ภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน ทั้งด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาด

การลงทุนในระยะถัดมา BBLAM จึงมีมุมมองการลงทุนแบ่งเป็น 3 ส่วน ที่น่าปรับพอร์ต ดังนี้ 

• ปรับพอร์ตให้สู้เงินเฟ้อ และภาวะดอกเบี้ยสูง ได้ โดยยังแนนำลงทุนในกองทุน B-GLOB-INFRA และสำหรับพอร์ตลดหย่อนภาษีอย่าง RMF และ SSF ก็แนะนำเพิ่มกองทุน B-GLOB-INFRARMF และ B-GLOB-INFRASSF เข้าพอร์ต (สองกองทุนนี้จะเปิดขายครั้งแรกวันที่ 4 – 10 ตุลาคม 2565) 

กองทุนลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอยู่ในหมวดที่ Defensive โดยเลือกลงทุนบริษัทที่สามารถให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และมากกว่า 90% ของบริษัทที่ลงทุน รายได้สามารถปรับตัวขึ้นพร้อมเงินเฟ้อ

• สำหรับผู้ที่เห็นโอกาสแล้วละว่าหุ้นราคาตกลงมาก อยากเข้าลงทุน BBLAM ยังไม่แนะนำการลงทุนแบบระยะสั้น  ยังคงแนะนำให้เป็นการลงทุนระยะยาว และใช้วิธีทยอยสะสม หรือจะใช้วิธี DCA ก็ได้ เพราะมีหลายสถานการณ์ที่ทำให้หุ้นมีโอกาสราคาปรับลงมาได้อยู่ หรือถ้าสะสมลงทุนในกองทุน RMF หรือ SSF ก็ทำได้อยู่

สำหรับธีมลงทุนที่แนะนำก็เป็น ธีมเทคโนโลยี ได้แก่ B-INNOTECH สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีก็มี B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF โดย BBLAM มองว่า มูลค่าของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ถูกปรับลงจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ในขณะที่ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มซอฟแวร์ยังคงแข็งแกร่ง เพราะรายได้ของบริษัทซอฟแวร์ส่วนใหญ่จะเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นซ้ำ และมี High Switching Cost เพราะเป็นสินค้าที่ยากต่อการยกเลิก หรือเปลี่ยนไปใช้บริการเจ้าอื่นๆ  ทำให้บริษัทซอฟแวร์ได้รับผลกระทบน้อยในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจถดถอย เมื่อเปรียบเทียบกับบริการประเภทอื่น

และถัดมาเป็นธีมดูแลโลก เช่น ธุรกิจที่เน้นประหยัดพลังงาน ธุรกิจพลังงานสะอาด หรือธุรกิจรีไซเคิล เป็นต้น BBLAM แนะนำกองทุน B-SIP และพอร์ตลดหย่อนภาษีก็แนะนำ B-SIPRMF และ B-SIPSSF ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินงานอาจมีบางช่วงที่ผันผวน เป็นเพราะผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม BBLAM คาดว่า พลังงานสะอาดจะเป็น Secular Trend ที่สำคัญต่อโลกนับจากนี้ไป โดยเฉพาะหลังจากที่ยุโรปมีปัญหาเรื่องขาดแคลนพลังงาน

• อีกทางเลือกหนึ่งคือ หุ้นจีน ซึ่งปัญหายังติดอยู่ที่การใช้นโยบาย Zero Covid อาจต้องดูความชัดเจนอีกครั้งหลังการประชุมพรรคในเดือนตุลาคมนี้ ส่ิงที่ BBLAM มองเห็นโอกาส คือจีนมีวัฐจักรเศรษฐกิจที่แตกต่างจากทั้งโลก เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในช่วงฟื้น นักลงทุนอาจเลือกสะสมลงทุนในกองทุนหุ้นจีนเพื่อรอรับตลาด turnaround ซึ่งกองทุนที่ BBLAM แนะนำ ได้แก่ B-CHINE-EQ และกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-CHINESSF และ B-CHINAARMF

แนะนำกองทุนใหม่ B-GLOB-INFRARMF และ B-GLOB-INFRASSF เลือกดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/3-7-2022