อินเดียต้องการเป็นฐานการผลิตระดับชั้นนำในเอเชีย เนื่องจากบริษัทหลายแห่งได้เคลื่อนย้ายออกจากจีน แต่สิ่งแรกที่อินเดียจำต้องทำ คือ ลดภาษีและปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ให้ดีขึ้น หากว่า อินเดียต้องการจะแย่งชิงตำแหน่งนี้จากเวียดนาม
สหรัฐอเมริกาพยายามให้การสนับสนุนพันธมิตร ในขณะที่การแข่งขันกับจีนรุนแรงมากขึ้น โดยรัฐบาลไบเดนได้ส่งเสริมบริษัทอเมริกันหลายแห่งให้ย้ายการปฏิบัติงานภาคการผลิตในภาคธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีออกจากจีนและเข้าไปยังประเทศที่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวียดนาม อินเดีย และเอเชียแปซิฟิก
อินเดียและเวียดนามเป็นทางเลือกในภาคการผลิตที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุนต่างชาติและบริษัทหลายๆ แห่ง บางส่วนเป็นเหตุผลมาจากค่าแรงงานที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม ในระหว่าง 2 ประเทศนี้ เวียดนามยังคงนำหน้าอินเดียด้วยมูลค่าการส่งออกในปี 2566 สุทธิที่ 96,990 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปรียบเทียบกับมูลค่าส่งออกของอินเดียที่ 75,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซาเมียร์ คาปาเดีย (Samir Kapadia) CEO ของบริษัท India Index และประธานบริหารของกลุ่มบริษัท Vogel กล่าวว่า “เวียดนามมีชื่อเสียงจากความสามารถของพวกเขาในการผลิตภาคอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนอินเดียกำลังเพิ่งเริ่มเข้าสู่การแข่งขันนั้น เพื่อที่ว่าทำให้เวียดนามยังมีข้อได้เปรียบเชิงแข่งขันเมื่อเทียบกับอินเดีย”
ขณะที่ ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ของอินเดียนั้นอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเยือนอย่างเป็นทางการที่ทำเนียบขาวในเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วของนายกรัฐมนตรีอินเดีย นเรนทรา โมดี โดยเวียดนามมีการค้าและการลงทุนกับรัฐบาลวอชิงตันของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2550
อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับเวียดนามคือการมีข้อเสนอที่เรียบง่ายมากกว่าเมื่อเทียบกับอินเดีย ซึ่ง เคสช์ เอกี (Mukesh Aghi) ประธานและ CEO ขององค์กรไม่แสวงกำไรในสหรัฐฯ ที่ชื่อ US-India Strategic Partnership Forum (USISPF) ให้ข้อสังเกตว่า อินเดียมี 29 รัฐ และทุก ๆ รัฐมีนโยบายที่อาจจะแตกต่างกัน
แอนดี้ โฮ (Andy Ho) ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของบริษัท วินาแคปปิตอล (VinaCapital) ระบุว่า หนึ่งอุปสรรคสำหรับจุดมุ่งหมายของอินเดียในการเป็นศูนย์กลางการผลิตคือ ภาษีนำเข้า 10% สำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งสูงกว่าภาษีนำเข้าเฉลี่ยของเวียดนามที่ราว 5%
ภาษีนำเข้าของอินเดียมุ่งหมายที่จะปกป้องผู้ผลิตในประเทศ แต่ว่าการปรับลดภาษีเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลในการดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาผลิตสินค้าภายในประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม คาปาเดียเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของเวียดนามกับจีน จะนำเสนอให้อินเดียมีข้อได้เปรียบที่สำคัญ
ที่มา: ซีเอ็นบีซี