INVESTMENT STRATEGY
Stagflation ถึงแม้ยังไม่เกิด แต่ High Inflation มาแล้ว ลองเช็คพอร์ตกันดูว่า มีหุ้นพร้อมรับมือกันหรือยัง
คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM พูดถึงโอกาสเกิด Stagflation ว่าเป็นเรื่องนึงที่มีการถกเถียงกันมากว่าอเมริกาหรือเอเชียจะเกิดขึ้นหรือเปล่า เรามาดูในอเมริกาปี 1970 ที่มีการเกิด Stagflation ก็จะมีการว่างงานเป็นดับเบิ้ลดิจิท ต่อมาก็ตัวเลขเงินเฟ้อขึ้นเป็นสองหลัก ซึ่งผลทำให้เกิดการว่างงานขณะที่ข้าวของก็แพงซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ณ สถานการณ์ตอนนี้ดูแล้วก็ยังไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น แต่ถ้าเรากังวลใจ วันนี้ก็จะมาชวนดูกันว่า จัดพอร์ตลงทุนแบบไหนเพื่อรับมือดี
จากรูปข้างบนเป็นการนำข้อมูลจากช่วงปี 1970 มาดูว่าถ้าในช่วงนั้นมีการลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนต่าง ๆ จะเป็นยังไงกันบ้าง โดยเริ่มจากเส้นดำด้านล่างสุดจะเป็นพอร์ตคล้าย ๆ 60:40 ก็จะมีทั้งดัชนี S&P และพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ผลตอบแทนก็จะได้ตามเส้นดำนี้ สำหรับเส้นบนบนขึ้นไป ก็คือลองเพิ่มลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ ขึ้นมา แล้วผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร อย่างเช่นในเส้นสีเทาก็จะมีการลงทุนเพิ่มสินทรัพย์ที่เป็น Hign dividend yield ผลตอบแทนก็จะขึ้นมาระดับหนึ่ง เส้นแต่ละสีก็คือเพิ่มสินทรัพย์แต่ละแบบเข้าไป
เรามาดูเส้นบนสุดคือเส้นสีฟ้า คือผลตอบแทนถ้าเราเพิ่ม real assets เข้าไปในพอร์ต แต่มาดูกันก่อนว่า real assets นี้กินกว้างไปถึง เรื่องของการลงทุนใน รูปภาพ นาฬิกา ที่ดิน ซึ่งโครงสร้างก่อสร้างพื้นฐาน หรือ Global infrastructure ก็นับด้วย ดังนั้นในรูปก็จะบอกว่า ในช่วง Stagflation ที่ระดับความผันผวนเท่ากันแล้ว real asset จะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนได้เป็นอย่างดี
และในภาพด้านบนถัดมาก็จะชี้ให้เห็นว่ายิ่งเพิ่ม Real Assets, REITs, หุ้นกลุ่มอินฟราฯ และหุ้นกลุ่ม Emerging markets (EM) ก็เข้ามามีบทบาทช่วยทำให้พอร์ตมีผลตอบแทนอยู่ได้ในสถานการณ์ช่วงนั้น หลายคนคงสงสัยว่า EM ช่วยพอร์ตได้ด้วยหรือ ต้องไม่ลืมว่าประเทศในกลุ่ม EM ส่วนมาก เช่นประเทศในกลุ่มอาเซียนเอง ล้วนเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าประเภท Commodity ซึ่งได้ประโยชน์จากราคาที่เพิ่มขึ้น และรับผลกระทบจาก Stagflation ที่น้อยกว่า
เราลองเอาภาพปัจจุบันมาดู โดย Forward P/E หุ้นโลก (ไม่รวม US) ภาพซ้ายมือเส้นสีเหลือง เทียบกับดัชนี MSCI US จะเห็นว่าหุ้นที่ไม่ใช่อเมริกาถูกกว่ามาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้หุ้นกลุ่ม EM น่าสนใจ
แต่ใช่ว่าหุ้นอเมริกาจะแพงไปหมด โอกาสยังน่าสนใจอยู่ในบางกลุ่ม เช่น กลุ่มหุ้น defensive หลายคนคงแย้งว่าเศรษฐกิจกำลังเปิดทำไมถึงมาพูดหุ้นประเภทนี้ ภาพขวามือเป็นหุ้นกลุ่ม Utilities ก็จะเห็นว่าขึ้นได้ดี โดยเฉพาะยิ่งในช่วงเกิดวิกฤตยูเครน และที่ลืมไม่ได้คือ หุ้นเทคโนโลยีตัวใหญ่ที่มีกำไร มีเงินสดมาก duration ต่ำ ซึ่งราคาหุ้นของธุรกิจเหล่านี้จะขึ้นกับกำไรของตัวเองมากกว่าที่จะได้รับผลกระทบเมื่อ yield พันธบัตร 10 ปีเพิ่มขึ้น อันนี้ต่างกับหุ้นเทคฯ ที่เป็น Hyper growth ซึ่งธุรกิจไม่ได้มีกำไรแต่ P/E สูง ซึ่งเมื่อ Yield พันธบัตร 10 ปี ปรับขึ้นเร็ว ตัว valuation ก็จะได้กระทบมาก
แนะนำกองทุน B-GLOB-INFRA, B-ASIA, B-CHINE-EQ, B-INNOTECH, BCARE
สำหรับกองทุนที่นำมาลดหย่อนภาษีได้ แนะนำ B-ASIARMF, B-CHINAARMF, B-CHINESSF, B-INNOTECHRMF และ BCARERMF
และแนะนำ 2 กองทุน SSF ใหม่ : B-INNOTECHSSF และ B-ASIASSF ซึ่งเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 21-27 เมษายนนี้
อ่าน BBLAM Weekly Investment Insights 25 – 29 เมษายน 2022 ฉบับเต็มได้ที่
https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/25-29-2022