2022 – Opportunities are never lost
INVESTMENT STRATEGY
ดูเหมือนพอร์ตที่เหมาะสมตอนนี้ น่าจะเป็นการบาลานซ์ให้ดีระหว่างการหาประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อสูง และเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ต้องมีหุ้นสู้เงินเฟ้อ และหุ้น Defensive ขณะเดียวกันก็ต้องมีหุ้น Growth ซึ่งราคาปรับตัวลงมาอย่างมาก ก็เป็นจังหวะสะสมเพื่อรอโอกาส เพียงแต่ต้องเลือกธีมที่ใช่ และกองทุนที่เน้นการคัดเลือกหุ้นลงทุน
คุณมทินา วัชรวราทร CFA® Head of Investment Strategy จาก BBLAM ให้ความเห็นถึงตลาดในช่วงนี้ว่า ที่ตลาดขึ้นมาได้เยอะๆ เป็นบางช่วง ยังถือว่าอยู่ในช่วง Bear Market Rally ซึ่งอธิบายได้ว่า ดัชนีสามารถปรับตัวเด้งขึ้นมาในระยะสั้น ๆ แต่ยังไม่ใช่การขึ้นที่เป็นเทรนด์ถาวรหรือเป็นตลาดขาขึ้น
ตลาดตอนนี้เหมือนเสียงแตก กลุ่มหนึ่งมองว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยถึง 3.5% ในปีหน้าและอาจเริ่มลดดอกเบี้ยลงเพราะเริ่มกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่อีกกลุ่มหนึ่งมองว่า Fed น่าจะยังเอาเงินเฟ้อเป็นหลัก ถ้ายังไม่ลดลงมาสู่ระดับเป้าหมายก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทาง BBLAM เองก็คิดแบบกลุ่มหลังนี้
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะเงินเฟ้อสูงที่เกิดขึ้นนี้ถึงแม้เกิดจาก Supply chain ก็จริง แต่ก็มาจากการขึ้นราคาจากฝั่งภาคบริการ ค่าเช่าบ้าน และค่าจ้างแรงงาน อีกทางหนึ่งก็มาจากราคาพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ที่บางรอบก็ราคากลับมาขึ้นทำราคาสูงสุด หรือราคาน้ำมันเองก็อาจปรับตัวขึ้นมาสูงอีก เพราะน้ำมันที่อเมริกานำ Strategic oil reserve มาใช็ก็จะครบกำหนดในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ OPEC ก็ไม่เพิ่มกำลังการผลิต ขณะที่ยุโรปกำลังเข้าหน้าหนาวซึ่งคนยุโรปจะต้องใช้ไฟ และฮิตเตอร์เยอะมาก นั่นหมายถึงเงินเฟ้อยังไม่ลงมาง่าย ๆ ซึ่งในที่สุดก็จะทำให้ P/E ของตลาดปรับลงมาอีกครั้ง ทำให้ตลาดยังมีความเสี่ยงที่จะลงต่อ
สองเดือนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างปรับตัวขึ้นมาได้ นี่เป็นเพราะ บริษัทในตลาดประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ว่ามีกำไรดี กำไรของ S&P สามารถปรับตัวขึ้นได้อยู่ รายได้ก็ยังขึ้นอยู่จากปีที่แล้ว แต่ถ้าเข้าไปดูข้อมูล ก็จะเห็นว่า
- ผู้บริโภคกำลังซื้อของที่ราคาถูกลง เช่น แมคโดนัลด์ ก็บอกว่าลูกค้าเลือกที่จะซื้ออาหารถูกลง หรือว่าน้อยลง หรือบริษัทให้บริการชำระเงิน เช่น ไฟเซอร์กรุ๊ป ก็รายงานว่า ยอดค่าใช้จ่ายของร้านอาหารที่แพง ๆ ลดลง คนหันไปรับประทานอาหารฟาสต์ฟู้ด และ Quick Service เพิ่มมากขึ้น
- ผู้บริโภคลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยลง เน้นเฉพาะสินค้าที่จำเป็น ทั้งนี้บริษัท Best Buy เองก็รายงานว่า สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ Gadget ต่าง ๆ ลดลง
- สินค้าคงคลังตอนนี้กลายเป็นล้นโกดัง ซึ่งต่างกับช่วงโควิดที่โกดังไม่มีสินค้า บริษัท Target-Walmart เองก็ประกาศลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อก นั่นหมายถึงว่าในช่วงถัดไปก็จะมีการรายงานผลประกอบการที่แย่ลง
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว BBLAM จึงเชื่อว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังเริ่มต้น ดังนั้นในระยะถัดไปตลาดหุ้นก็จะมีความเสี่ยงที่จะโดนปรับประมาณการกำไรลดลง และก็จะทำให้ดัชนีตลาดลดลงตาม
แต่สิ่งที่พูดมาก็ไม่ใช่มีผลกับทุกบริษัทในตลาดนะคะ กลายเป็นว่าบริษัทไหนที่สามารถปรับตัวได้ดี ก็จะสามารถทำผลประกอบการได้ดี และก็ถือเป็นจังหวะลงทุนเมื่อราคาหุ้นปรับลงมามาก
ตัวอย่างเช่น กลุ่มค้าปลึกซึ่งจากที่พูดมาก็จะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ แต่ Amazon กลับสามารถประกาศผลประกอบการออกมาดี และกลายเป็นหุ้นที่ไม่แพงเพราะก่อนหน้านั้นราคาหุ้นปรับลงมา หรือในกลุ่มอาหาร Starbuck ก็สามารถโชว์ผลประกอบการดีด้วยสามารถเพิ่มราคารขายได้ หรือในกลุ่มผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ NVIDIA ประกาศผลออกมาไม่ดี ซึ่งต่างกับบริษัท NXP Semiconductor ซึ่งสามารถผลิตสินค้าได้ทันความต้องการ และก็ปรับราคาขึ้นได้ ก็ประกาศผลประกอบการออกมาดี
ถึงตอนนี้แล้ว เมื่อยังมีหุ้นที่สามารถปรับตัวได้ดีเป็นตัวเลือกอยู่ ก็อยู่ที่ว่าเราจะจัดพอร์ตยังไงดีเพื่อเป็นกรอบในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต BBLAM จึงกลับไปดูสถิติเพื่อนำมาเป็นแนวทาง ก็จะพบว่าในอดีตในช่วงตลาด Bull flattering หรือ Bull stiffening กลุ่มที่จะกลับมาให้ผลตอบแทนดีอยู่ ได้แก่ กลุ่ม Utiltiy และกลุ่ม Healthcare ขณะเดียวกันหุ้นบางกลุ่ม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีก็เป็นเทรนด์ที่มีอนาคตดี และราคาปรับตัวลงมาแรงก็น่าสะสม BBLAM จึงเสนอให้มีการจัดพอร์ตแบบ “บาร์เบลล์”
BBLAM แนะนำให้ด้านหนึ่งของบาร์เบลล์ ควรมีหุ้นกลุ่ม Healthcare ซึ่งเป็นหุ้นประเภท Defensive เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่ว่าจะภาวะเป็นอย่างไร ค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลสุขภาพก็ยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น และตอนนี้ราคาน่าสนใจลงทุน
นอกจากนี้ ในด้านเดียวกันนี้ ก็ควรมีหุ้นกลุ่ม Inflation hedge เพื่อไว้สู้กับเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อจะยังเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจโลกอยู่
ส่วนอีกด้านหนึ่งของบาร์เบลล์ ก็เก็บโอกาสจากการสะสมหุ้นประเภท Growth ที่มีโอกาสดีและราคาหุ้นปรับลงมาเยอะ BBLAM แนะนำ หุ้นในกลุ่มประเทศอาเซียน หรืออาจะเรียกไปที่หุ้นเวียดนาม เพราะภูมิภาคนี้ P/E ยังไม่แพง GDP มีโอกาสเติบโต เพียงแต่ยังต้องติดตามเรื่องผลกระทบจากราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสเพิ่มหุ้นที่เป็นเทรนด์ที่มา ได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งต้องมีการคัดเลือกหุ้นที่ไม่แพง คุณภาพดี ซึ่งวิธีการคัดเลือกแบบนี้อยู่ในวิธีคัดเลือกหุ้นของกองทุน B-INNOTECH
- กองทุนสู้เงินเฟ้อ แนะนำ B-GLOB-INFRA
- กองทุนลงทุนหุ้น Defensive แนะนำ BCARE หรือต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำ BCARERMF
- กองทุนลงทุนหุ้น Growth ธีมพลังงานทดแทน แนะนำ B-SIP หรือต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำ B-SIPSSF และ B-SIPRMF
- กองทุนลงทุนหุ้น Growth ธีมเทคโนโลยี แนะนำ B-INNOTECH หรือต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำ B-INNOTECHSSF และ B-INNOTECHRMF
- กองทุนลงทุนหุ้นภูมิภาคอาเซียน แนะนำ B-ASEAN และ B-VIETNAM หรือต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี แนะนำ B-ASEANRMF และ B-VIETNAMRMF
อ่านเพิ่มเติมทั้งหมดได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/5-9-2022