2023 – The Rise of Asia |
INVESTMENT STRATEGY
By BBLAM
“ปีนี้ ดัชนี MSCI China จะโตที่ 18% ขณะที่ PE อยู่เพียง 11 เท่านิดๆ ขณะที่ หุ้นโลก ดัชนี MSCI World คาดว่า กำไรจะทรงตัว แต่ P/E แพงกว่าที่ 16 เท่า หุ้นจีนดูเหมือนมีภาษีที่ดีกว่า“
คุณเสกสรร โตวิวัฒน์, CFP® Assistant Managing Director จาก BBLAM สัปดาห์นี้มาชวนดูกันว่า ทำไมจีนถึงน่าลงทุนใน “หลายเหตุผลที่ทำให้จีนกลับมาน่าลงทุน”
ปีนี้ ตลาดการลงทุนย้ายมาโฟกัสในฝั่งเอเชียครับ โดยเฉพาะจีนที่ซบเซามา 2 ปี ซึ่งก็มาจากหลายๆ สาเหตุแต่สาเหตุใหญ่ๆ ก็มาจากโควิด ที่ประเทศจีนยังคงใช้นโยบายเข้มงวดอย่าง Zero-Covid ก่อนจะมายอมผ่อนคลายเมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่การผ่อนคลายนโยบายหลังประเทศใหญ่อื่นๆ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่หลายประเทศใหญ่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัว จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและเงินเฟ้อ ก็ยิ่งทำให้ประเทศจีนมีความน่าสนใจมากขึ้นโดยเปรียบเทียบ
สำหรับกลุ่มประเทศเอเชียที่ปัจจุบันมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้มีสัดส่วนการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น มีการค้าขายและเดินทางระหว่างกันมากขึ้น การที่จีนเปิดประเทศจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจหลายประเทศมีความน่าสนใจมากกว่าฝั่งตะวันตก เพราะปริมาณคนจีนที่มีมาก มีกำลังซื้อและการเดินทางของคนจีนในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ ทดแทนกำลังซื้อจากฝั่งตะวันตกที่ลดลง
กลับมาที่จีน นอกจากการผ่อนคลายนโยบายเรื่องโควิดแล้ว ข่าวการปรากฎตัว ของ Jack Ma ที่ Hang Zhou ที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Alibaba หรือ การประกาศที่จะแยกหน่วยธุรกิจที่ประกอบไปด้วยพวก Ecommerce, ธุรกิจ Cloud, ธุรกิจ logistic ก็เป็นเหมือนสัญญาณ ที่บ่งชี้ว่า การควบคุมบริษัทด้านเทคโนโลยีของจีนน่าจะผ่อนคลายลง หลังจากถูกทางการจีนควบคุมจัดระเบียบมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การไม่ให้ระดมทุนของ Ant Group, การควบคุมการผูกขาดของกิจการ E-commerce การควบคุมธุรกิจเกม เป็นต้น
ในมุมมองของการลงทุนจากนี้ไป ปัจจัยบวกของจีนดูดีมาก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องภาพรวมของเศรษฐกิจหรือโอกาสการลงทุน
- ปัจจุบันเศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว หลักจากเลิกนโยบาย Zero-Covid ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของจีนอย่าง ดัชนีฝ่ายจัดซื้อ PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ ล้วนอยู่ในโหมดของการขยายตัว และคาดว่าตัวเลขยอดค้าปลีกในประเทศก็น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง
- นอกจากนั้น ความเสี่ยงสำคัญอย่างอัตราเงินเฟ้อในประเทศจีนก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การอัดฉีดสภาพคล่องจากทางการผ่านการลดอัตราส่วนสำรองในภาคธนาคาร ยังคงต่อเนื่อง นักวิเคราะห์ในตลาด มอง GDP จีนไตรมาสที่ 1 ว่าเราอาจเห็นการเติบโตระดับ 4% ซึ่งมากกว่าไตรมาสที่แล้วที่ได้ไม่ถึง 3%.
- นอกจากนั้น ปัจจัยสำคัญ คือ มุมมองของฝ่ายการเมือง จากประชุมสองสภาของจีนเดือนที่แล้วก็มีความชัดเจนในด้านการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น การตั้งเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้ที่ประมาณ 5% ซึ่งจะมากกว่าการเติบโตที่ทำได้ปีที่แล้วที่ 3% และการใช้ทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในการหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจจีน ส่วนด้านปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ก็น่าจะมีมาตรการช่วยเหลือมาต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นประเด็นเชิงบวกของเศรษฐกิจจีน
สำหรับโอกาสของการลงทุน ตอนนี้หุ้นจีนถือว่ามี P/E ที่ถูกกว่าในขณะที่การเติบโตปีนี้ดูดีกว่าฝั่งตะวันตกพอสมควร เลย นักวิเคราะห์คาดว่า ในปีนี้น่าจะได้เห็นการเติบโตของดัชนี MSCI China ที่ 18% ในขณะที่ PE อยู่เพียง 11 เท่านิด ๆ ขณะที่ตลาดหุ้นโลกภายใต้ดัชนี MSCI World คาดปีนี้กำไรน่าจะทรงตัว แต่มี P/E ที่แพงกว่าที่ 16 เท่า ซึ่งบอกได้ชัดเจนว่าในเชิงเปรียบเทียบหุ้นจีนดูเหมือนมีภาษีที่ดีกว่าหุ้นโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
BBLAM แนะนำกองทุน
กองทุนลงทุนเอเชีย : B-ASIA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASIARMF และ B-ASIASSF
กองทุนลงทุนจีน : B-CHINE-EQ หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-CHINAARMF และ B-CHINESSF
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/17-21-2023