2023 – The Rise of Asia |
INVESTMENT STRATEGY
By BBLAM – The Rise of Asia
“BBLAM ยังมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่น่าสนใจในการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย มองว่า สถานการณ์ในอนาคตน่าจะส่งเสริมการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะปัจจัยเฉพาะตัวที่ตลาดยังไม่ได้นำเข้าไปรวมในราคาปัจจุบัน (ปัจจัยที่ตลาดยังไม่ได้ priced-in) ซึ่งน่าสังเกตว่า ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจกับตลาดหุ้นเอเชียมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ เช่น หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และหุ้นยุโรปที่เริ่มปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว ทำให้มองว่า ครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของตลาดหุ้นเอเชีย”
ทำไมตลาดหุ้นเอเชียถึงน่าสนใจ?
เหตุผลที่ทาง BBLAM ชอบตลาดหุ้นเอเชีย ประกอบด้วย วัฏจักรสินเชื่อที่ฟื้นตัวได้ดี สภาพคล่องที่ยังค่อนข้างผ่อนคลาย ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น (เช่น ธนาคารกลางเวียดนามลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว 2 ครั้ง) อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าภูมิภาคอื่น (GDP ของหลายประเทศยังเติบโตมากกว่า 5%) ท่ามกลางสถานการณ์เงินเฟ้อที่ไม่รุนแรง มูลค่าหุ้นไม่แพง และมีกำไรต่อหุ้นที่น่าจะผ่านจุดต่ำสุด และฟื้นตัวได้ดีในครึ่งปีหลัง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย
ประเทศในแถบเอเชียที่น่าสนใจ
ในตลาดหุ้นเอเชีย ทาง BBLAM ชอบหุ้นเกาหลี และหุ้นไต้หวัน โดยมองว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของทั้งสองประเทศ การปรับประมาณการณ์กำไรลง น่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และรายได้ของบริษัทกลุ่มนี้ น่าจะฟื้นตัวได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ BBLAM ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนจะฟื้นตัวได้ดีหลังจากการเปิดประเทศ โดยในช่วงวันหยุดยาวของจีน พบยอดจองโรงแรมเพิ่มขึ้นถึงกว่า 700% ซึ่งธนาคารกลางจีนยังมีแนวโน้มที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป และหุ้นจีนถือว่ามีราคาไม่แพง
อินเดียก็เป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจโดยแต่เดิมตลาดหุ้นอินเดียก็มีความน่าสนใจสูงอยู่แล้ว แต่ว่ามูลค่าหุ้นค่อนข้างแพง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอินเดียก็มีนโยบายส่งเสริมตลาดหุ้นอินเดีย เช่น การสนับสนุนให้ประชาชนออมเงินผ่านการลงทุนในตลาดหุ้นโดยอัตโนมัติ ตลอดจนประชาชนอินเดียมีอัตราการออมสูง และมีการให้ความรู้ด้านการลงทุนต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียได้รับความสนใจจากคนอินเดียเองสูง
เวียดนามมีความน่าสนใจมากขึ้น ในขณะที่ มูลค่าหุ้นถูกกว่าโดยล่าสุดอัตรากำไรต่อหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงประมาณ 13.6% ในไตรมาสหนึ่ง แต่น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ในปี 2024 และธนาคารกลางยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและช่วยผลักดันตลาดหุ้นได้ ทำให้มองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน
ตลาดหุ้นอินโดนีเซียก็มีแนวโน้มที่ดี จากปัจจัยด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจำนวนประชากร ซึ่ง BBLAM มองว่า การที่อินโดนีเซียมีแหล่งแร่ค่อนข้างมาก แม้ว่าจะทำให้ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีความเป็นตลาดหุ้นของหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ในระดับหนึ่ง แต่ในระยะถัดไปน่าจะสามารถพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมในระดับสูงได้ และมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยปัจจุบันมูลค่าหุ้นอินโดนีเซียก็ยังถือว่าไม่แพง
รายละเอียดการลงทุนของกองทุน B-ASIA
BBLAM แนะนำการลงทุนในกองทุน B-ASIA ซึ่งลงทุนใน Invesco Asian Equity Fund โดยคาดหวังผลตอบแทนมากกว่า 10% ต่อปีในระยะกลาง และระยะยาว เน้นไปที่การซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และเป็นหุ้นที่ตลาดยังไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่ว่าเป็นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนนี้จะเลือกหุ้นที่น่าสนใจในช่วงเวลาที่ตลาดมีความกังวลเพื่อสร้างผลตอบแทน และขายทำกำไรในช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้น
B-ASIA เน้นไปที่การลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) เกม (gaming) ผู้ผลิตที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า (แต่ไม่ใช่ตัวยานยนต์ไฟฟ้า) ธนาคารและประกัน โดยจะเน้นไปที่กลุ่มประเทศ จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน และให้น้ำหนักไปที่กลุ่มการเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งปัจจุบัน B-ASIA ถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ เช่น Taiwan Semiconductor Manufacturing (TSMC), Samsung, Tencent, Alibaba, HDFC (ธนาคารในอินเดีย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดี จากการขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย), Gree Electric (บริษัทแอร์ในอินเดีย เกาหลี และไต้หวัน), QBE Insurance (บริษัทประกันในออสเตรเลีย) และ Largen Precision (บริษัททำเลนส์ซึ่งเป็นส่วนประกอบของ smartphones เช่น iPhone)
ผลการดำเนินงานของ B-ASIA ที่ผ่านมา ถือว่าให้ผลตอบแทนโดดเด่นเมื่อเทียบกับกองทุนอื่นๆ และเมื่อปรับตัวลงก็ปรับตัวลงน้อยกว่ากองทุนอื่นๆ เช่นกัน สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่า สำหรับนักลงทุนที่มีกองทุน B-ASIA อยู่แล้วช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในกองนี้ ซึ่งอาจจะค่อยๆ ทยอยสะสมได้ แต่สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีก็สามารถทยอยซื้อได้ ซึ่งข้อดีของการลงทุนในตลาดเอเชียจะสามารถลดความผันผวน และช่วยเพิ่มการกระจายตัวของการลงทุนจากการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปได้ดี
BBLAM แนะนำกองทุน
กองทุนลงทุนเอเชีย : B-ASIA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASIARMF และ B-ASIASSF
กองทุนลงทุนจีน : B-CHINE-EQ หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-CHINAARMF และ B-CHINESSF
กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF
กองทุนลงทุนอาเซียน : B-ASEAN หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-ASEANRMF
กองทุนลงทุนเวียดนาม : B-VIETNAM หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-VIETNAMRMF และ B-VIETNAMSSF
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bblam.co.th/bualuang-insights/bblam-investment-insights/29-2-2023