เทคโนโลยีและความสะดวกสบายเพื่อสังคมสูงวัย

เทคโนโลยีและความสะดวกสบายเพื่อสังคมสูงวัย

ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า  จากข้อมูลประชากรของประเทศไทยปี 2556 ประชากรไทยมีจำนวน 64.6 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุมากถึง 9.6 ล้านคน (ร้อยละ 14.9)   มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทยคาดว่าในปี 2573 จะมีจำนวนผู้สูงอายุ 17.6 ล้านคน (ร้อยละ 26.3) และปี 2583 จะมีจำนวนถึง 20.5 ล้านคน (ร้อยละ 32.1) ซึ่งจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุตามนิยามขององค์การสหประชาชาติ จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการความสะดวกสบายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังจะเห็นได้จากประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุมากจะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาอำนวยความสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ หรือการนำหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต ตลอดจนรถยนต์ไร้คนขับ ล้วนแล้วแต่เป็นการรองรับเทรนด์ของประชากรโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย  แม้กระทั่งการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ e-commerce หรือ การทำธุรกรรมการเงินออนไลน์ ePayment นับเป็นอีกแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ผู้สูงวัยช่วยเหลือตนเองได้โดยที่ไม่ต้องออกจากบ้านก็สามารถซื้อของหรือชำระค่าบริการต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย บางมุมมองอาจเห็นว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวจากสัดส่วนของโครงสร้างประชากรที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย  แต่หากมองอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่าเป็นโอกาสของการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง  ดังจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความต้องการพื้นฐานที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งนอกเหนือจากการรักษาพยาบาลที่มีการพูดถึงกันมากแล้วนั่นก็คือความสะดวกสบาย  หากแต่ความสะดวกสบายในอดีตอยู่บนพื้นฐานของการใช้แรงงานเป็นหลัก ในอนาคตจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเนื่องจากแรงงานขาดแคลนและอัตราการเกิดลดลง  รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ จึงได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมและบรรจุอยู่ในแผนปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนารายยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม […]