เปิดศึก ‘ทรัมป์’ ยันเก็บภาษีเหล็กไม่เว้น หลายปท.โวยกระทบศก. กีดกันการค้า

เปิดศึก ‘ทรัมป์’ ยันเก็บภาษีเหล็กไม่เว้น หลายปท.โวยกระทบศก. กีดกันการค้า

รายงานข่าวระบุประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า นโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมนั้น จะครอบคลุมถึงญี่ปุ่น และประเทศคู่ค้าหลักๆของสหรัฐ สหรัฐคงไม่มีตัวเลือกพิเศษใดให้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีข้อแลกเปลี่ยนที่เป็นธรรม “เราสูญเสียรายได้ทางการค้าไปแล้วถึง 8 แสนล้านดอลลาร์ต่อปี นอกจากนี้เกือบทุกประเทศยังพยายามเอาเปรียบสหรัฐ ซึ่งเราจะไม่ยอมอีกต่อไป เราจะสู้เพื่อบริษัทและแรงงานของเรา” ทรัมป์กล่าว ด้านนายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยว่า นโยบายเก็บภาษีสินค้านำเข้าประเภทเหล็กและอลูมิเนียมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นนโยบายที่ “น่าเศร้า” และ “เลวร้าย” “เป็นที่เด่นชัดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาว่า การกีดกันทางการค้านั้นสร้างความสูญเสียต่อทั้งประเทศที่ใช้มาตรการการดังกล่าวและประเทศอื่นๆ เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” นายโลว์กล่าว “สิ่งนี้อาจนำมาซึ่งการบังคับใช้นโยบายตอบโต้จากนานาประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจโลก” นายโลว์กล่าว

ทรัมป์ยิ้มแย้มกับชัยชนะของแผนลดภาษีครั้งใหญ่

ทรัมป์ยิ้มแย้มกับชัยชนะของแผนลดภาษีครั้งใหญ่

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปการจัดเก็บภาษีครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปีเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ชัยชนะทางกฎหมายของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ใกล้เป็นจริง แต่เนื้อหาบางส่วนที่ถูกแก้ไขทำให้จำเป็นต้องตีร่างกฎหมายกลับไปให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาซ้ำอีกครั้ง เนื้อหาหลักของแผนลดภาษีครั้งนี้คือการลดภาษีนิติบุคคลจาก 35% เป็น 21% มีการลดภาษีสำหรับบุคคลด้วยลดลั่นกันไป 7 ขั้น คือ ที่ระดับ 10%, 12%, 22%, 24%, 32%, 35% และ 37% โดยลดอัตราภาษีขั้นสูงสุดสู่ระดับ 37% จากระดับ 39.6% รวมทั้งมีเครดิตทางภาษีในการดูแลบุตร ตลาดหุ้นสหรัฐแรลลี่อย่างแรงในช่วงหลังที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งมาจากแผนลดภาษี เพราะว่าบริษัทจะได้ประโยชน์เต็มๆจากภาษีที่จะจ่ายน้อยลง อย่างไรก็ตาม โดยภาพรวมแล้วคนรวยจะได้ประโยชน์จากการลดภาษีของพรรครีพับรีกันครั้งนี้ ในแง่การคลังแล้วถือว่าเป็นการผิดวินัย เพราะว่าการลดภาษีจะเพิ่มหนี้รัฐ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า ร่างกฎหมายที่ถูกแก้จะโดนตีกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง และเมื่อได้รับไฟเขียวในขั้นสุดท้ายจึงจะส่งไปให้ประธานาธิบดี ทรัมป์ ลงนามประกาศใช้เป็นกฎหมาย พรรคเดโมแครตถือโอกาสวิจารณ์ฝ่ายรีพับลิกันว่าดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีอย่างปกปิดและรีบร้อนเกินเหตุ จนทำให้ร่างกฎหมายถูกตีกลับไปกลับมา […]