จีนคุมเข้มภาคธนาคาร นักวิเคราะห์เตือนแบงก์ขนาดเล็กเร่งปรับตัว

จีนคุมเข้มภาคธนาคาร นักวิเคราะห์เตือนแบงก์ขนาดเล็กเร่งปรับตัว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคาร (China Banking Regulatory Commission : CBRC) เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลภาคธนาคารมากขึ้นในปีนี้ โดยแผนงานกำกับดูแลภาคธนาคารที่สำคัญประกอบด้วย · การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินของผู้ถือหุ้นธนาคาร และตรวจสอบสัดส่วนการถือหุ้นว่าเป็นไปตามกฎระเบียบหรือไม่ · ตรวจสอบการปฏิบัติตามเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลท้องถิ่น และอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีการกำหนดต้นทุนที่สูงเกินไป · พร้อมตรวจสอบการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร และการดำเนินธุรกิจบริการทางการเงินให้กับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (wealth management businesses) ของธนาคารด้วย โดยจะดำเนินการทางกฎหมายกับธนาคารที่ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ฝ่าฝืนเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ และลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของจีนที่เริ่มเอาจริงเอาจังกับการออกมาตรการที่น่าตื่นเต้นต่างๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2018 ด้าน นาย Huang Wentao นักวิเคราะห์จาก China Securities Co. กล่าวว่า “มาตรการกำกับดูแลใหม่ที่เข้มงวดขึ้นครอบคลุมทุกส่วนของระบบธนาคาร และแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานกำกับดูแลเข้มงวดกับการแก้ปัญหาที่เกิดจากภาคการเงิน จริงจัง ซึ่งธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็ก จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจภายใต้เกณฑ์การกำกับดูแลใหม่นี้”

World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ โต 3.1%

World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ โต 3.1%

ธนาคารโลก หรือ World Bank ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2018 สู่ระดับ 3.1% จากที่เดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.9% เมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน พร้อมคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ 3% ในปี 2019 และ 2.9% ในปี 2020 นอกจากนี้รายงานยังระบุว่า เศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นวงกว้าง โดยได้ปัจจัยสนับสนุนมาจากการค้าและการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น World Bank คาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐปี 2018 อยู่ที่ระดับ 2.5% เพิ่มขึนจากปี 2017 ที่ 2.3% ด้วยแรงสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงแผนลดภาษีรายได้ (Tax cut) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผ่านร่างกฎหมายจากสภาสูงสหรัฐส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ อย่างไรก็ตามคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตปานกลาง ขยายตัวลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.2% ในปี 2019 และอยู่ที่ 2% ในปี 2020 […]

นักวิจัยแบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หวังแก้ปัญหาฟองสบู่-หนี้สิน

นักวิจัยแบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หวังแก้ปัญหาฟองสบู่-หนี้สิน

หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่า นักวิจัยของธนาคารกลางจีน (PBOC) มีความเห็นตรงกันว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมภาวะฟองสบู่และปัญหาหนี้สิน โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพการทำกำไรของภาคธุรกิจ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยผนวกกับมาตรการจัดการกับการผลิตส่วนเกินนั้น จะช่วยควบคุมไม่ให้หนี้สินขยายตัว และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด อนึ่งเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ขึ้น 0.05% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.

แบงก์ชาติจีนมองสภาพคล่องในระบบยังสูง ระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11

แบงก์ชาติจีนมองสภาพคล่องในระบบยังสูง ระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ในวันนี้ธนาคารกลางจีนยังคงระงับการอัดฉีดเงิน ผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations – OMO) ซึ่งนับเป็นการระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เหตุสภาพคล่องในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับสูง ข้อตกลง reverse repo วงเงิน 4 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 6.17 พันล้านดอลลาร์) ได้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันนี้ ซึ่งหมายความว่า สภาพคล่องในตลาดจะปรับตัวลดลง ขณะที่รายงานยังระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ระบายสภาพคล่องออกจากตลาดการเงินทั้งสิ้น 5.10 แสนล้านหยวน

แบงก์ชาติญี่ปุ่นเผยฐานเงินปี 60 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

แบงก์ชาติญี่ปุ่นเผยฐานเงินปี 60 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รายงานว่า ฐานเงินของญี่ปุ่นประกอบไปด้วยกระแสเงินสดและเงินฝากของสถาบันการเงินที่ฝากไว้กับธนาคารกลางญี่ปุ่น อยู่ที่ 480 ล้านล้านเยน (4.25 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ณ ปลายเดือน ธ.ค. 2560 เพิ่มขึ้น 9.7% จากปี 2559 การปรับขึ้นนับเป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยทำสถิติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นได้เดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน ก่อนหน้านี้ BOJได้มีมติในการประชุมนโยบายเมื่อเดือนธ.ค. 2560 เพื่อเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายทางการเงินต่อไป โดยนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าผ่อนคลายนโยบาย จนกว่าเงินเฟ้อจะขยายตัวแตะ 2% ตามเป้าหมาย

แบงก์ทั่วทั้งเอเชียกำลังรับพนักงานฟินเทคเพิ่ม

แบงก์ทั่วทั้งเอเชียกำลังรับพนักงานฟินเทคเพิ่ม

ธุรกิจแบงก์เริ่มมีการจ้างงานเพิ่ม หลังวิกฤติการเงินปี 2008 แต่ตำแหน่งที่ต้องการคือผู้ที่มีความรู้ด้านดิจิทัล หรือฟินเทค นาย Declan O’Sullivan กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทจัดหางาน Kerry Consulting กล่าวว่า อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีด้านแบงกิ้ง หรือดิจิทัลได้เปลี่ยนวิธีการจ้างงานของแบงก์ หลังวิกฤติ 2008 มีซับไพลของคนทำงานแบงก์มากจนล้นตลาดของความต้องการ แต่สถานการณ์กำลังเปลี่ยน เพราะว่าธุรกิจแบงก์ได้ออกจากวิกฤติการเงินแล้ว ตอนนี้แบงก์ต้องการคนที่รู้การทำงานในโลกดิจิทัล หรือฟินเทค นาย O’Sullivan บอกว่ามีการขาดแคลนแรงงานในดิจิทัล และฟินเทคมาก เพราะว่าหาคนที่เชี่ยวชาญจริงๆได้ยาก ด้วยเหตุนี้แบงก์จึงต้องระดมจ้างพนักงานใหม่อย่างเข้มข้น โดยตำแหน่งที่ต้องการมากที่สุดคือนักยุทธศาสตร์ดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญฟินเทค ผู้จัดการข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของไซเบอร์