กิจกรรมเศรษฐกิจอาเซียนซบเซาผลกระทบโควิด-19 ภาครัฐต้องเร่งกระตุ้น

กิจกรรมเศรษฐกิจอาเซียนซบเซาผลกระทบโควิด-19 ภาครัฐต้องเร่งกระตุ้น

รายงานภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียน จากเว็บไซต์ โฟกัส อีโคโนมีส์ ที่รวบรวมข่าวเศรษฐกิจ ตัวชี้วัดและการคาดการณ์กว่า 127 ประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันหลายประเทศคาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะที่เศรษฐกิจอาเซียนคาดว่าจะชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายงานดังกล่าวยังระบุว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งมาตรการการคลังและการเงินควรป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจซบเซาลงหนักกว่าเดิม การปิดประเทศ หรือล็อคดาวน์ เป็นเวลานาน มองว่าเป็นความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ที่ผ่านมาจะเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในแถบภูมิภาคอาเซียน พบว่า อัตราเงินเฟ้อของภูมิภาคในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ลดลงเหลือ 2.1% จาก 2.5% ในเดือน ก.พ. โดยประเทศไทย ดัชนีราคาผู้บริโภค  ลดลงเมื่อเทียบแบบรายปี ขณะที่ ฟิลิปปินส์และเวียดนาม อัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลง สำหรับราคาน้ำมันก็ปรับตัวลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง ส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคปีนี้ คาดว่าจะผ่อนคลายลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่สิงคโปร์ ออกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ส่วน ธนาคารกลางอินโดนีเซีย […]

เวียดนามกลับมาส่งออกข้าวเต็มรูปแบบ พ.ค.นี้ หลังคลายกังวลขาดแคลนช่วงโควิด-19

เวียดนามกลับมาส่งออกข้าวเต็มรูปแบบ พ.ค.นี้ หลังคลายกังวลขาดแคลนช่วงโควิด-19

รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า Nguyen Xuan Phuc นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวว่า จะเริ่มส่งออกข้าวได้ในเดือน พ.ค. นี้ ทั้งนี้ มีการแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ของรัฐบาลว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นี้เป็นต้นไป กิจกรรมส่งออกข้าวจะกลับมาดำเนินการตามปกติ โดยการตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากข้อเสนอจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเพื่อยกเลิกโควตาการส่งออกข้าว เพื่อที่จะเริ่มการส่งออกของเวียดนามอย่างเต็มรูปแบบ แถลงการณ์ดังกล่าวได้ระบุว่า เวียดนามมีข้าวอยู่ประมาณ 6.5 – 6.7 ล้านตัน เพื่อการส่งออกในปีนี้ หลังจากจัดสรรส่วนหนึ่งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและเก็บไว้สต็อกคลังสินค้า เวียดนามเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ได้สั่งห้ามการส่งออกข้าวในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา โดยสั่งให้เป็นสินค้าเกษตรที่มีการขนส่งอย่างจำกัดประมาณ 500,000 ตัน เพื่อให้แน่ใจว่า ประเทศจะมีอาหารเพียงพอในช่วงการระบาดของโควิด-19

อังกฤษยันยังไม่ผ่อนคลายล็อคดาวน์ แม้หลายประเทศในโลกเริ่มผ่อนคลายแล้ว

อังกฤษยันยังไม่ผ่อนคลายล็อคดาวน์ แม้หลายประเทศในโลกเริ่มผ่อนคลายแล้ว

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ขณะนี้มีประชากรทั่วโลกเกือบ 3 ล้านคนแล้วที่ติดเชื้อโควิด-19 และ 205,948 คน เสียชีวิต แต่หลายประเทศก็เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ลงมาแล้ว หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง และมีความกังวลกับความเสียหายทางเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมากิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่การชอปปิง การผลิต การท่องเที่ยว ล้วนหยุดชะงัก ขณะนี้หลายประเทศประเมินว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศต่างๆ จะเริ่มผ่อนคลายล็อคดาวน์ แต่ นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ที่เพิ่งกลับมาทำงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่พักฟื้นจากการติดโควิด-19 เตือนว่า ยังอันตรายเกินไปที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์หรือการปิดเมือง แม้จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอังกฤษ เนื่องจากความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอกสองตามมา จอห์นสัน เปรียบเทียบโควิด-19 ว่า เป็นเหมือนอาชญากรบนท้องถนนที่มองไม่เห็น ที่ชาวอังกฤษจะต้องต่อสู้บนพื้น โดยเขาขอให้ทุกคนอดทน เพราะเชื่อว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดของการระบาดรอบแรกแล้ว ทั้งนี้ ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้น หลายๆ บริษัทดำเนินการอะไรไม่ได้ ขณะที่เศรษฐกิจถดถอยก็กำลังเกิดขึ้น ซึ่งจอห์นสัน กล่าวว่า เขาเข้าใจความกังวลของภาคธุรกิจ และจะปรึกษากับฝ่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการปลดล็อคดาวน์ […]

สหรัฐฯ คาดเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะฟื้นตัวขึ้น หลังเปิดเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจกลับมาทำงาน

สหรัฐฯ คาดเศรษฐกิจไตรมาส 3 จะฟื้นตัวขึ้น หลังเปิดเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจกลับมาทำงาน

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจในเดือน พ.ค.-มิ.ย. เขา ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้วงเงินนับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจะส่งผลในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายมาตรการเยียวยาธุรกิจขนาดเล็กและโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) วงเงิน 4.84 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้การอนุมัติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ ภาคธุรกิจที่เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง จะส่งผลให้ภาวะอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจดีดตัวขึ้นตามมาด้วย เขา มองว่า การเปิดเศรษฐกิจจะต้องดำเนินการอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการเพิ่มมาตรการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้าน เควิน แฮสเซทท์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐฯ สั่งปิดเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีแนวโน้มจะทำให้อัตราว่างงานเดือน เม.ย. พุ่งแตะระดับ 16% หรือมากกว่านั้น โดยคาดว่าอัตราว่างงานอาจพุ่งขึ้นถึง 2 […]

ฟิลิปปินส์ขยายล็อคดาวน์เมืองหลวง-พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ป้องกันโควิด-19 ระบาด

ฟิลิปปินส์ขยายล็อคดาวน์เมืองหลวง-พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ป้องกันโควิด-19 ระบาด

รายงานข่าวจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า ฟิลิปปินส์ขยายเวลาล็อคดาวน์ หรือการปิดเมือง ในพื้นที่มะนิลาซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ และพื้นที่ใกล้เคียงจนถึงวันที่ 15 พ.ค. นี้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) Harry Roque โฆษกของผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การขยายระยะเวลาสองสัปดาห์ ดำเนินการในเขตมหานครมะนิลา รวมถึงตอนกลางและตอนใต้ของเกาะลูซอน ซึ่งอยู่ภายใต้การป้องกันอย่างเข้มงวดตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. นอกจากนี้ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต้ ยังมองว่า เซบู ดาเวา และอิโลอิโล ซึ่งอยู่ในเมืองวิซายา และมินดาเนา จะอยู่ภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ด้วย ท่าเรือและสนามบินทั้งหมดสามารถดำเนินการขนส่งสินค้าได้ตามปกติ เขา กล่าวว่า พื้นที่ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การล็อคดาวน์สามารถดำเนินการโครงการก่อสร้างต่อไป ทั้งอนุญาตให้พนักงานไปทำงานได้ มีการขนส่งสาธารณะ และเปิดร้านค้าที่ไม่รวมศูนย์นันทนาการในห้างได้ การขยายระยะเวลาดังกล่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อขยายข้อจำกัดต่างๆ ในการควบคุมโรคระบาด โดยอินโดนีเซียได้ขยายกฎเกณฑ์ทางสังคมที่เข้มงวดในกรุงจาการ์ตา ในขณะที่มาเลเซียยังคงปิดประเทศเป็นเวลาอีกสองสัปดาห์โดยมีมาตรการผ่อนคลายเพื่อให้การเดินทางได้อย่างจำกัด Carlos Dominguez รัฐมนตรีกระทรวงการคลังฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า รัฐบาลมีเงินสดเพียงพอ แต่เงินทุนยังกล่าวยังไม่ได้ได้ถูกแจกจ่ายออกไป ขณะที่การระบาดของไวรัสอาจทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหดตัวถึง 1% ในปีนี้ […]

‘ทรัมป์’ ลงนามคำสั่งระงับออกกรีนการ์ดชั่วคราว 60 วัน ตามแผนป้องกันโควิด-19 ระบาด

‘ทรัมป์’ ลงนามคำสั่งระงับออกกรีนการ์ดชั่วคราว 60 วัน ตามแผนป้องกันโควิด-19 ระบาด

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี (Executive Order) เพื่อบังคับใช้มาตรการระงับการออกใบอนุญาตให้ผู้ย้ายถิ่นฐานพำนักถาวรในสหรัฐฯ หรือ “กรีนการ์ด” (green card) ชั่วคราวเป็นเวลา 60 วัน ในช่วงการเเพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เขา กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธที่ผ่านว่า การดำเนินงานนี้เพื่อเป็นการปกป้องแรงงานชาวอเมริกัน ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า แรงงานชาวอเมริกันจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้งานทำ เมื่อเราทำการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง รายงานข่าวจากซีเอ็นบีซี ระบุว่า ทรัมป์ใช้การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ครั้งนี้ ในการผลักดันมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่ล่าช้าในช่วงปีการเลือกตั้ง โดยทรัมป์ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ต้องการที่จะรักษางานไว้ให้กับชาวอเมริกันจากระบบเศรษฐกิจที่ถูกทำลาย อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ถูกตีความอย่างกว้างขวางโดยพรรคการเมืองทั้งสองขั้วว่า เป็นการต่อสู่เพื่อขับเคลื่อนนโยบายทางการเมือง เกี่ยวกับกรณีตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติที่ต้องการย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เป็นการถาวรในช่วงเวลาดังกล่าว แต่จะไม่มีผลบังคับใช้กับผู้อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงสถานะผู้อพยพ นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังไม่รวมถึงพนักงานที่ทำงานในตำแหน่งสำคัญ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ คู่สมรสและบุตรของพลเมืองสหรัฐฯ ทหารในสังกัดกองทัพ บุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งทางกฎหมาย ชาวต่างชาติที่พลเมืองสหรัฐฯรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม และผู้ที่ถือวีซ่านักลงทุน

ซีอีโอทั่วโลกเตรียมรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอาจฟื้นตัวช้าจากผลกระทบโควิด-19

ซีอีโอทั่วโลกเตรียมรับมือภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอาจฟื้นตัวช้าจากผลกระทบโควิด-19

รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ผู้นำธุรกิจทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ผลสำรวจดังกล่าว เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยได้มีการสำรวจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอหลายพันคนโดย พวกเขามีมุมมองว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ทำให้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวช้าแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีลักษณะของการฟื้นตัวแบบตัวยู (U-shaped recovery) การระบาดใหญ่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 170,000 คนทั่วโลก ส่งผลต่อตลาดการเงิน และอาจทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในช่วงทศวรรษ 1930 รายงานฉบับดังกล่าวจัดทำขึ้นโดย YPO (Young Presidents’ Organization) เครือข่ายของผู้บริหารรุ่นใหม่ระดับโลก โดยได้สำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงจำนวน 3,534 คน จาก 109 ประเทศ เมื่อช่วงวันที่ 15-19 เม.ย. ที่ผ่านมาพบว่า ผู้บริหารระดับสูงประมาณ 60% กำลังเตรียมตัวรับมือกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในรูปแบบตัวยู ซึ่งจะใช้เวลาที่ยาวนานระหว่างช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมาเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น ขณะที่ 22% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยซ้ำซ้อน (Double dip recession) ผลสำรวจพบว่ามี […]

ราคาน้ำมันโลกติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังนักลงทุนกังวลน้ำมันล้นตลาด

ราคาน้ำมันโลกติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังนักลงทุนกังวลน้ำมันล้นตลาด

รายงานข่าวจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบโลกได้ปรับลดลงมาอยู่ในระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ สำหรับ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าสัญญาเวสต์เท็กซัส (WTI) เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งมอบในเดือน พ.ค. ลดลงจากระดับ 18.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ -37.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือลดลงมากถึง 55.90  ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นราคาที่ลดต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงมาอยู่ที่ระดับ 20.03 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 4.60 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ในเดือน มิ.ย. ราคาปรับตัวลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ 25.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 2.51 ดอลลาร์สหรัฐ รายงานข่าวจากบลูมเบิร์ก ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในเดือน พ.ค. ลดลง มาอยู่ในระดับติดลบนั้นเป็นผลมาจากความต้องการน้ำมันทั่วโลกลดลงจากกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งทำให้หลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือปิดประเทศ ทำให้การใช้น้ำมันลดลงอย่างมาก ประกอบกับคลังเก็บน้ำมันเริ่มมีปริมาณใกล้เต็มความจุจนเกิดความเสี่ยงต่อปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาด นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวว่า […]

มาเลเซียตื่นตัวหาทางควบคุมและติดตามแรงงานผิดกฎหมาย หวั่นโควิด-19 ระบาด

มาเลเซียตื่นตัวหาทางควบคุมและติดตามแรงงานผิดกฎหมาย หวั่นโควิด-19 ระบาด

รายงานข่าวจากเดอะ สเตรท ไทม์ส ระบุว่า การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ของแรงงานต่างชาติถูกกฎหมายในประเทศมีการจัดการที่ดี แต่รัฐบาลจำเป็นต้องทำงานมากขึ้น เพื่อติดตามกรณีของการติดเชื้อในหมู่แรงงานผิดกฎหมาย Shamsuddin Bardan ผู้อำนวยการบริหารสหพันธ์นายจ้างแห่งมาเลเซีย (Malaysian Employers Federation : MEF) กล่าวว่า การควบคุมและติดตามการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับแรงงานผิดกฎหมายในมาเลเซียค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับการประกันสุขภาพ เขา กล่าวว่า แรงงานผิดกฎหมายส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะอาศัยอยู่ในพื้นที่คับแคบ เช่นในเขตจาลันมัสยิดอินเดีย (Jalan Masjid India) ในกัวลาลัมเปอร์ ทั้งนี้ คาดว่า มาเลเซียอาจมีจำนวนแรงงานผิดกฎหมายสูงสุดถึง 3.3 ล้านคน ในขณะที่ แรงงานที่มีเอกสารถูกต้องตามกฎหมายมีจำนวน 2.2 ล้านคน  

ภาคธุรกิจห่วงความปลอดภัยทางไซเบอร์ หนุนการใช้งานไมโครซอฟท์ ทีมส์ พุ่ง

ภาคธุรกิจห่วงความปลอดภัยทางไซเบอร์ หนุนการใช้งานไมโครซอฟท์ ทีมส์ พุ่ง

Robert Herjavec ผู้ประกอบการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจต่างต้องการการประชุมทางวิดีโอที่ปลอดภัย ส่งผลให้ในระดับองค์กรยอดใช้งานไมโครซอฟท์ ทีมส์ พุ่งทะยานขึ้น Herjavec ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ Herjavec Group กล่าวว่า บริษัทของเขาเองก็เลือกใช้ทีมส์ในการสื่อสารกันกับทีมงานในช่วงการทำงานจากที่บ้าน ขณะที่ เขามีความเห็นว่า การประชุมทางวิดีโอผ่านซูม ยังมีประเด็นด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ค่อนข้างแย่  แม้ว่าซูม จะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 เขา มองว่า ที่ผ่านมาราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ปรับขึ้นจากธุรกิจที่ต้องการการประชุมทางวิดีโอที่มีความปลอดภัย