บิทคอยท์ฟิวเจอร์สไปยืนเหนือ 18,000 ดอลลาร์
ในวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา มีการเทรดเงินคริปโตบิทคอยท์ในตลาดฟิวเจอร์สหรัฐฯ Cboe Futures Exchange เป็นครั้งแรก ปรากฎว่าราคาบิทคอยท์มีความผันผวนมาก ทำให้ต้องการการพักการเทรดชั่วคราวถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรก ราคาบิทคอยท์เพิ่มสูงขึ้น 10% ที่ 16,400 ดอลลาร์ ครั้งที่ 2 เพิ่มขึ้น 20% เป็น 18,490 ดอลลาร์ สำหรับการส่งมอบเดือนมกราคมปี 2018 ในปีนี้ ราคาบิทคอยท์เพิ่มสูงขึ้นกว่า 1,000% แล้ว แม้ว่าจะมีหลายคนออกมาเตือนว่าบิทคอยท์เป็นฟองสบู่ แต่คนที่เชื่อในบิทคอยท์มองว่า อนาคตของบิทคอยท์ยังไปได้อีกไกล ความสนใจในบิทคอย์ฟิวเจอร์ทำให้เว็ปของ www.cboe.com เกือบล่ม เพราะว่ามีคนเข้ามาดูข้อมูลเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ระบบการเทรดบิทคอยท์ฟิวเจอร์สดำเนินไปอย่างปกติไม่มีปัญหาอะไร นักวิเคราะห์มองว่า การสร้างตลาดฟิวเจอร์สำหรับบิทคอยท์เป็นก้าวย่างสำคัญในการทำให้บิทคอยท์เป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนสถาบัน
บิทคอยท์ฟิวเจอร์สไปยืนเหนือ 18,000 ดอลลาร์
รายงานล่าสุดจากสมาคมจัดการกองทุนรวมของจีน ( Asset Management Association of China) ระบุว่าในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของจีนเติบโตขึ้นถึง 28 % เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจะอยู่ที่ 10.77 ล้านล้านหยวน หรือ 1.63 ล้านล้านดอลาร์ ความสนใจที่เพิ่มสูงกองทุนส่วนบุคคลมาจากจำนวนเศรษฐีจีนยุคใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงมาก โดยนักลงทุนในประเทศจีนที่มีสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนถึง 1.6 ล้านราย จึงทำให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการลงทุน อย่างผู้จัดการกองทุนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะจะยิ่งช่วยให้การลงทุนของพวกเขาคุ้มค่า และยังเป็นการบริหารจัดการเงิน แบบมืออาชีพอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากรายงานตัวเลขกองทุนส่วนบุคคลในจีนที่มีถึง 21,000 แห่ง จากจำนวนนี้แบ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) จำนวน 8,000 กอง
กองทุนส่วนบุคคลจีนโต 28% คนรวยรุ่นใหม่หันพึ่งผู้จัดการกองทุนวางแผนการเงิน
รายงานล่าสุดจากสมาคมจัดการกองทุนรวมของจีน ( Asset Management Association of China) ระบุว่าในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมากองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของจีนเติบโตขึ้นถึง 28 % เมื่อคิดเป็นจำนวนเงินจะอยู่ที่ 10.77 ล้านล้านหยวน หรือ 1.63 ล้านล้านดอลาร์ ความสนใจที่เพิ่มสูงกองทุนส่วนบุคคลมาจากจำนวนเศรษฐีจีนยุคใหม่ที่มีความมั่งคั่งสูงมาก โดยนักลงทุนในประเทศจีนที่มีสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ มีจำนวนถึง 1.6 ล้านราย จึงทำให้ความต้องการผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านการลงทุน อย่างผู้จัดการกองทุนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะจะยิ่งช่วยให้การลงทุนของพวกเขาคุ้มค่า และยังเป็นการบริหารจัดการเงิน แบบมืออาชีพอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากรายงานตัวเลขกองทุนส่วนบุคคลในจีนที่มีถึง 21,000 แห่ง จากจำนวนนี้แบ่งเป็นเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) จำนวน 8,000 กอง
โกลด์แมน แซคส์ ทำนายราคาน้ำมันปีหน้าที่ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รายงานล่าสุดของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ( BRENT) ในปี 2018 จะแตะที่ระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส WTI จะอยู่ที่ 57.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยปัจจัยหลักมาจากความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ยังคงจำกัดกำลังการผลิตอย่างโอเปก 4 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย และประเทศผู้ผลิตอื่นๆอีก 9 ประเทศ ซึ่งจะช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันดิบไว้ได้ อย่างไรก็ตามยังมีบางประเทศในกลุ่มสมาชิกที่ออกมาประกาศว่าหากตลาดเดือดร้อนเกินไป ก็อาจจะตัดสินใจไม่ทำตามข้อตกลงได้ ด้านกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง Shell oil อยากจะเห็นราคาน้ำมันปรับเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในปัจจุบันถือว่าเริ่มมีสถานการณ์ดีขึ้นโดยราคาฟื้นตัวกลับมาแตะที่ระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้ ในอดีตราคาน้ำมันดิบเคยขึ้นไปแตะราวๆ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลมาแล้ว เมื่อช่วงกลางปี 2014 ก่อนที่ราคาจะร่วงลงต่อเนื่อง ส่วนค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ประกอบกับผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ อย่าง Shell oil ได้เพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเช่นกัน
ใช้”เงินสด” ซื้อสินค้า หายไปเร็วกว่าที่คิด
Evan Sohn ผู้ก่อตั้ง Sohn Conference Foundation กล่าวว่า การชำระเงินโดยเงินสดกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การชำระเงินโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และเงินดิจิตัลได้เข้ามาแทน เขาตั้งคำถามว่า เราอยู่ไกลจากภัตตาคารที่ต้องการรับเงินผ่านการจ่ายแบบออนไลน์ ถ้าเราไปทานอาหารที่ร้าน เราจำต้องดาวโหลดแอ็ป และจ่ายเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีเงินสดอีกต่อไป ไม่ต้องใช้เช็ค นายชอนบอกว่า เราไม่ได้อยู่ห่างจากเรื่องเช่นนี้เลย แม้ว่าการจ่ายเงินส่วนมากยังคงเป็นเงินสดอยู่ แต่การยกเลิกเงินสดกำลังเกิดขึ้น ในรายงานของ 2017 World Payments Report ระบุว่า การจ่ายเงินโดยไม่ใช้เงินสดเพิ่มขึ้น 11.2% เป็น 433,100 ล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2014 ถึงปี 2015 ซึ่งเป็นอัตราโตที่สูงสุดในรอบ 10 ปี รายงานนี้ชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่าการโอนเงินผ่านบัตรเดบิต และเครดิตเป็นเครื่องมือการชำระเงินทางทางดิจิตัลที่นำหน้าวิธีการอื่น และการชำระเงินเป็นเช็คมีการลดลง นายชอนบอกว่า เขายังไม่แน่ใจว่าตัวหลักอะไรที่จะมาแทนเงินสด ไม่ว่าจะเป็นบิทคอยน์ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส มาสเตอร์คอร์ด หรืออะไรอื่น แต่ที่เขามั่นใจคือเรากำลังก้าวเข้าสู่การชำระเงินโดยไม่มีเงินสดมาเกี่ยวข้อง
นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลต้องการให้บิทคอยน์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย
นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล นาย Joseph Stiglitz บอกว่าควรให้มีการออกประกาศว่าบิทคอยท์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย เขาบอกว่าบิทคอยท์ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมันมีศักยภาพที่จะเลี่ยงกฎหมาย และไม่มีการตรวจสอบจากใคร “ด้วยเหตุนี้ ผมคิดว่าควรจะสกัดบิทคอยท์ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” เขากล่าว “บิทคอยท์ไม่ได้ทำหน้าที่อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเลย“ บิทคอยท์มีความผันผวนมากในขาขึ้น ตกลงไปที่ 8,500 ดอลลาร์ก่อนที่จะทะยานไปที่ 11,000 ดอลลาร์ ปีนี้ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงขึ้นไปแล้วเกือบ 12 เท่า ทำให้หลายคนออกมาเตือนว่าอาจจะเป็นฟองสบู่ Stiglitz บอกว่า มันเป็นฟองสบู่ ซึ่งจะทำให้หลายคนมีช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นในขณะที่มันมีราคาสูงขึ้น แล้วก็ราคาตกลงมา ในวันพุธที่ผ่านมา บิทคอยท์ทำสถิติสูงสุดที่ราคา 11,388.33 ดอลลาร์ ก่อนที่จะร่วงลงไปที่ 9,292 ดอลลาร์ ท่ามกลางการเทรดที่ผันผวนมาก Daniel Pfändler แห่ง Main Sky Asset Management บอกว่าบิทคอยท์คงต้องเจอราคาแครชลงมาเมื่อถึงเวลา เขายอมรับว่าบล็อคเชนเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แต่เงินคริปโตอื่นๆที่ก้าวหน้ากว่า หรือมีประสิทธิภาพกว่าจะมาแทนที่บิทคอยท์ที่มีอายุ 8 ปี ทำให้ราคาบิทคอยท์ต้องหล่นลงมาเหมือนกับที่ได้ขึ้นไป
เกาหลีเหนือ “กระสุนด้าน” ตลาดโลก “ไม่สนใจ”
ตลาดการเงินไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรที่ผิดปกติต่อการทดสอบยิงขีปนาวุธล่าสุดในวันนี้ของเกาหลีเหนือ ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ขึ้น 0.4% ในช่วงเช้าวันนี้ ในขณะที่ค่าเงินวอนยืนหยัดอยู่ที่ 1,084.15 ต่อดอลลาร์ เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามทวีป โดยทางเพนตากอนรายงานว่าขีปนาวุธเดินทางเป็นเวลา 50 นาทีขึ้นสู่อวกาศ ก่อนที่จะพุ่งตกลงในทะเลญี่ปุ่นเป็นระยะทาง 1,000 กิโลเมตรจากจุดที่ยิง ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นขึ้นเล็กน้อย ส่วนตลาดฮ่องกง และตลาดเซี่ยงไฮ้ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยในช่วงเช้า หลังมีข่าวเกาลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธครั้งแรกตั้งแต่เดือนกันยายน ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯไม่ได้ตอบโต้เกาหลีเหนืออย่างรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่บอกว่า เราจะรับมือกับสถานการณ์เอง เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่าเกาหลีเหนือเป็นรัฐก่อการร้าย พร้อมมาตรการแซงชั่นเพิ่มเติม และมีการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินสามลำไปซ้อมรบในคาบสมุทรเกาหลี
เงินบิทคอยท์ร้อนแรงมาก แตะ 10,000 ดอลลาร์แล้ว
ราคาบิทคอยท์พุ่งไปถึงระดับ 10,000 ดอลลาร์ในตลาดเกาหลีใต้ สะท้อนให้เห็นถึงความร้อนแรงของเงินคริปโต (cryptocurrencies) ตัวนี้ที่มีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าตัวแล้วตั้งแต่ต้นปี บิทคอยท์มีราคาไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นปี แต่ทำราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ว่าธนาคารกลางส่วนมากไม่ยอมรับว่าบิทคอยท์เป็นทรัพย์สิน ขนาดของมูลค่ารวมหรือมาร์เก็ตแค็ปของบิทคอยท์อยู่ที่ 140,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนมาร์เก็ตแค็ปของทุกเงินคริปโตรวมกันที่ 304,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งใหญ่กว่ามาร์เก็ตแค็ปของ Wal-Mart ไปแล้ว ตามรายงานของ Coin Market Cap มีหลายคนออกมาเตือนว่าราคาบิทคอยท์เป็นฟองสบู่ไปแล้ว เพราะว่าพุ่งเร็วและแรงโดยไม่ได้มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ แต่ Michael Novogratz อดีตผู้บริหารบริษัท Fortress ซึ่งเป็นเฮ็ดจ์ฟันด์บอกว่า ราคาบิทคอยท์ สามารถวิ่งไปถึง 40,000 ดอลลาร์ก่อนสิ้นปี 2018 เงินดิจิทัลอีเธอเรียม ซึ่งขณะนี้ใกล้แตะ 500 ดอลลาร์จะมีราคาเพิ่มสูงขึ้นได้อีก 3 เท่า ส่วนมาร์เก็ตแค็ปของเงินคริปโตจะเพิ่ม 6 เท่าจากระดับปัจจุบันเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปลายปี 2018 […]
รู้อย่างงี้…10 ปีที่แล้ว ลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ดีกว่า!!
ลงทุน 1,000 ดอลลาร์เมื่อ 10 ปีที่แล้วในหุ้นชั้นนำของสหรัฐ จะออกดอกออกผลอย่างไร? มีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างนักลงทุนที่ซื้อหุ้นในบริษัทที่อยู่ในเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) และบริษัทที่อยู่ในเศรษฐกิจเก่า (Old Economy) ถ้าหากว่านักลงทุนใช้เงิน 1,000 ดอลลาร์เมื่อ 10 ปีที่แล้วเพื่อลงทุนในบริษัท Netflix, Amazon, Apple, และ Starbucks เงินที่ลงทุนนั้นจะงอกเงยอย่างเป็นกอบเป็นกำเป็น 51,966 ดอลลาร์ สำหรับ Netflix ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการดูหนังออนไลน์ 12,398 ดอลลาร์สำหรับ Amazon 6,228 ดอลลาร์สำหรับ Apple และ 4,687 ดอลลาร์สำหรับ Starbucks นี้คือสิ่งที่คุณปู่ Warren Buffet พูดมาตลอดว่า เวลาลงทุนให้ถือหุ้นยาวไปเลย เพราะว่าเราไม่ได้ซื้อหุ้น แต่เรากำลังซื้อกิจการที่ดี Netflix, Amazon, Apple และ Starbucks […]
หุ้นของ Eicher Motors ของอินเดีย ท้าชน Tesla ของสหรัฐฯ
อเมริกามีบริษัท Tesla Inc. ของ Elon Musk อันเป็นที่รักของนักลงทุนวอลล์สตรีท แต่อินเดียก็มีบริษัท Eicher Motors Ltd. จักรยานยนต์ไฮเอ็นยี่ห้อ Royal Enfield ของ Eicher Motors เป็นที่รู้นักกันทั่วทั้งอินเดีย และบางทีเราได้เห็นคนขับขี่จักรยานยนต์ Royal Enfield ที่เมืองลอส แองเจลิส หรือไมอามี่ของสหรัฐฯ ในเวลา 7 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่บริษัท Eicher Motors ได้เข้าตลาดหุ้น ปรากฎว่าได้ทำผลกำไรให้กับนักลงทุนอย่างมาก โดยหุ้นของบริษัทขึ้นสูงถึง 3,270% เปรียบเทียบกับ 1,533% สำหรับหุ้นของเทสลาหลังจากเทสลาเข้าเทรดในตลาดหุ้นในช่วงกลางปี 2010 Eicher Motors มีราคา 30,000 รูปีต่อหุ้น ทำให้ หุ้นของ Eicher Motors มีราคาแพงมากที่สุดในตลาดหุ้นอินเดีย รองมากจากบริษัทผลิตยางรถยนต์ […]