“เจพี มอร์แกน” ชี้ “จีน” ยังเป็นตลาดมีศักยภาพมากที่สุด
“ทรอย โรร์เบาห์” หัวหน้าฝ่ายการตลาดโลก ของเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ มองว่า จีนเป็นตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพมากที่สุด ในขณะที่บริษัทกำลังตั้งเป้าขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ในการประชุมครั้งนี้ นายโรร์เบาห์ยังได้เน้นย้ำถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดูไบ ซึ่งดึงดูดเงินทุนและการโยกย้ายธุรกิจจากเอเชีย สำหรับในมุมมองที่กว้างมากขึ้นนั้น นายรัวร์เบาห์ คาดการณ์ว่า ตลาดจะเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ “จีนเป็นโอกาสที่ใหญ่ที่สุดสำหรับในตอนนี้ เรายังคงลงทุนต่อไปอย่างที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ และจะเป็นไปอย่างรอบคอบระมัดระวัง ซึ่งเราพร้อมที่จะปรับตัวหากจำเป็น” นายโรร์เบาห์ กล่าวกับนักลงทุนระหว่างการประชุม “ความผันผวนจะยังคงสูงขึ้น โดยเฉพาะในเศรษฐกิจมหภาค อย่างไรก็ดี ตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุนจะขยายตัวดีกว่าที่คาด แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจก็ตาม” นายโรร์เบาท์ กล่าว ด้านนายเจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การเปิดประเทศของจีน และผลกระทบด้านบวกที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกนั้น กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยบรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้นำทางธุรกิจ และเขาเองก็มีแผนที่จะเดินทางไปยังประเทศจีนในไม่ช้านี้ ที่มา: รอยเตอร์
เศรษฐกิจจีนน่าจะผ่านพ้นช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว และกำลังหาจุด Take-Off
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 2566) เป็นวันประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจรายเดือน รวมทั้ง GDP ของจีน ซึ่งแม้ว่า GDP ทั้งปีของจีนจะออกมาต่ำสุด นับตั้งแต่ช่วง 1970s (3% ในปี 2022 เทียบกับ 8.4% ในปี 2021) แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนไม่ได้ทำ Low ไปมากกว่า Low เดิม ก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณเชิงเทคนิคได้ส่วนหนึ่งว่า เศรษฐกิจจีนกำลังยก Low นักวิเคราะห์หลายสำนัก ต่างออกมาให้ความเห็นเดียวกันว่า เศรษฐกิจจีนผ่านช่วงที่แย่ที่สุดไปแล้ว ฐานที่ต่ำในปี 2022 จะเป็นตัวยก GDP ปีหน้าไปเกิน 5.0% ถ้าจีนยังคงรักษาการเปิดประเทศไว้ที่ระดับนี้ อานิสงส์บวกนี้จะส่งผลบวกไปต่อประเทศอื่นๆ ใน Emerging Asia รวมถึงประเทศไทยด้วย ในเชิงนโยบาย […]
‘สี จิ้นผิง’ เจอโจทย์ยาก จีดีพีปี 2565 ของจีนโตต่ำสุด
เศรษฐกิจจีนปี 2565 เซ่นพิษนโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยจีดีพีไตรมาส 4 โตต่ำสุดในรอบ 4 ทศวรรษ ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานโดยอ้างข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ซึ่งแถลงเมื่อวันอังคาร (17 ม.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือจีดีพี ของแดนมังกรในปี 2565 ขยายตัวแค่ร้อยละ 3 ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ที่ร้อยละ 5.5 ส่วนจีดีพีช่วงไตรมาสที่ 4 ขยายตัวร้อยละ 2.9 ลดลงจากร้อยละ 3.9 ช่วงไตรมาสที่ 3 แม้จีดีพี ซึ่งทางการประกาศดังกล่าวจะดีกว่าที่หลายสำนักข่าวระบุในโพลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ เช่น รอยเตอร์ระบุเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.8 และเอเอฟพีเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.7 แต่ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนเคยตั้งไว้ที่ร้อยละ 5.5 ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษอยู่แล้ว หากไม่นับจีดีพีของปี 2563 อันเป็นปีที่โรคโควิด-19 อุบัติ โดยจีดีพีของปีนั้นโตเพียงร้อยละ 2.2 อ่อนแรงสุด นับตั้งแต่ปีที่ประธานเหมา เจ๋อตง […]
เปิดปลายทางใหม่ในฝันนักท่องเที่ยวจีน
ธุรกิจท่องเที่ยวนานาประเทศล้วนคึกคักเมื่อจีนเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ในมุมของนักท่องเที่ยวจีน การกลับมาท่องโลกครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนโควิด เมื่อพวกเขาปรารถนาเดินทางไปหาประสบการณ์แปลกๆ ใหม่ๆ มากขึ้น ข้อมูลจากทริปดอทคอมกรุ๊ป (Trip.com Group) เผยว่า การจองเที่ยวบินไปต่างประเทศพุ่งขึ้น 254% เมื่อปลายเดือน ธ.ค. หลังทางการประกาศผ่อนคลาย ข้อจำกัดการเดินทางในวันที่ 8 ม.ค. เวนดี มิน หัวหน้าฝ่ายสื่อและบริหาร การสื่อสารทริปดอทคอมกรุ๊ป เผยกับซีเอ็นเอ็น มองแนวโน้มการท่องเที่ยวในทางที่ดี “การประกาศนโยบายล่าสุดกำลังกระตุ้นให้คนเดินทาง เราหวังว่า ความต้องการที่อัดอั้นมานานจะแข็งแกร่ง และช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นผู้บริโภค” หากพิจารณาจากการจองผ่าน ทริปดอทคอมกรุ๊ป แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ของชาวจีนหนีไม่พ้นสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย ส่วนทริประยะไกล ได้แก่ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และ ออสเตรเลีย “แนวโน้มเที่ยวบินระยะสั้นได้รับความนิยมเพราะราคาถูก สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวจีนอยู่แล้วแม้แต่ก่อนโควิด” มิน กล่าว ขณะที่ โวลฟ์กัง จอร์จ […]
จีนพับแผนลงทุนชิป หลังอ่วมจากโควิด
จีนเตรียมระงับการลงทุนก้อนใหญ่ในการสร้างอุตสาหกรรมชิป เพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ หลังประเทศกำลังเจอการระบาดของโรคโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ พร้อมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มที่จะบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกำลังหารือถึงวิธีการอื่น ๆ ในการส่งเสริมผู้ผลิตชิปจีนแทนที่การให้เงินอุดหนุน เนื่องจากใช้งบประมาณเยอะ และจนถึงขณะนี้ยังแทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด ซ้ำยังกระตุ้นให้เกิดการรับสินบนและเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ อีกด้วย แหล่งข่าว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงส่วนหนึ่งกำลังพยายามผลักดันมาตรการทุ่มเม็ดเงินจูงใจสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 4.95 ล้านล้านบาท) ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า วิธีการที่รัฐเข้าไปลงทุนพร้อมเงินก้อนโตจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดการณ์ไว้ และพวกเขากำลังพิจารณาวิธีการอื่นๆ ในการสนับสนุนผู้ผลิตชิปจีนแทน เช่น การลดต้นทุนของวัสดุประเภทเซมิคอนดักเตอร์ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิป ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของจีนในการแข่งขันกับสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลปักกิ่งมองว่า ชิปเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการท้าทายสหรัฐฯ เนื่องด้วยสหรัฐฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดชิปโลกมาก่อน อีกทั้งยังช่วยปกป้องเศรษฐกิจของประเทศและความสามารถในการแข่งขันด้านการทหารของจีนอีกด้วย อย่างไรก็ดี นี่ก็สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญภาวะถดถอย ทำให้ต้องลดความทะเยอทะยานในการพัฒนาอุตสาหกรรมชิปเพื่อไปแข่งขันกับสหรัฐฯ ลง ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และหันไปเพิ่มงบประมาณในด้านที่สำคัญอื่นๆ แทน ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการป้องกันประเทศ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณานโยบายชิปใดบ้าง หรือท้ายที่สุดจีนจะยกเลิกการทุ่มการลงทุนมหาศาลเพื่อหนุนภาคการผลิตที่ทำมาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาหรือไม่ […]
เปิดประเทศ! จีนยกเลิกมาตรการกักโรค ‘โควิด’ นักเดินทาง เริ่มตั้งแต่ 8 มกราคม 2566
จีนจะหยุดบังคับนักเดินทางขาเข้าจากการเข้าสู่การกักกันโรค เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไป จากการเปิดเผยของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในวันจันทร์ (26 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในการมุ่งหน้าสู่การผ่อนปรนมาตรการควบคุมชายแดน ซึ่งถูกปิดตายเป็นส่วนใหญ่มาตั้งแต่ปี 2020 นอกจากนี้ การบริหารจัดการโควิด-19 ของจีน จะถูกปรับลดสู่ระดับ Category B จากระดับ Category A ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุ เนื่องด้วยโรคติดต่อนี้มีความอันตรายน้อยลง และจะค่อยๆ พัฒนาสู่โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป มาตรการอดทนเป็นศูนย์ที่บังคับใช้มานาน 3 ปี ไล่ตั้งแต่ปิดชายแดนต่างๆ ไปจนถึงล็อกดาวน์บ่อยครั้ง ได้ทุบทำลายเศรษฐกิจจีน และเมื่อเดือนที่แล้ว มันโหมกระพือการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในจีนแผ่นดินใหญ่ นับตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2012 อย่างไรก็ตาม จีนตัดสินเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหันในเดือนนี้ ยกเลิกข้อจำกัดสกัดโควิด-19 ภายในประเทศเกือบทั้งหมด ความเคลื่อนไหวที่ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศต้องตะเกียกตะกายรับมือกับระลอกคลื่นผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เบื้องต้น ข้อกำหนดอันเข้มงวดเกี่ยวกับนักเดินทางขาเข้ายังคงมีผลบังคับใช้ ในนั้นรวมถึงมาตรการบังคับกักโรค 5 วัน ตามสถานที่ต่างๆ ที่ตรวจตราโดยรัฐบาล […]
จีนประกาศผ่อนคลายกฎสกัดโควิดครั้งใหญ่ที่สุด ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมประชาชน ‘อยู่ร่วมกับไวรัส’
จีนประกาศในวันพุธ (7 ธ.ค.) ผ่อนคลายกฎระเบียบมุ่งเข้มงวดสกัดโรคโควิดทั่วประเทศที่จุดชนวนการประท้วงใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ รวมทั้งขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของแดนมังกร ซึ่งส่งผลพวงต่อเนื่องกระทบต่อทั่วโลก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนที่สุดว่า ปักกิ่งกำลังเตรียมพร้อมประชาชนอยู่ร่วมกับไวรัส ภายใต้แนวทางใหม่ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จะมีการลดความถี่และขอบเขตการตรวจโควิดแบบพีซีอาร์ รวมทั้งจำกัดมาตรการล็อกดาวน์ให้เหลือแค่ขนาดพื้นที่น้อยที่สุดเท่าที่มีเหตุผลความจำเป็นจริงๆ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกการล็อกดาวน์หลังจากพื้นที่ดังกล่าวไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 5 วัน สำหรับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถกักตัวที่บ้านเองได้ และประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงรหัสสุขภาพสีเขียวบนมือถือเพื่อเข้าสู่อาคารหรือพื้นที่สาธารณะอีกต่อไป ยกเว้นสถานพักฟื้นผู้สูงวัย สถานพยาบาล โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนมัธยม คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แถลงการเปลี่ยนแปลงนี้ เมื่อวันพุธ (7) เสริมว่า จะเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงวัย ซึ่งที่ผ่านมาถูกมองว่า เป็นอุปสรรคสำคัญขัดขวางการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ปักกิ่งประกาศว่า กฎระเบียบใหม่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการป้องกันและควบคุมโรคระบาดปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เอ็นเอชซีประกาศล่าสุด สอดรับกับความเคลื่อนไหวของเมืองใหญ่จำนวนมากที่ทยอยผ่อนกฎสกัดโควิดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ภายหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโรคระบาดทั่วประเทศเมื่อเดือนที่แล้วที่ลุกลามกลายเป็นการเรียกร้องเสรีภาพทางการเมืองและบางคนถึงขั้นเรียกร้องให้สีลาออก และถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่สีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2012 ข่าวการเปลี่ยนแปลงสำคัญครั้งนี้กลายเป็นประเด็นที่มีผู้เข้าชมสูงสุดบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมเว่ยปั๋ว โดยผู้ใช้จำนวนมากหวังว่า จีนจะกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลายพื้นที่ต้องผ่านมาตรการล็อกดาวน์อันยาวเหยียดกินเวลาหลายสัปดาห์มาหลายรอบ และทำให้คนหลายสิบล้านนอกจากเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่แล้ว ยังมีปัญหาสภาพจิตใจอีกด้วย […]
‘โกลด์แมน แซคส์’ คาดจีนเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์เดือนเม.ย. ปีหน้า
โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ประเมินว่า จีนอาจจะต้องยุติมาตรการโควิดเป็นศูนย์ก่อนเดือนเม.ย. ในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก โดยมีการประเมินกันว่า การออกจากมาตรการดังกล่าวนั้น อาจจะไม่เป็นระเบียบเท่าไรนัก นางหุย ชาน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประเทศจีน ของธนาคาร ระบุในรายงานว่า มีความเป็นไปได้ประมาณ 30% ที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งก่อนไตรมาสสองของปี 2566 “ในไม่ช้า รัฐบาลกลางอาจต้องเลือกระหว่างการล็อกดาวน์เพิ่มมากขึ้น หรือไม่ก็การระบาดของโควิดมากขึ้น” นางหุย เขียนและระบุต่อไปว่า รัฐบาลท้องถิ่นพยายามดิ้นรน เพื่อปรับสมดุลในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส ในขณะที่ปฏิบัติตามมาตรการล่าสุดที่กําหนดให้มีแนวทางที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น เศรษฐกิจจีน กำลังได้รับผลกระทบอย่างยิ่งจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ด้วยการควบคุมที่เข้มข้นมากขึ้นซึ่งควบคุมไปถึงการขนส่ง กิจกรรมทางธุรกิจของผู้คน ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งมาตรการดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ๆ ทั้งในเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพี รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ว่า ชาวจีนออกมาชุมนุมต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดในหลายเมืองทั่วประเทศ ทั้งที่นครเซี่ยงไฮ้ และการชุมนุมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่กรุงปักกิ่ง หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยในเมืองอุรุมชีทำให้เกิดคลื่นของอารยะขัดขืนทั่วจีน […]
BF Knowledge Tips: มุมมองต่อการเมืองจีน หลังสีจิ้นผิงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
โดย เสกสรรโตวิวัฒน์ CFP® การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการ และได้มีทีมผู้บริหารชุดใหม่ 6 คน ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งเป็นคนใหม่ 4 คน คนเดิมได้รับเลือกเข้ามา 2 คน ล้วนแต่เป็นผู้สนับสนุนของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ทำให้การเมืองจีนมั่นคงอย่างมากภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี และคนสนิท ไม่ว่าจะเป็น นายหลี่เฉียง รุ่นน้องผู้ภักดีต่อสี จิ้งผิง ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ เชื่อกันว่า นายหลี่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือมีอำนาจสูงสุดลำดับ 2 รองจากสี จิ้นผิง นายจ้าวเล่อจี เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ (CCDI) คนปัจจุบัน นายจ้าว ถือว่าเป็นดาวรุ่งในกลุ่มผู้นำการเมืองจีน นอกจากตำแหน่งเลขาธิการ CCDI แล้วนายจ้าวยังรับผิดชอบเรื่องการธำรงวินัยภายในพรรค และเปิดโปงการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาแล้วหลายรายตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายหวังฮู่หนิง (ชุดเดิม) อายุ 67 ปี ปัจจุบันเป็นเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคฯ นายหวังได้รับการยกย่องว่า เป็นขงเบ้งของนายสี จิ้นผิง […]
วิกฤติอสังหาฯ ส่อดึงจีนสู่ภาวะเงินฝืด ในขณะที่โลกเผชิญภาวะถดถอย
ผลสำรวจของภาคเอกชน พบว่า จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงจะเข้าสู่ “ภาวะเงินฝืด” มากขึ้น เนื่องจากการบริโภคในประเทศลดลง ท่ามกลางวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ และนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งตรงข้ามกับมหาอำนาจชาติอื่นๆ ที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง China Beige Book International (CBBI) ผู้ทำการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูล พบว่า บริษัทในจีนหลายแห่งรายงานการเติบโตของราคาสินค้าที่อ่อนตัวมากที่สุดตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แม้ว่าค่าแรงและต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น นายลีแลนด์ มิลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CBBI กล่าวในรายงานว่า ในขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนกเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ประเทศจีนกลับเผชิญความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด อันเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ที่ทำให้อุปสงค์และการบริโภคในประเทศชะลอตัวลง รายงานระบุว่า แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดส่วนใหญ่มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่พบว่าราคาสินค้าและบริการในภาคบริการ และการค้าปลีก ต่างปรับตัวขึ้นในไตรมาสที่สาม ประเทศจีนประกาศปิดเมือง และจำกัดการเดินทางในหลายพื้นที่ในทุกครั้งที่เจอการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นปี เมืองใหญ่และแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศอย่างมหานครเซี่ยงไฮ้ ต้องปิดเมืองไปนานกว่า 2 เดือน เช่นเดียวกับในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งทางการจีนเพิ่งประกาศยกเลิกการปิดเมืองเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน เฉิงตู เมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้ประกาศปิดเมือง ราคาบ้านในจีนปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ […]