อังกฤษเล็งร่วมมือด้านฟินเทคพร้อมหาโอกาสลงทุนเพิ่มในจีน
ไชน่าเดลี รายงานว่า Peter Estlin นายกเทศมนตรีแห่งกรุงลอนดอน กล่าวว่า อังกฤษกำลังมองหาความร่วมมือกับจีนในด้านเทคโนโลยีการเงิน หรือ ฟินเทค รวมถึงความร่วมมือในโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ทั้งนี้ Estlin เป็นผู้นำคณะตัวแทนจากอังกฤษเดินทางไปเยือนจีนเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยมีบริษัทชั้นนำในภาคการเงินและบริการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เช่น HSBC KPMG และPwC เข้าร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีบริษัทฟินเทค เช่น Anthemis Amplyfi และ Ebury เข้าร่วม ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เขาวางแผนเยือนเซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง เพื่อเข้าร่วมงานประชุมด้านฟินเทค เพื่อส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันด้านนี้ “เรามีบริษัทฟินเทคบางรายมาร่วมด้วย และหวังว่าจะเห็นโอกาสที่จะให้พวกเขาลงทุนในจีน” Estlin กล่าว เมื่อสัปดาห์ก่อน จีนเพิ่งปรับปรุงกฎหมายสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลในปี 2020 ทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจเอื้ออำนวยต่อนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่ง Estlin กล่าวว่า กรุงลอนดอนรู้สึกยินดีกับกฎหมายใหม่ โดยมองว่า นี่คือส่วนหนึ่งของการที่จีนเปิดประเทศมากขึ้น ก่อนหน้านี้ บริษัทฟินเทคยักษ์ใหญ่ของจีน ได้ขยายธุรกิจเข้าไปในอังกฤษแล้ว โดยบริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน […]
จีนมีท่าทีชะลอการเจรจาการค้ากับสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเปิดเผยว่า ผู้แทนเจรจาการการค้าของสหรัฐ มองว่า จีนอาจไม่ยอมรับข้อเรียกร้องบางอย่างจากสหรัฐ ซึ่งมีท่าทีที่เปลี่ยนไป หลังจากจีนได้ตกลงเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา สาเหตุหลักมาจากผู้แทนเจรจาการค้าจีนได้ยอมรับข้อเสนอที่จะให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเคร่งครัดขึ้น ในขณะที่ทางฝ่ายสหรัฐ ยังไม่ได้ให้คำมั่นที่จะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแต่อย่างใด นอกจากนี้ จีนยังมีท่าทีที่จะชะลอการทำตามข้อตกลงกรณีที่เกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลทางเภสัชภัณฑ์ ทั้งที่เป็นฝ่ายเสนอเรื่องนี้เอง โดยจีนยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปกป้องข้อมูลเภสัชภัณฑ์แต่อย่างใด และปฏิเสธที่จะกล่าวถึงประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยังคงยืนยันว่า การเจรจาการค้ากับจีนยังคงดำเนินไปด้วยดี โดยทรัมป์ กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐ) โดยเป็นการแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีแชร์ โบลโซนาโร่ของบราซิล ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนสหรัฐ อย่างเป็นทางการ
เกาหลีใต้ติดตั้งไฟกะพริบและแสงเลเซอร์หวังลดอุบัติเหตุจากคนติดสมาร์ทโฟนข้ามถนน
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ที่เมืองอิลซาน ในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนมากที่สุดในโลก ได้ติดตั้งไฟกะพริบและลำแสงเลเซอร์บริเวณทางข้ามถนนเพื่อเตือนเหล่า “สมาร์ทโฟน ซอมบี้” หรือผู้ที่ก้มหน้าก้มตาใช้งานสมาร์ทโฟนไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เพื่อให้คนเหล่านี้มองเห็น หรือหากขับรถก็จะชะลอรถ โดยหวังว่าจะป้องกันอุบัติเหตุได้ การออกแบบระบบนี้เกิดขึ้นมาจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากการที่ผู้คนติดการใช้งานสมาร์ทโฟนกลายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในประเทศนี้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอัตราการบาดเจ็บบนท้องถนนสูงสุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้วด้วย Kim Jong-hoon นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิศวกรรมโยธาและเทคโนโลยีก่อสร้างของเกาหลีใต้ (KICT) เชื่อว่า ระบบไฟกะพริบบนทางม้าลายนี้จะช่วยเตือนทั้งคนข้ามถนนและคนขับรถได้ ขณะที่แสงเลเซอร์สีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงินบนทางเท้า จะทำให้คนที่ติดสมาร์ทโฟนอย่างหนักถูกเตือนด้วยแสงเลเซอร์ที่ฉายไป และจะมีการแจ้งเตือนส่งไปยังโทรศัพท์ที่ติดตั้งแอปว่าพวกเขากำลังเข้าสู่การจราจร สำหรับระบบการเตือนภัยหลายมิตินี้ดำเนินการโดยเรดาร์ตรวจจับและกล้องจับความร้อน โดยมีราคาอยู่ที่ 15 ล้านวอน หรือ 13,250 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อทางข้ามแต่ละจุด ในส่วนของผู้ขับขี่จะได้รับการแจ้งเตือนโดยแสงแฟลช ซึ่งจากการทดสอบของสถาบันที่เกี่ยวข้อง กับรถยนต์ 1,000 คัน พบว่า มีประสิทธิภาพ 83.4% อนึ่ง เกาหลีใต้ เป็นประเทศที่มีประชากรใช้สมาร์ทโฟนสูงสุดในโลก โดยจากผลสำรวจของ Pew Research Center พบว่า […]
ยอดจัดส่งสมาร์ทโฟนจีนเดือน ก.พ. ลดลง
สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของจีน (CAICT) เปิดเผยว่า ยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนของจีนในเดือน ก.พ. ร่วงลง 20.1% เมื่อเทียบรายปี อยู่ที่ 13.99 ล้านเครื่อง โดยยอดการจัดส่งสมาร์ทโฟนมีสัดส่วนสูงถึง 96.4% ของยอดการจัดส่งโทรศัพท์มือถือทั้งหมดของจีนในเดือน ก.พ. สำหรับยอดการจัดส่งโทรศัพท์มือถือทั้งหมดในเดือนก.พ. ลดลง 19.9% แตะที่ระดับ 14.51 ล้านเครื่อง โดยโทรศัพท์มือถือแบรนด์ของจีนมีสัดส่วนในการจัดส่งทั้งหมด 90.3% ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกในปี 2019 ยอดการจัดส่งโทรศัพท์มือถือในจีนร่วงลง 15.1% แตะที่ระดับ 48.56 ล้านเครื่อง
Economic Update Japan Morning Brief
ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิม มองการส่งออกเชิงลบมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
BF Economic Research ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศคงนโยบายการเงินไว้ตามเดิมหลังการประชุมในเดือน มี.ค. โดยกำหนดให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีอยู่ที่ 0% และอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% รวมทั้งจะยังคงซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่อไป อาทิ กองทุน ETF และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (RIET) ทั้งนี้ ในการประชุมเดือนนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้มีการกล่าวถึงมุมมองเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยยังเติบโตได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางการชะลอตัวของภาคการส่งออก และภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ด้านนายคุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า การดำเนินนโยบายในปัจจุบันต่อไปนั้น ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยจะยังคงยึดเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ต่อไป และยังพยายามทำให้ถึงเป้าหมายโดยเร็วที่สุด โดยได้แสดงความเชื่อมั่นว่า แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่เศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวมยังสามารถขยายตัวได้ ในขณะที่มองว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากผลของการใช้นโยบายกระตุ้นของรัฐบาล ด้วยท่าทีของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้ค่าเงินเยนปรับตัวแข็งค่าขึ้น (เยนต่อดอลลาร์ลดลง) หลังการประชุม โดยก่อนหน้านี้ตลาดมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะประกาศใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้นจึงทำให้เยนอ่อนค่าลงในช่วงก่อนการประชุม
จีนย้ำเป้าหมายปีนี้กระตุ้นจ้างงานเน้นพื้นที่ชนบทตั้งเป้ารองรับ 11 ล้านคน
ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ครั้งที่ 13 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่า จีนให้ความสำคัญกับประเด็นการจ้างงานอย่างมาก โดยมองว่าเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่จะผลักดันให้การขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ในกรอบที่ 6 – 6.5% นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน โดยระบุว่า การกระตุ้นการจ้างงานถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้จีนกำหนดกรอบเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ที่ 6 – 6.5% และตั้งเป้าหมายในปีนี้ว่า จะมีการสร้างงานในพื้นที่ชนบทสำหรับประชากร 11 ล้านคน นายหลี่ กล่าวว่า รัฐบาลได้ยกระดับความสำคัญของนโยบายการจ้างงาน เนื่องจากเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงาน โดยมีหลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราว่างงานกำลังปรับตัวสูงขึ้น และข้อมูลของทางการจีนก็ยืนยันในเรื่องนี้ ทั้งนี้ อัตราว่างงานเดือนก.พ.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.3% จากระดับ 4.9% ในเดือน ธ.ค. 2018
โมไบค์ถอนตัวออกจากตลาดสิงคโปร์
เดอะสเตรทไทม์ส รายงานว่า โมไบค์ ผู้ให้บริการแบ่งปันขับขี่จักรยานถอนตัวออกจากตลาดสิงคโปร์ ถือเป็นผู้ให้บริการการแบ่งปันขับขี่จักรยานรายที่ 3 ที่ถอนตัวออกไป ตามหลัง โอไบค์ และโอโฟ ที่ออกจากตลาดไปเมื่อปีก่อน โฆษกของ Meituan DianPing เจ้าของโมไบค์ กล่าวว่า เราสามารถยืนยันได้ว่าโมไบค์ยื่นคำขอไปที่กรมการขนส่งทางบกสิงคโปร์ หรือ LTA แล้ว เพื่อจัดการและถอนตัวออกจากตลาด โดยการตัดสินใจถอนตัวครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “โมไบค์จะทำงานกับกรมการขนส่งทางบกสิงคโปร์ เพื่อมองหาทางเลือกทุกรูปแบบ มีความเป็นไปได้ที่จะโอนย้ายการให้บริการของเรา หรือใบอนุญาตที่เรามีให้กับผู้มีใบอนุญาตรายอื่น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด” อย่างไรก็ตาม Meituan Dianping ไม่ได้ยืนยันว่าจะออกจากตลาดสิงคโปร์ วันที่เท่าไหร่กันแน่ กล่าวเพียงแต่ว่ากำลังจะออกจากตลาดไป ปัจุบันโมไบค์เป็นผู้ให้บริการแบ่งปันขับขี่จักรยานรายใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยมีใบอนุญาตให้บริการจักรยาน 25,000 คัน การถอนตัวออกจากตลาดสิงคโปร์ครั้งนี้ จะทำให้เหลือเพียงผู้ให้บริการในพื้นที่ 2 ราย คือ เอสจี ไบค์ และเอนี่วีล ซึ่งทั้ง 2 รายนี้มีจักรยานให้บริการรวมเพียง 4,000 […]
‘มหาเธร์’ เผยกำลังทบทวนว่าจะขายสายการบินมาเลเซียหรือไม่
เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดของมาเลเซีย กล่าวว่า กำลังศึกษาทางเลือกที่จะจัดการกับระบบงานของสายการบินมาเลเซีย ซึ่งเป็นสายการบินประจำชาติอยู่ ครอบคลุมทั้งการลงทุนเพิ่ม ขายธุรกิจออกไป หรือแม้กระทั่งปิดบริษัท “ถือเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าหากจะต้องปิดตัวสายการบินแห่งชาติ เราจะศึกษาและตรวจสอบให้แน่ใจว่า เราควรจะปิดตัวสายการบินหรือขายออกไป หรือควรจะปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ ทั้งหมดนี้รัฐบาลยังเปิดกว้างในการตัดสินใจอยู่ ซึ่งเราคงต้องตัดสินใจเร็วๆ นี้” มหาเธร์ กล่าว สำหรับสายการบินมาเลเซีย ถูกซื้อโดย Khazanah Nasional ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งที่รัฐบาลมาเลเซียเป็นเจ้าของ เมื่อปี 2014 หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินหายไปจากจอเรดาห์บริเวณมหาสมุทรอินเดีย และอีกลำถูกยิงตกลงในยูเครน โดย Khazanah คาดหวังให้สายการบินฟื้นตัวกลับขึ้นมาแข่งขันได้ในอุตสาหกรรม หลังจากใส่เงินไป 6,000 ล้านริงกิต หรือ 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสายการบินนี้ เพื่อคาดหวังให้ทำกำไรได้ Azmin Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ มาเลเซีย กล่าวว่า สายการบินมาเลเซียไม่มีเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX อยู่ในฝูงบิน แต่คาดว่าจะรับเครื่องบินรุ่นนี้เข้ามาในฝูงบินปี […]
คนอเมริกันคลายกังวลจากภาวะชัตดาวน์ ดันยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2%
สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) ระบุว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐเริ่มคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาล ความผันผวนของตลาดหุ้น และความตึงเครียดด้านการค้า นายแจ็ค ไคลน์เฮนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NRF เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐเริ่มคลายความกังวล และกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง หลังจากความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มลดน้อยลง และหน่วยงานรัฐบาลกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ต้องเผชิญกับภาวะชัตดาวน์มาระยะหนึ่ง ประกอบกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีทิศทางที่ดี ตัวเลขล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ออกมาว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนดังกล่าว สำหรับยอดค้าปลีกพื้นฐานเดือน ม.ค. ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดิ่งลง 2.3% ในเดือน ธ.ค. เขา กล่าวว่า “แม้ประชาชนบางส่วนยังคงมีความลังเลใจอยู่บ้าง แต่นับเป็นเรื่องดีที่ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค.” นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า ยอดค้าปลีกในปี 2019 จะปรับตัวขึ้นราว 3.8-4.4% รวมมูลค่าอยู่ที่ 3.8 […]
อินโดนีเซีย-ออสเตรเลีย เปิดการค้าเสรี คาดหนุนส่งออกน้ำมันปาล์ม
อินโดนีเซียร่วมลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับ ออสเตรเลีย หลังจากผ่านการเจรจานาน 8 ปี ซึ่งการลงนามดังกล่าวเลื่อนมาจากปีที่แล้ว ทั้งนี้ อินโดนีเซียหวังว่าข้อตกลงระหว่างกันจะช่วยเปิดทางให้ชาวอินโดนีเซียสามารถข้ามไปทำงานที่ออสเตรเลียได้มากขึ้น รวมถึงออสเตรเลียอาจเปิดรับน้ำมันปาล์มจากอินโดนีเซียมากขึ้น ขณะที่อินโดนีเซียก็จะเปิดทางให้สินค้าเกษตรจากออสเตรเลีย รวมทั้งอนุญาตให้สถานศึกษาจากออสเตรเลียเข้ามาเปิดสาขาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานหลายแห่งในออสเตรเลียต่อต้านข้อตกลงนี้ โดยเกรงว่าชาวอินโดนีเซีย จะเข้ามาแย่งงานคนออสเตรเลีย ปัจจุบัน อินโดนีเซียมีประชากรราว 260 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ขณะที่ออสเตรเลียมีประชากร 25 ล้านคน อนึ่ง จากกรณีที่ทางออสเตรเลีย ระบุว่า จะย้ายสถานทูตออสเตรเลียจากกรุงเทล อาวีฟ ไปยังนครเยรูซาเล็ม ซึ่งขัดกับอินโดนีเซีย ที่ต่อต้านการยอมรับเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ทำให้การลงนามข้อตกลงการค้าเสรีฉบับนี้ถูกชะลอออกไปด้วย จนกระทั่งออสเตรเลียตัดสินใจไม่ย้ายสถานทูตดังกล่าว การลงนามจึงเกิดขึ้น