การใช้จ่ายด้านสุขภาพในสหรัฐอาจพุ่งแตะ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027

การใช้จ่ายด้านสุขภาพในสหรัฐอาจพุ่งแตะ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2027

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ของสหรัฐ หรือ CMS หน่วยงานด้านสุขภาพของสหรัฐ เปิดเผยผ่านรายงานว่า สหรัฐจะใช้ง่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น 5.5% ต่อปี ในช่วง 10 ปี นับจากปี 2018 ซึ่งจะส่งผลให้ต้องใช้จ่ายด้านสุขภาพเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2027 เนื่องจากผู้คนมีความต้องการใช้บริการทางการแพทย์มากขึ้น ทั้งนี้ การปรับขึ้นของรายได้ อัตราการจ้างงานที่ดีขึ้น จำนวนผู้คนที่ได้รับสิทธิจากภาครัฐในการใช้บริการทางการแพทย์ที่มากขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลมีโปรแกรมประกันสุขภาพผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้พิการ เป็นเหตุผลที่ทำให้การใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นเป็น 19.4% ต่อมูลค่าเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมในปี 2027 ขณะที่ปี 2017 สหรัฐมีการใช้จ่ายด้านสุขภาพ 17.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) โดยหากนับเฉพาะการใช้จ่ายบริการทางการแพทย์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.4% ต่อปี ในช่วง 10 ปีต่อจากนี้ จากตัวเลขทั้งหมดที่ประเมินออกมานี้ หากดูในส่วนของ Medicaid ซึ่งเป็นโปรแกรมประกันของรัฐบาลสำหรับชาวอเมริกันผู้มีรายได้น้อย […]

เพย์พาลคาดตลาดชำระเงินดิจิทัลโลกมีลุ้นแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เพย์พาลคาดตลาดชำระเงินดิจิทัลโลกมีลุ้นแตะ 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า Dan Schulman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพย์พาล ออกมาคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมระบบชำระเงินดิจิทัลมีโอกาสไปถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ เป็นผลจากปัจจุบันเราทุกคนอยู่ในโลกที่ค้าขายบนดิจิทัล “ฉันคิดว่าหนทางใหม่ของโลกข้างหน้าคือ บริษัทจะทำอย่างไรให้มีแพลตฟอร์มที่ดีเพื่อนำเสนอสิ่งที่มีให้ดีขึ้น” เขา กล่าว ทั้งนี้ คาดว่า แพลตฟอร์มการชำระเงินที่เป็นตัวกลางระหว่างบุคคลกับบุคคล (เพียร์-ทู-เพียร์ เพย์เมนท์) กำลังเป็นกระแสที่มาในตลาด โดยปัจจุบันมีเม็ดเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่ในตลาดกลางด้านนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพย์พาล ยังกล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมการชำระเงินดิจิทัลมีโอกาสที่ยอดทำธุรกรรมถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ ตราบใดที่เทคโนโลยีทางการเงินยังเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเพย์พาลที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ มีส่วนแบ่ง 1-2% ในตลาดปัจจุบัน สำหรับเพย์พาลยังคงเดินหน้าเป็นพันธมิตรกับร้านค้าจำนวนมากขึ้น โดย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพย์พาล เชื่อว่า ยังไม่มีสัญญาณที่จะเห็นยอดขายช่วงเทศกาลวันหยุดน่าผิดหวัง รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจะส่งผลลบต่ออุตสาหกรรมนี้ โดยไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมาปริมาณการชำระเงินผ่านแพลตฟอร์มเพย์พาล เติบโตถึง 80% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเขาเชื่อว่า บริษัทจะมียอดการทำธุรกรรมมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ในปีนี้ “เราอยู่ในโลกการค้าขายดิจิทัล และการค้าขายดิจิทัลก็มีให้เห็นทั่วโลก […]

อินเดียเล็งทุ่มงบ 8.85 แสนล้านรูปีสนับสนุนการลดปล่อยมลพิษ

อินเดียเล็งทุ่มงบ 8.85 แสนล้านรูปีสนับสนุนการลดปล่อยมลพิษ

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า อินเดียวางแผนให้สิทธิประโยชน์จูงใจ 885,000 ล้านรูปี หรือ 12,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนให้โรงไฟฟ้าติดตั้งอุปกรณ์ลดการปล่อยมลพิษ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับเงิน 835,000 ล้านรูปี จะถูกใช้เพื่อเป้าหมายควบคุมการปล่อยกำมะถันออกจากโรงไฟฟ้า ส่วนเงินก้อนที่เหลือจะถูกใช้สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้า ใน 70 เมืองภายใน 5 ปี หรือจนถึงสิ้นปี 2025 ข้อเสนอสิทธิประโยชน์จูงใจนี้ที่กระทรวงพลังงานของอินเดียวางแผนไว้ว่าจะเสนอต่อคณะกรรมการด้านการเงิน พร้อมๆ กับการนำเสนอข้อเสนออื่นที่มีอยู่แล้วเพื่อให้ส่งผลไปถึงต้นทุนการติดตั้งอุปกรณ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคด้วย

รัฐบาลเม็กซิโกหนุนคนเม็กซิกันในต่างแดนใช้ฟินเทคส่งเงินกลับบ้าน

รัฐบาลเม็กซิโกหนุนคนเม็กซิกันในต่างแดนใช้ฟินเทคส่งเงินกลับบ้าน

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า รัฐบาลชุดใหม่ของประเทศเม็กซิโกพยายามสนับสนุนครอบครัวเม็กซิกันที่อาศัยอยู่ต่างแดนส่งเงินกลับบ้านให้ครอบครัวในเม็กซิโก โดยใช้เทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค เพื่อลดต้นทุนการส่งเงิน ทั้งยังหวังว่า ธนาคารและผู้ให้บริการ เช่น เวสเทิร์น ยูเนียน จะลดค่าคอมมิชชั่นและปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนที่คิด Arturo Herrera รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เม็กซิโก กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีแผนออกกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อควบคุมการไหลเข้าของเงิน เพราะเงินต่างประเทศเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่เลี้ยงชีวิตคนในครอบครัวที่ยากจนกว่า 1 ล้านครอบครัว โดยการใช้วิธีโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น จะช่วยลดต้นทุนส่งเงินมาเม็กซิโกได้ ซึ่งปัจจุบันค่าคอมมิชชัน และอัตราแลกเปลี่ยนเป็นต้นทุนสำคัญของการส่งเงิน หรือคิดเป็น 8% ของเงินที่ส่ง แต่ มองว่า จะลดเหลือ 5% ได้ “ต้นทุนการโอนเงินควรลดลง 40% ซึ่งฟินเทคเป็นช่องทางที่ทำได้มากกว่าธนาคารดั้งเดิม เพราะสามารถดำเนินการได้มีประสิทธิภาพมากกว่า เป็นช่องทางตรงส่งเงิน และยังลดต้นทุนได้ด้วย จึงใช้เป็นแนวทางนำไปสู่การลดค่าคอมมิชชันได้” Andres Manuel Lopez Obrador ประธานาธิบดีเม็กซิโก ที่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. […]

ธปท. เปิดแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ปี 2019-2021

ธปท. เปิดแผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ปี 2019-2021

ดร.วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดผยว่า แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงินฉบับที่ 4 (ปี 2019-2021) มุ่งสร้างระบบนิเวศน์ หรือ Ecosystem ให้ระบบการชำระเงินดิจิทัล เป็นทางเลือกหลักของการชำระเงิน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินและบริการชำระเงินให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ราคาถูก และตรงความต้องการของผู้ใช้ทั้งประชาชน ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ และโซเชียล คอมเมิร์ซ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ ตลอดจนขยายการใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ  โดย ธปท. จะร่วมกับสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการชำระเงิน และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ ให้บรรลุผล สำหรับกรอบการพัฒนามี 5 ด้าน ได้แก่ (1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินให้ได้มาตรฐานพร้อมเชื่อมโยง  (2) การส่งเสริมนวัตกรรมและบริการชำระเงิน โดยพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ (3) การส่งเสริมการเข้าถึงและใช้บริการชำระเงินโดยขยายการใช้ระบบการชำระเงินดิจิทัล และความรู้ความเข้าใจในทุกภาคส่วน (4) การกำกับดูแลและบริหารความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้นกันพร้อมรับมือภัยไซเบอร์และคุ้มครองผู้ใช้บริการอย่างเหมาะสม (5) การพัฒนาข้อมูลชำระเงิน โดยเชื่อมโยงข้อมูลการชำระเงินอย่างบูรณาการและพัฒนาการวิเคราะห์เชิงลึก […]

ก.ล.ต. เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

ก.ล.ต. เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์จัดตั้ง “กองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” รองรับการยกเว้นภาษีการลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมดังกล่าว ช่วยส่งเสริมการออมเงินเพื่อเกษียณอายุของสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สืบเนื่องจากกรมสรรพากรอยู่ระหว่างยกร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวม โดย พ.ร.บ. ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2018 และคาดว่าจะมีผลใช้บังคับกลางปี 2019 ซึ่งจะส่งผลให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลงทุนในตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมมีภาระภาษีตามไปด้วย ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหากลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงยังคงได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกัน กระทรวงการคลังจะเสนอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่ “กองทุนรวม” ที่มีผู้ถือหน่วยเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว ก.ล.ต. มีแผนที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อรองรับกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนที่เป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยมีข้อกำหนด อาทิ ผู้ถือหน่วยต้องเป็นกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเท่านั้น ยกเว้นจำนวนผู้ถือหน่วยลงทุนขั้นต่ำที่กำหนดไว้อย่างน้อย 35 ราย ไม่เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) การรับชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนสามารถใช้หลักทรัพย์หรือทรัพย์สินแทนเงินสดได้ อนึ่ง ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th/hearing ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2033-9660 หรือทาง […]

ซอฟต์แบงก์รุกลงทุน Nuro ผู้พัฒนารถตู้ส่งของไร้คนขับ

ซอฟต์แบงก์รุกลงทุน Nuro ผู้พัฒนารถตู้ส่งของไร้คนขับ

ไฟแนนเชียล ไทม์ส รายงานว่า กองทุนวิชัน ฟันด์ ของซอฟต์แบงก์ ได้เข้าลงทุนใน Nuro.ai ซึ่งเป็นผู้พัฒนารถตู้ส่งของไร้คนขับ ด้วยเงินลงทุน 940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการเข้าลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอในตลาดเทคโนโลยีการขนส่งของซอฟต์แบงก์ จากที่เมื่อเดือน พ.ค. 2018 กองทุนวิชัน ฟันด์ ของซอฟต์แบงก์ เพิ่งลงทุนในหน่วยงานรถยนต์ไร้คนขับ และเรือสำราญของเจเนอรัล มอเตอร์ไป ด้วยเงินลงทุน 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ วิชัน ฟันด์ เป็นกองทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของซอฟต์แบงก์ ซึ่งถือหุ้นในธุรกิจบริการขับขี่แบบแบ่งปัน เช่น อูเบอร์ และ Didi โดยบริษัทเหล่านี้ต่างก็กำลังพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอยู่เงียบๆ นอกจากนี้ เมื่อเดือน ต.ค. 2018 ซอฟต์แบงก์จัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนกับโตโยต้า ชื่อว่า โมเน็ต เทคโนโลยี เพื่อนำเสนอบริการเคลื่อนที่ ซึ่งรวมถึงการส่งอาหารถึงที่ด้วย สำหรับ Nuro สตาร์ทอัพที่กองทุนวิชัน […]

เจดีดอทคอมเผยช่วงตรุษจีนยอดขายในจีนพุ่ง 42.7%

เจดีดอทคอมเผยช่วงตรุษจีนยอดขายในจีนพุ่ง 42.7%

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เจดีดอทคอม บริษัทอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จีน รายงานยอดขายช่วงเทศกาลตรุษจีนพุ่งสูง จากการที่ผู้บริโภคชอปปิ้งอาหารและซื้อของขวัญช่วงเทศกาล ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3-8 ก.พ. ยอดขายสินค้าออนไลน์ผ่านเจดีดอทคอม เติบโตถึง 42.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ภายในบ้าน เป็น 3 กลุ่มสินค้าอันดับต้นๆ ที่ขายดีในเชิงมูลค่าการซื้อขาย ขณะที่ภาชนะปรุงอาหารมียอดขายเติบโตแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นถึง 399% โดยผู้คนเน้นมองหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในกลุ่มนี้ ส่วนยอดซื้อขายออนไลน์ของเมืองรองๆ ในจีน ก็เติบโตสูงเช่นกัน เป็นผลพวงจากการขยายเครือข่ายอี-คอมเมิร์ซ โดยเมืองระดับ 4 และเมืองระดับ 6 ในจีน ยอดขายเติบโตถึง 60% ทั้งนี้ ลูกค้าอันดับหนึ่งของเจดีดอทคอม เป็นกลุ่มที่อยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ตามด้วย ปักกิ่ง เจียงซู และเสฉวน

แอปเปิ้ลประกาศจ้างงานวิศวกร ตลาดคาดเตรียมผลิตชิปของตัวเอง

แอปเปิ้ลประกาศจ้างงานวิศวกร ตลาดคาดเตรียมผลิตชิปของตัวเอง

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แอปเปิ้ล อิงค์ ประกาศรับสมัครวิศวกรที่ดูแลด้านโมเดมคอมพิวเตอร์ โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า แอปเปิ้ล อาจพิจารณาย้ายการผลิตชิปสำหรับโมเดมคอมพิวเตอร์จากบริษัทผู้ผลิต มาผลิตชิปด้วยตนเอง การประกาศรับสมัครพนักงานของแอปเปิ้ล ในแถบนครซานดิเอโกนั้น อาจหมายถึงแอปเปิ้ลต้องการดึงดูดกลุ่มวิศวกรที่ทำงานให้กับควอลคอมม์ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นั่นเช่นกัน ก่อนหน้านี้แอปเปิ้ลเคยใช้ชิปโมเดมของควอลคอมม์ แต่เริ่มเปลี่ยนมาใช้ของบริษัท อินเทล เมื่อปี 2016 ปกติแล้วแอปเปิ้ลมีต้นทุนสำหรับชิปที่ใช้ในโมเด็มราว 15 – 20 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อโทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่อง รวมแล้วคิดเป็นมูลค่าต้นทุนส่วนนี้ราว 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รายงานข่าวจาก VOA News ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดว่า แอปเปิ้ลจะต้องลงทุนหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในการผลิตชิปโมเดมคอมพิวเตอร์ของตัวเอง แต่การลงทุนนี้จะคุ้มค่าในระยะยาว ขณะที่คู่แข่งสำคัญของแอปเปิ้ล คือ ซัมซุง และหัวเว่ย ปัจจุบันสามารถผลิตชิพในโมเดมของตนเองได้แล้ว สำหรับการลงทุนด้านการออกแบบและผลิตชิปโมเด็มของแอปเปิ้ลมีขึ้น ขณะที่บริษัทโทรคมนาคมในสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันเปิดตัวอุปกรณ์สื่อสารที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายสัญญาณ 5G

Brexit ส่อแววฉุดเศรษฐกิจอังกฤษย่ำแย่ หากข้อตกลงขาดความแน่นอน

Brexit ส่อแววฉุดเศรษฐกิจอังกฤษย่ำแย่ หากข้อตกลงขาดความแน่นอน

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของข้อตกลงการถอนตัวของอังกฤษจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ทวีความรุนแรงขึ้น นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2018 และยังเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในหลายปัจจัยชี้วัด ขณะที่ การทบทวนรายไตรมาสครั้งล่าสุดประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปี 2019 ลงเหลือเพียง 1.5% จากระดับ 1.9% (ประกาศเมื่อเดือน พ.ย.) และได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2019 จากระดับ 3.8% สู่ระดับ 3.6% อีกด้วย นายอามิท คารา หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจมหภาคของ NIESR เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด ความไม่แน่นอนของข้อตกลง Brexit ก็ได้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทั้งนี้ การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษก็ชะลอตัวลงตามไปด้วย แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ เขา กล่าวว่า ธนาคารจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% ไว้จนถึงเดือน ส.ค.ปีนี้