ไชน่า ยูนิคอม ประกาศแผนลุยลงทุนโครงข่าย 5G ในกรุงปักกิ่ง
ไชน่าเดลี รายงานว่า ไชน่า ยูนิคอม บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ได้เปิดตัว แผน 5G NEXT เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อรองรับเครือข่ายไร้สายความเร็วสูง 5G ในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับ แผนงานนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างระบบนิเวศของโครงข่าย 5G ด้วยการ เปิด แบ่งปัน เติบโต และชนะไปด้วยกัน โดยจะลงทุนสร้างสถานีโครงข่าย 5G 300 แห่งภายในปีนี้ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งถือเป็น 1 ใน 16 เมืองนำร่องที่จะมีการลงทุน 5G ตามที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ เมืองอื่นๆ ที่เป็นเมืองนำร่องโครงข่าย 5G ประกอบด้วย เทียนจิน ชิงเต่า หังโจว นานจิง อู่ฮั่น กุ้ยหยาง เฉิงตู เซินเจิ้น ฝูโจว เจิ้งโจว และเสิ่นหยาง Wang Chuanbao […]
บล็อกเชนช่วยเพิ่มโอกาส-พัฒนาอาเซียนให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
สมาคมบล็อกเชนแห่งอินโดนีเซีย มองบล็อกเชนจะเข้ามาเพิ่มโอกาสและพัฒนาภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสังคมอาเซียนเหมาะสำหรับการเติบโตของเทคโนโลยีที่พร้อมจะเปลี่ยนโลกอย่างบล็อกเชน นายสตีเวน ซูฮาดี ประธานสมาคมบล็อกเชนแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่า ภูมิภาคอาเซียนมีขีดความสามารถก้าวทันและทัดเทียมประเทศยักษ์ใหญ่ด้านดิจิทัลอย่าง จีน สหรัฐอเมริกา หรือยุโรป เพราะมีความพร้อมเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันอยู่ตลอดเวลา เขามีมุมมองว่า เราอยู่ในจุดที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพึ่งพาบล็อกเชนหรือเทคโนโลยีพลิกโฉมอื่นได้ รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วมและรับมือ ในปัจจุบัน มีเงินตราที่หมุนเวียนในรูปแบบดิจิทัลมากขึ้น ผ่านบริการธุรกรรมออนไลน์ เช่น วีแชท เพย์ หรือ แอปเปิ้ล เพย์ ดังนั้น ยิ่งมีการชำระเงินบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้นเท่าไร ผู้คนจะยิ่งคุ้นชินกับเงินดิจิทัลมากขึ้นเท่านั้น และจะเอื้อสู่การใช้บล็อกเชนด้วย รัฐบาลจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือละเลย แต่ต้องเข้ามาออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมและกำกับดูแล ทั้งนี้ บล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมก้าวกระโดดในอินโดนีเซีย และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาทดลองทำธุรกิจ เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ มีประชากรมากกว่า 260 ล้านคน และมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ประกอบกับอายุเฉลี่ยประชากรอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว ดังนั้น นักลงทุนจึงหลั่งไหลเข้ามาทำธุรกิจสตาร์ทอัพ อี-คอมเมิร์ซ บล็อกเชน และการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ขณะที่ อินโดนีเซีย เป็นประเทศเป็นหมู่เกาะน้อยใหญ่ มีภาษาถิ่นเฉพาะ […]
ยูทูบเตรียมชิงตำแหน่งเว็บยอดนิยมอันดับ 2 แทนที่เฟซบุ๊ก
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า บริษัทวิจัยตลาด SimilarWeb ได้ทำการศึกษาใหม่ โดยระบุว่า เฟซบุ๊กอาจจะถูกยูทูบชิงตำแหน่งรองอันดับ 1 เว็บไซต์ยอดนิยมที่สุดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ จากงานวิจัยพบว่า 5 เว็บไซต์ที่มียอดคนเข้าใช้งานมากที่สุดในสหรัฐในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ กูเกิล เฟซบุ๊ก ยูทูบ ยาฮู และอเมซอน อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กมียอดผู้เข้าเยี่ยมชมต่อเดือนลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายเดือนที่ผ่านมา จาก 8,500 ล้านครั้ง เมื่อ 2 ปีก่อน เหลือเพียง 4,700 ล้านครั้ง แม้ว่ายอดการใช้งานแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กยังเติบโตแต่นั่นก็ไม่เพียงพอกับส่วนที่สูญเสียไป เดือนที่ผ่านมาเฟซบุ๊กเป็นตัวที่ทำให้ตลาดโดยรวมลง โดยจำนวนผู้ใช้งานรายวันทางอเมริกาเหนือยังคงที่ในไตรมาส 2 ส่วนในยุโรปลดลง อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กนั้นไม่ได้มีเพียงแพลตฟอร์มเดียวเท่านั้น แต่ในพอร์ตโฟลิโอ ยังมีผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์มอื่นที่เป็นของเฟซบุ๊กด้วย เช่น วอทแอป อินสตาแกรม ทางด้าน ยูทูบ ซึ่งเป็นของอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล มียอดคนเข้าใช้งานเพิ่มขึ้น ส่วนยาฮู มีโอกาสที่จะสูญเสียตำแหน่งตัวเองไป […]
สหรัฐเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนล็อตใหม่ 23 ส.ค. นี้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า สหรัฐเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 23 ส.ค. 2018 สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศรายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีครั้งล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาครอบคลุม 279 รายการ เมื่อช่วงกลางเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา USTR ได้ประกาศรายการสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีนที่ต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา
ธปท.เปิดทางบริษัทลูกแบงก์เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ได้ออกหนังสือเวียนถึงสถาบันการเงินทุกแห่ง แจ้งแนวทางการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลของสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงิน โดยขอยกเลิกแนวทางเดิมตามหนังสือเวียนที่เคยขอความร่วมมือสถาบันการเงินไม่ให้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซี เปลี่ยนเป็นอนุญาตให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินยกเว้นสถาบันการเงินดำเนินการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ เช่น บริษัทลูกที่มีหน่วยงานกำกับดูแลเฉพาะ อาทิ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต กรณีบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจการเงินนอกเหนือจากที่กล่าวมา คือ บริษัทจัดตั้งขึ้นใหม่ และบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจสนับสนุนในปัจจุบัน ถ้าประสงค์ทำธุรกรรมหรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินขออนุญาต ธปท. รายกรณี หากสถาบันการเงินหรือบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินจะทำธุรกรรมหรือประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุดของสถาบันการเงินหรือของบริษัท สำหรับสถาบันการเงิน ระยะแรกต้องไม่เป็นผู้ออกโทเคนดิจิทัล หรือให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ไม่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ทำหน้าที่เป็นผู้ชี้ชวนหรือแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลแก่ลูกค้าที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ และผู้ลงทุนรายใหญ่ หากจะออกหรือลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อพัฒนานวัตกรรมการเงินให้เข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox และหากธปท. กำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลความเสี่ยงและการดูแลผู้ใช้บริการสำหรับการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว ให้สถาบันการเงินปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าวไม่ต้องเข้าทดสอบใน Regulatory Sandbox ทั้งนี้ ธปท. จะกำหนดหลักเกณฑ์ประกอบธุรกิจหรือการดูแลความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป เช่น หลักเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนของสถาบันการเงินและกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สำหรับรายละเอียดประกาศติดตามได้ที่ https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2561/ThaiPDF/25610186.pdf
ASEAN Digital Economy Morning Brief
เจดีลุยเปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานในอินโดนีเซีย
JD บริษัท อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จีน ประกาศเปิดร้านค้าที่ไร้พนักงานในอินโดนีเซีย ซึ่งจะเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ถือเป็นความพยายามในการนำร้านค้าเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้พนักงานออกไปขยายในตลาดต่างประเทศ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงกับคู่แข่งอย่าง อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง และอเมซอนดอทคอม สำหรับร้านค้าไร้พนักงานนี้จะตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชื่อดังในจาการ์ตา ศูนย์กลางการค้าของอินโดนีเซีย โดยร้านค้านี้ชื่อว่า JD.ID X-Mart มีพื้นที่ 270 ตารางเมตร ถือเป็นร้านค้าเทคโนโลยีไร้พนักงานขนาดใหญ่ที่สุดของเจดี โดยจะมีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์มาจำหน่ายหลากหลายขึ้น ซึ่งก็รวมถึง สินค้าแฟชั่น เครื่องนุ่มห่ม รวมทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์ความงาม ขณะที่ร้านค้านี้ขับเคลื่อนด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ลูกค้าสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการไว้ก่อนแล้วเดินตรงไปที่ร้านโดยไม่ต้องชะลอตามเส้นทางเข้าช่องชำระเงินเลย โดยในร้านค้านี้จะนำเทคโนโลยี RFID คือการนำคลื่นความถี่วิทยุมาใช้ในการอ่านข้อมูล รวมถึงเทคโนโลยีจดจำใบหน้า และจดจำภาพ เพื่อติดตามกิจกรรมที่เกิดขึ้นในร้านค้า นอกจากนั้นยังมีกล้องที่ติดตั้งเพื่อติดตามและจดจำการเคลื่อนไหวของลูกค้า ซึ่งก็รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์ และความต้องการของลูกค้า โดยข้อมูลนี้จะถูกใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางสินค้า การโฆษณา และการบริหารจัดการร้านค้า ก่อนหน้านี้ เจดีเปิดตัวร้านค้าไร้พนักงานแห่งแรกในจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อเดือน ต.ค.2017 ส่วนปัจจุบันได้ดำเนินการร้านค้าไร้พนักงานในจีนแล้วทั้งหมด 20 แห่ง นอกจากนี้เจดีเปิดตัวออนไลน์ […]
ก.ล.ต. เผยครึ่งปีแรกอนุญาตเสนอขายตราสารทุนไป 21 บริษัท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้จัดทำข้อมูลสถิติสำคัญตลาดทุนไทยไตรมาสที่ 2 ปี 2018 โดยพบว่า ภาพรวมครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ได้อนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ประเภทตราสารทุนไปทั้งหมด 21 บริษัท ประกอบด้วย การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) 7 บริษัท และการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อบุคคลในวงจำกัด (พีพี) 14 บริษัท ทั้งนี้ มูลค่าการเสนอขายตราสารทุน ครึ่งปีแรกคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 103,341.77 ล้านบาท ส่วนมูลค่าการเสนอขายตราสารหนี้ รวมอยู่ที่ 3.53 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการเสนอขายในประเทศ 3.44 ล้านล้านบาท และเสนอขายต่างประเทศ 89,310.82 ล้านบาท ทางด้านมูลค่าการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (DW) อยู่ที่ 1,412 รุ่น สำหรับภาพรวมธุรกิจจัดการลงทุน จากข้อมูลล่าสุดเดือน พ.ค. 2018 มีจำนวนกองทุนรวม 1,315 กองทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) 4.56 […]
ผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตเวียดนามเดือน ก.ค. ชะลอตัวลง
ผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตของเวียดนามเดือน ก.ค. ปรับตัวลดลง สะท้อนภาคการผลิตของเวียดนามที่มีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เช่นเดียวกับผลผลิตและยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตที่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ผลสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดยนิกเกอิ ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของเวียดนาม ซึ่งเป็นมาตรวัดความแข็งแกร่งของภาคการผลิตภายในประเทศ ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.9 ในเดือน ก.ค. จากระดับ 55.7 ในเดือน มิ.ย. สะท้อนให้เห็นว่า ภาคการผลิตของเวียดนามมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 ซึ่งเป็นเส้นแบ่งระหว่างภาวะการขยายตัวและหดตัว และยังถือว่าอยู่ในระดับสูงนับตังแต่เริ่มจัดทำผลสำรวจมาในปี 2011 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่ โดยบริษัทที่ตอบรับการสำรวจกว่าครึ่งหนึ่งคาดการณ์ว่า ผลผลิตจะปรับตัวสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่คาดว่าจะแข็งแกร่งขึ้น และการเติบโตที่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ผลสำรวจระบุว่า การขยายตัวของผลผลิตและยอดสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตต่างชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า สวนทางกับการส่งออกในภาคการผลิตที่ขยายตัวรวดเร็วขึ้น และการจ้างงานในภาคการผลิตมีการขยายตัวที่แข็งแกร่งในเดือน ก.ค. แม้การขยายตัวของตัวเลขจ้างงานค่อนข้างทรงตัวจากสถิติเดือน มิ.ย.ก็ตาม
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียสั่งเสริมแกร่งทุนสำรองระหว่างประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ประธานาธิบดี โจโค วิโดโด ของอินโดนีเซีย ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีให้เตรียมพร้อมอย่างจริงจังในการเสริมความแข็งแกร่งทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อรองรับแรงกดดันที่เกิดจากสงครามการค้าโลก “ประเทศต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในเวลานี้ และผมไม่ต้องการประชุมโดยที่ไม่ได้มีการเตรียมงานที่ดี” นายโจโค กล่าว ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ต้องการเงินทุนไหลเข้าเพื่อลดแรงกดดันการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศกว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปกป้องค่าเงินรูเปียห์ โดยล่าสุดค่าเงินรูเปียห์ ปีนี้อ่อนค่าลงไปแล้วถึง 6%
คาดปี 2021 อินเดียครองอันดับ 3 ตลาดผู้ใช้รถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก
บริษัท แมคแคนซี ที่ปรึกษาระดับโลกได้จัดทำรายงาน ระบุว่า ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ควรเตรียมพร้อมรับภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดยตลาดอินเดียกำลังเติบโตจนกลายเป็นตลาดผู้ใช้รถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ทั้งนี้ อินเดีย จะเป็นตลาดผู้ใช้รถยนต์ใหญ่อันดับ 3 ของโลกในปี 2021 ซึ่งจะทำให้ 7 ปีข้างหน้า อินเดียจะมียอดการผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านคันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 3 ล้านคัน ขณะที่ก้าวต่อไปคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 5 ปี ที่จะมียอดผลิตไปถึง 5 ล้านคันต่อปี หากเศรษฐกิจยังคงพัฒนาไปรวดเร็วเช่นนี้ โดยประเมินว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอินเดียจะเติบโต 7% ต่อปี ไปจนถึงปี 2020 นอกจากนี้ การที่สังคมเมืองของอินเดียกระจายพื้นที่กว้างขึ้น คนชั้นกลางขยายตัวเพิ่ม การสนับสนุนของหน่วยงานกำกับและนโยบาย ก็เป็นอีกส่วนสำคัญสนับสนุนให้ตลาดรถยนต์ในอินเดียโต ปัจจุบันกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ครองสัดส่วนมากกว่า 7% ของจีดีพีอินเดีย โดยแผนยุทธศาสตร์ยานยนต์ของอินเดียระหว่างปี 2016-2026 นั้น […]