สหรัฐชี้ประกาศจำกัดการลงทุนไม่เจาะจงแค่จีนแต่รวมประเทศอื่นด้วย

สหรัฐชี้ประกาศจำกัดการลงทุนไม่เจาะจงแค่จีนแต่รวมประเทศอื่นด้วย

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ออกมาระบุว่า ประกาศที่จะออกโดยรัฐบาลสหรัฐเกี่ยวกับการจำกัดด้านการลงทุนนั้นจะถูกใช้กับจีนและประเทศอื่นๆ ที่ละเมิดสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาในเทคโนโลยีของสหรัฐ “ประกาศการจำกัดการลงทุนที่จะออกมานั้น ไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจงแค่จีนเท่านั้น แต่หมายรวมถึงทุกๆ ประเทศที่พยายามจะขโมยเทคโนโลยีของเรา” มนูชิน กล่าวผ่านข้อความทวิตเตอร์ของเขา ทั้งนี้ รัฐบาลของทรัมป์ เตรียมประกาศการจำกัดการลงทุนจากนักลงทุนจีนในสหรัฐและระงับการส่งออกเทคโนโลยีเพิ่มเติมไปยังประเทศในเอเชีย เพราะมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุว่า มนูชิน ทำงานเกี่ยวกับแผนการจำกัดการลงทุนมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะประกาศแผนนี้ออกมาให้นักลงทุนต่างชาติในสหรัฐได้รับทราบในช่วงสิ้นเดือนนี้ ก่อนหน้านี้ Rhodium Group บริษัทด้านที่ปรึกษาและวิจัย ระบุว่า ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนและซื้อกิจการในสหรัฐเพียงแค่ 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงไปถึง 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการลดลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว หลังเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ

ก.ล.ต.ระดมความเห็นให้คนตลาดทุนอาเซียนมาแนะนำลงทุนในไทย

ก.ล.ต.ระดมความเห็นให้คนตลาดทุนอาเซียนมาแนะนำลงทุนในไทย

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการให้บุคลากรตลาดทุนในกลุ่มอาเซียนเข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนในไทยรองรับข้อตกลงในกลุ่ม ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) ที่มีเป้าหมายเปิดกว้างให้ผู้แนะนำการลงทุนและนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนในอาเซียนสะดวกขึ้น เพิ่มทางเลือกผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลหลักทรัพย์ในอาเซียน ขยายตลาดแก่ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในอาเซียน ทั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยมีเกณฑ์อนุญาตให้ผู้แนะนำการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาให้คำแนะนำลงทุนแก่ลูกค้าไทยได้อยู่แล้ว แต่ยังมีรายละเอียดบางอย่างไม่สอดรับกับกรอบของ ACMF ก.ล.ต. จึงมีแนวคิดปรับปรุงเกณฑ์เพิ่มเติมรองรับ เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ACMF ได้กำหนดกรอบความร่วมมือเรื่องการเคลื่อนย้ายบุคลากรในอาเซียน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการวิเคราะห์และแนะนำการลงทุนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตลาดทุนแบบข้ามพรมแดนภายในอาเซียนได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงข้อมูลที่จัดทำโดยผู้ที่เข้าใจผลิตภัณฑ์ในต่างประเทศ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยการเคลื่อนย้ายไปยังประเทศปลายทาง จะอนุญาตให้บุคลากรที่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศที่ได้รับการยอมรับแล้ว ไม่ต้องทดสอบความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และกฎระเบียบในประเทศปลายทางซ้ำอีก และอยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแลที่กำหนด โดยให้แต่ละประเทศสมาชิกออกกฎเกณฑ์ในรายละเอียดเพื่อใช้บังคับภายในตลาดทุนของตนเองได้เพิ่มเติม กรอบความร่วมมือในระยะแรกจะเริ่มต้นจาก 5 ประเทศ ได้แก่ (1) ไทย (2) มาเลเซีย (3) สิงคโปร์ (4) เวียดนาม และ (5) ฟิลิปปินส์ โดยให้เริ่มด้วยการวิเคราะห์และแนะนำหลักทรัพย์ที่ไม่ซับซ้อน คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 2019 อนึ่ง […]

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มุ่งพัฒนา AI เพื่อตลาดสุขภาพ

บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่มุ่งพัฒนา AI เพื่อตลาดสุขภาพ

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในจีนกำลังมุ่งพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อตลาดสุขภาพ โดยจากรายงานอุตสาหกรรมปี 2017 ที่จัดทำโดย VCBeat Research ระบุว่า มีมากกว่า 80 บริษัท กำลังทำด้านนี้อยู่ ทั้งนี้ มีตัวอย่างคือ ก่อนปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินทางอาหาร Cheng Chunsheng เคยต้องตรวจสอบภาพทางเดินอาหารกว่า 1,000 ภาพเพื่อค้นหามะเร็งในหลอดอาหาร ปัจจุบันไม่ต้องเสียเวลาไปมากกับกระบวนการนี้ เพราะโรงพยาบาลเขตหนานซาน เมืองเซินเจิ้น ได้ใช้ Tencent AIMIS ซึ่งเป็น AI เกี่ยวกับภาพถ่ายทางการแพทย์ ที่เปิดตัวเมื่อเดือน ส.ค. 2017 เนื่องจาก AI นี้ช่วยคัดกรอง รายงาน และแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อต้องการให้ตรวจสอบเพิ่มเติม Cheng กล่าวว่า ประสบการณ์ของแพทย์สำคัญมากต่อการวิเคราะห์มะเร็งหลอดอาหารระยะเริ่มต้น ระบบที่พัฒนาโดย Tencent จะช่วยให้แพทย์รุ่นใหม่วินิจฉัยโรคได้แม่นยำขึ้น ด้าน Chen […]

อินสตาแกรมเปิดตัว IGTV ชิงตลาดวิดีโอแบบยาว

อินสตาแกรมเปิดตัว IGTV ชิงตลาดวิดีโอแบบยาว

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า อินสตาแกรมได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในการกระโดดเข้าสู่ตลาดการเล่นวิดีโอแบบยาว ศูนย์รวมวิดีโอใหม่นี้ถูกเรียกว่า IGTV จะเปิดให้เล่นวิดีโอแบบแนวตั้งได้นานถึง 60 นาที ซึ่งจะทำให้แพลตฟอร์มนี้เหมาะกับการเล่นบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า YouTube Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินสตาแกรม กล่าวว่า IGTV เกิดขึ้นบนพื้นฐานแนวคิดมือถือต้องมาก่อน เรียบง่าย และมีคุณภาพ ทั้งนี้ อินสตาแกรมประกาศเปิดตัววิดีอารูปแบบใหม่เพื่อช่วยให้ผู้ที่ชอบสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ และดาราบนสังคมออนไลน์ สามารถออกโชว์ใหม่ๆ ได้บน IGTV โดยวิดีโอนี้จะอยู่ในช่องรายการหนึ่งที่คล้ายกับฟีเจอร์ของ Snapchat ที่ผู้ใช้งานสามารถอัพโหลดวิดีโอขึ้นได้ โดยที่ IGTV จะไม่มีโฆษณา เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงจากกลุ่มผู้ใช้งาน แต่ในอนาคตก็เป็นไปได้ที่จะมีโฆษณา Systrom กล่าวว่า ปัจจุบันอินสตาแกรม มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนอยู่ 1,000 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากรายงานเมื่อเดือน ก.ย. 2017 ซึ่งมีอยู่ 800 ล้านราย ขณะที่ IGTV วางแผนว่าจะมีให้เข้าใช้งานได้ทั้งจากแอพพลิเคชั่นที่สร้างแยกออกมา รวมถึงจากแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมเดิมที่มีอยู่ โดยในส่วนของแอพพลิเคชั่น […]

เจดีลุยใช้หุ่นยนต์ส่งของแทนคน

เจดีลุยใช้หุ่นยนต์ส่งของแทนคน

หุ่นยนต์ขนาดเล็กนับสิบตัว ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า วิ่งไปบนถนนครั้งแรกจากสถานี Shangdi ซึ่งตั้งอยู่ในเขต Haidian ทางตะวันตกเฉียงเหนือในกรุงปักกิ่ง ช่วยปรับปรุงเรื่องบริการขนส่งด่วนและลดต้นทุนได้ด้วย ไชน่าเดลี่ รายงานว่า หุ่นยนต์อัตโนมัติซึ่งมีสีแดงและขาวตัวนี้ เริ่มต้นส่งอาหารเมื่อวันจันทร์ เวลา 10.00 น. ในบริเวณรอบสถานี Shangdi ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีหลักสำหรับการกระจายสินค้าของบริษัทอี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เจดีดอทคอม ยานพาหนะไร้คนขับนี้สามารถส่งผลิตภัณฑ์ได้ทั้งหมด 30 กล่อง ทำความเร็วได้สูงสุด 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยหุ่นยนต์นี้จะหยุดอัตโนมัติเมื่อสัญญาณไฟจราจรเป็นสีแดง และสามารถรองรับน้ำหนักสินค้าได้มากกว่า 300 กิโลกรัม Yang Jing ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์ยานพาหนะอัตโนมัติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของ JD กล่าวว่า การขนส่งด่วนนี้ครอบคลุมคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีกระจายสินค้า โดยข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นยนต์นี้ได้รับการบันทึกกับหน่วยงานด้านขนส่งของปักกิ่งแล้วก่อนที่จะมาวิ่งบนถนน ทั้งนี้ หุ่นยนต์ตัวนี้จะขับอยู่บนเส้นทางที่ไม่มียานหาพนะแล่นอยู่ โดยจะส่งสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า ทั้งนี้ระหว่างทางวิ่งรถจะมีเรดาร์และเซนเซอร์ตรวจจับ เพื่อให้หุ่นยนต์หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางต่างๆ ได้ รวมทั้งปฏิบัติตามสัญญาณจราจรเพื่อให้การเดินทางขนส่งนั้นถึงที่หมาย Yang กล่าวว่า “เราใช้หุ่นยนต์ขนส่งด่วนเพื่อลดต้นทุนด้านบุคลากรที่ใช้ในบริการขนส่ง และขณะเดียวกันก็เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งด้วย” ทั้งนี้ เจดี […]

เกาหลีใต้ให้น้ำหนักเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ ในการปรับนโยบายการเงิน

เกาหลีใต้ให้น้ำหนักเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ ในการปรับนโยบายการเงิน

นายลี จู ยอล ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) เปิดเผยในวันนี้ว่า เขาจะให้ความสำคัญมากขึ้นกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ในการพิจารณาเรื่องนโยบายการเงิน “ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนด้านนโยบายการเงินมาโดยตลอด โดยหากเศรษฐกิจสามารถขยายตัวอย่างเต็มที่และเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมาย ธนาคารกลางก็จะปรับนโยบายการเงิน จากปัจจุบันที่ดำเนินนโบายการเงินแบบผ่อนคลาย” นายลีกล่าว พร้อมระบุว่า “ธนาคารกลางจะให้ความสำคัญมากขึ้นต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ มากกว่าหนี้สินภาคครัวเรือนและความเคลื่อนไหวของเงินทุน” นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารเกาหลีย้ำว่า ธนาคารกลางจะจับตาข้อมูลเศรษฐกิจ ตลอดจนสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความไม่แน่นอนทางการเงินเกิดขึ้นในตลาดเกิดใหม่บางประเทศ ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ทั้งนี้ ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีกำหนดประชุมนโยบายการเงินในเดือนหน้า ส่วนการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

จีนออกแบบโดรนช่วยนักดับเพลิงเข้าช่วยคนในอาคารสูงที่ไฟไหม้

จีนออกแบบโดรนช่วยนักดับเพลิงเข้าช่วยคนในอาคารสูงที่ไฟไหม้

นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจีนออกแบบโดรนเพื่อช่วยนักดับเพลิงในการช่วยเหลือคนโดยเฉพาะในกรณีเหตุไฟไหม้อาคารสูง สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า สถาบันเทคโนโลยียานยนต์ของจีน (China Academy of Launch Vehicle Technology : CALT) ได้พัฒนาโดรนที่สามารถบินได้เร็วเพื่อเข้าไปสู่ในอาคารผ่านทางประตูและหน้าต่าง และค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในตัวอาคาร รวมถึงวางแผนเส้นทางเพื่อช่วยชีวิต เมื่อมีไฟไหม้ในอาคารสูงเกิดขึ้น บ่อยครั้งที่นักดับเพลิงจะต้องเดินขึ้นบันไดและได้รับผลกระทบข้างเคียงจากการสูดควันเข้าไปอย่างหนัก ซึ่งก็ทำให้การเดินหน้าตามแผนเข้าช่วยเหลือผู้คนที่ติดอยู่ในอาคารทำได้ยากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง Xu Jian นักออกแบบที่ CALT จึงออกแบบโดรนที่สามารถบินเข้าไปได้อย่างรวดเร็วในสถานที่ที่กำลังมีไฟไหม้อยู่ เพื่อเข้าไปสำรวจสถานการณ์ในพื้นที่นั้นก่อนที่นักดับเพลิกจะมาถึง “สำหรับตึกระฟ้าที่มีความเสี่ยงประมาณ 500 เมตร จะต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าที่นักดับเพลิงจะปีนบันไดขึ้นไปถึงชั้นบนสุด แต่ถ้าเป็นโดรนใช้เวลาแค่ 2 นาทีเท่านั้น” Xu กล่าว ทั้งนี้ โดรนสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง วาดแผนที่สมมิติ โดยแสดงสิ่งกีดขวางที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ และวางแผนการใช้เส้นทางช่วยเหลือที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง ขณะเดียวกันโดรนยังสามารถใช้กล้องจับภาพและส่งกลับมายังศูนย์ที่ตั้งอยู่บนภาคพื้นได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้นักดับเพลิงเข้าไปช่วยได้ทันท่วงที สำหรับวัสดุภายนอกของโดรนนั้นทำจากวัสดุที่ใช้ทั่วไปในการผลิตจรวด จึงมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 200 องศา Xu กล่าวว่า จีนมีความต้องการโดรนนี้สูงมาก โดยคาดว่า จะนำมาใช้ในช่วงสิ้นปีนี้

จีนลุยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าจัดการคนร้าย

จีนลุยใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าจัดการคนร้าย

ไชน่าเดลี่ รายงานว่า ในจีนกำลังตื่นตัวอย่างมากกับการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในด้านความปลอดภัย เช่น ในงานคอนเสิร์ตซึ่งจัดขึ้นที่เมืองจินหัว มณฑลเจ้อเจียง ไม่นานมานี้ ตำรวจได้ใช้เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าจับกุมผู้ร้ายที่อยู่ภายในงานได้ เทคโนโลยีนี้เป็นของ Yitu Technology สตาร์ทอัพที่ตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการมองเห็นด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยกระบวนการที่นำไปสู่การจับกุมได้ครั้งนี้ก็คือ เมื่ออาชญากรเข้าสู่คอนเสิร์ตก็จะถูกระบบตรวจรักษาความปลอดภัยของงานใช้ ระบบของ Yitu จดจำใบหน้าเอาไว้ จากนั้นก็พร้อมส่งสัญญาณไปขอความช่วยเหลือตำรวจได้ทันท่วงที โดยเทคโนโลยีนี้จดจำใบหน้า ระบุอัตลักษณ์บุคคลได้ในเวลาแค่ไม่กี่นาที จึงนำไปใช้งานได้อย่างกว้างขวางด้านการรักษาความปลอดภัย ปัจจุบัน Yitu ได้เชื่อมโยงกับหน่วยงานด้านความปลอดภัยในมณฑลต่างๆ แล้วเกือบ 30 มณฑล รองรับการรักษาความปลอดภัยระดับจังหวัดกว่า 150 พื้นที่ นอกจากนี้ยังถูกใช้เพื่อการป้องกันตามแนวชายแดนอีกด้วย ทั้งนี้ จีนมีสตาร์ทอัพที่ทำด้านเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า 4 ราย ได้แก่ 1.SenseTime 2.Yitu Technology 3. Megvii Technology และ 4.Cloudwalk Technology โดยสตาร์ทอัพด้านนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาก เช่น SenseTime ประกาศเมื่อต้นเดือนว่าเพิ่งระดมทุนในรอบซีรีส์ […]

นักเศรษฐศาสตร์มองเศรษฐกิจสิงคโปร์ปีนี้โต 3.2%

นักเศรษฐศาสตร์มองเศรษฐกิจสิงคโปร์ปีนี้โต 3.2%

สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ผลสำรวจธนาคารกลางสิงคโปร์พบนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์มองเศรษฐกิจสิงคโปร์ปีนี้โต 3.2% ธนาคารกลางสิงคโปร์ ได้สำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์เกี่ยวกับการคาดการณ์เศรษฐกิจสิงคโปร์ในปีนี้ โดยจากผลสำรวจพบว่า นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์คาดการณ์เศรษฐกิจสิงคโปร์ปีนี้จะเติบโต 3.2% ส่วนในปี 2019 คาดว่าเศรษฐกิจจะยังเติบโตได้ในระดับ 2.8% โดยผลสำรวจที่ออกมานี้ไม่เปลี่ยนแปลงจากที่เคยสำรวจไปครั้งก่อนหน้าเมื่อเดือน มี.ค. ทั้งนี้ ผู้ที่ตอบแบบสำรวจโดยเฉลี่ยคาดการณ์เศรษฐกิจสิงคโปร์ปีนี้จะเติบโตระหว่าง 3-3.4% และคาดการณ์ว่าปีหน้าจะเติบโต 2.5-2.9% นอกจากนี้ ผลสำรวจยังสะท้อนค่ากลางของดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นตัววัดอัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 0.8% ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.6% ส่วนปีหน้าคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคอยู่ที่ 1.5% และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.8% ทางด้านประเด็นที่นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์มองว่าจะเป็นปัจจัยลบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสิงคโปร์ ก็คือ มาตรการกีดกันทางการค้าที่ยังมีต่อเนื่อง โดย 84% คาดว่า ประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยลบที่มีนัยสำคัญ

2 ยักษ์ท่องเที่ยว Ctrip และ Booking ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจ

2 ยักษ์ท่องเที่ยว Ctrip และ Booking ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจ

Gillian Tans ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Booking.com เผยว่า Ctrip และ Booking จะแบ่งปันการเข้าถึงข้อมูลโรงแรมที่มีอยู่ร่วมกัน และเปิดทางให้ลูกค้าสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ทั่วโลกได้ในราคาที่หลากหลายมากขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ Ctrip เพิ่งจะไปเป็นพันธมิตรกับ OpenTable ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านการให้บริการจองโต๊ะในร้านอาหารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งก็เป็นธุรกิจหนึ่งในเครือของ Booking เช่นกัน โดยการร่วมมือนี้ทำให้ลูกค้าของ Ctrip สามารถจองโต๊ะของร้านอาหารที่อยู่ในอเมริกาเหนือใน OpenTable ได้ ปัจจุบัน Ctrip เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดแนสแด็ก มีมาร์เก็ตแคปอยู่ประมาณ 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ทางด้าน Booking มีมาร์เก็ตแคปมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งคู่ถือเป็นยักษ์ใหญ่ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว การร่วมมือกันครั้งนี้จึงถือว่ามีความน่าสนใจมากทีเดียว โดยในส่วนของ Ctrip นั้น ไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนการจองห้องพักออนไลน์เท่านั้น แต่ยังรับจองตั๋วเดินทาง แพ็กเกจทัวร์ การบริหารจัดการการท่องเที่ยวสำหรับองค์กร รวมถึงบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวในจีน สำหรับข้อมูลจาก Ctrip เปิดเผยว่า ในปี 2015 […]