CNBC รายงานว่า Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปี 2022 และทำสถิติอีกครั้งในปี 2023 โดย Damien Courvalin หัวหน้าฝ่ายวิจัยพลังงาน ของ Goldman Sachs ธนาคารเพื่อการลงทุน กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นราคาน้ำมันในระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ความต้องการน้ำมันมาอยู่ในระดับสูงสุดใหม่แล้ว ก่อนที่ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนจะมากระทบในรอบล่าสุดและยิ่งไปกว่านั้นความต้องการเดินทางทางอากาศจะฟื้นตัวต่อเนื่อง Courvalin กล่าวว่า เราผ่านช่วงที่ความต้องการทำสถิติสูงสุดไปแล้ว ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และยังมีความต้องการที่สูงขึ้นของการบิน รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องด้วย ซึ่งเราจะได้เห็นความต้องการทำสถิติสูงสุดใหม่อีกในปี 2022 และอีกครั้งในปี 2023 ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปอยู่เหนือ 80 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากความต้องการใช้หลังผ่านการแพร่ระบาดมามีมากกว่าปริมาณผลิต ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติที่พุ่งขึ้นทำให้เกิดวิกฤติทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป แม้ตัวแปรไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะกระทบกับอารมณ์ของตลาด แต่สุดท้ายราคาก็กลับมายืนเหนือ 70 ดอลลาร์สหรัฐ ในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา “เรากำลังรอให้การติดเชื้อระลอกใหม่นี้ผ่านไป แต่ก็มองว่าการเดินทางระหว่างประเทศจะฟื้นตัวในปีหน้า ซึ่งทำให้เราคาดการณ์ว่า […]

The Straits Times รายงานว่า Pat Gelsinger ประธานบริหาร Intel ระบุว่า Intel จะลงทุน 30,000 ล้านริงกิต หรือ 9,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างโรงงานบรรจุและทดสอบชิปแห่งใหม่ในมาเลเซีย เพื่อขยายการผลิตในประเทศนี้รับมือกับปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกขาดแคลน โดยโรงงานบรรจุชิปขั้นสูงในมาเลเซีย คาดการณ์ว่า จะเริ่มผลิตได้ในปี 2024 รัฐบาลมาเลเซีย เผยว่า เงินลงทุน 30,000 ล้านริงกิตที่มาลงทุนนี้ คาดการณ์ว่าจะช่วยให้เกิดการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 4,000 ตำแหน่ง ใน Intel และอีกมากกว่า 5,000 ตำแหน่ง สำหรับงานก่อสร้างในประเทศ Mohamed Azmin Ali รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของมาเลเซีย กล่าวว่า การดำเนินการนี้เป็นไปอย่างทันท่วงทีเพื่อรับมือความต้องการในตลาดโลกที่พุ่งขึ้น ขับเคลื่อนด้วยปัญหาชิปขาดแคลนและการฟื้นตัวจากโรคระบาดทั่วโลก การขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก เป็นสาเหตุหลักมาจากความต้องการของกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต้องลดการผลิตและบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรวมถึง Apple ต้องเลื่อนการส่งมอบสมาร์ทโฟนออกไป สำหรับอุตสาหกรรมชิปของมาเลเซีย […]

CNBC รายงานว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ แม้โดยปกติช่วงนี้ถือว่าเข้าสู่ช่วงฤดูกาลที่ชะลอตัวสำหรับที่อยู่อาศัยแล้ว ทำให้ผู้สร้างบ้านรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น ดัชนี Wells Fargo Housing Market Index หรือ HMI ซึ่งเป็นดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยที่สมาคมผู้สร้างที่อยู่อาศัยแห่งชาติจัดทำขึ้น ระบุว่า ความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านในตลาดบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว เพิ่มขึ้นมา 1 จุด มาอยู่ที่ระดับ 84 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 โดยดัชนีปรับไปสู่ระดับสูงสุดในเดือน ก.พ. 2021 ขณะที่ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 หมายความว่า ความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในเชิงบวก การเพิ่มขึ้นของความเชื่อมั่นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ การหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทาน และปัญหาแรงงานขาดแคลนที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาของแผ่นผนัง เหล็ก อลูมิเนียม และพลาสติกสำหรับก่อสร้างเพิ่มขึ้นรวดเร็วในเดือน พ.ย. ตามข้อมูลดัชนีราคาผู้ผลิต Chuck Fowke ประธาน NAHB ผู้สร้างบ้านในแทมปา รัฐฟลอริดา กล่าวว่า ท่ามกลางความต้องการที่อยู่อาศัยที่แข็งแกร่ง การหาคนทำงาน […]

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Toyota Motor Corp ออกมาให้คำมั่นว่า จะใช้เงินลงทุน 8 ล้านล้านเยน หรือ 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในด้านรถยนต์ไฟฟ้า ภายในปี 2030 โดยครึ่งหนึ่งของเงินลงทุนจำนวนนี้จะใช้เพื่อพัฒนาสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ เพื่อคว้าโอกาสในตลาดรถยนต์ปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ที่กำลังเติบโต ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกรายนี้ เป็นผู้ที่มาช้าในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ระบุว่า บริษัทคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่อยู่ที่ 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2030 หรือ 1 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในปัจจุบัน ซึ่งการคาดการณ์นี้ถือว่าต่ำกว่าเมื่อเทียบคู่แข่งรายใหญ่ในยุโรป เช่น Volkswagen ผู้ผลิตรถนต์อันดับ 1 ในยุโรป ที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค. ว่า ครึ่งหนึ่งของยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของบริษัทจะเป็นรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ในช่วงเดียวกัน ทั้งนี้ การประกาศของ Toyota เกิดขึ้นท่ามกลางช่วงที่บริษัทรถยนต์ดั้งเดิมเข้าไปซื้อหุ้น Tesla Inc มากขึ้น จนทำให้บริษัทนี้กลาเยป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในปีนี้ […]

CNBC รายงานว่า ปัญหาขาดแคลนชิปทั่วโลกมีต่อเนื่องตลอดทั้งปีนี้ และยังคงจะยังไม่ไปไหน ซึ่งช่วงคริสมาสต์นี้ ของขวัญบางชิ้นอาจจะมีปัญหาการส่งมอบล่าช้าได้หรืออาจจะมีราคาแพงขึ้นจากปัญหานี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่า ชอปปิงสินค้าสำหรับคริสมาสต์ช้าแค่ไหน เซมิคอนดักเตอร์อยู่ในสินค้าจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่รถยนต์ จักรยานอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องซักผ้า ไปจนถึงแปรงสีฟัน ซึ่งชิปหลายๆ ชิ้น ขาดแคลนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิดนำมาสู่ปัญหาคอขวดในห่วงโซ่อุปทานและความต้องการที่สูงขึ้น Alan Priestley นักวิเคราะห์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ บริษัทวิจัย Gartner กล่าวว่า ปัญหาขาดแคลนชิปอาจมีผลกระทบบ้างกับช่วงคริสมาสต์ โดยเราอาจจะพบว่าของบางอย่างที่เคยมีพร้อมขายในอดีตอาจจะไม่พร้อมขายในตอนนี้ ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พึงพอใจในการชอปปิงได้ เพราะผู้บริโภคต่างก็นิยมใช้ Amazon Prime ที่กดปุ่มแล้วสินค้าก็จะมาถึงภายใน 24 ชั่วโมง แต่กับปัญหานี้อาจทำให้ต้องรอสินค้านาน 2-3 สัปดาห์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายชิ้นในวันนี้ ประกอบด้วยชิปจำนวนมาก ปัญหาที่พบก็คือ สิ่งที่สร้างโดยต้องใช้ชิป ไม่ได้ต้องการใช้ชิปแค่ชิ้นเดียว เช่น สมาร์ทโฟนใหม่ต้องใช้ชิปควบคุมพลังงานจำนวนมาก และชิปเหล่านี้ก็กำลังขาดแคลนอยู่ ทั้งนี้ TSMC รวมถึง Samsung และ Intel ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ไม่ได้มุ่งเน้นการผลิตชิปแบบเก่า […]

McKinsey จัดทำผลสำรวจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ในอนาคต พบว่า 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขาเต็มใจที่จะใช้ยานพาหนะเคลื่อนที่ขนาดย่อม หรือ ไมโครโมบิลิตี้ ในการเดินทาง โดยในจำนวนนี้ก็หมายถึงจักรยาน หรือจักรยานยนต์แบบเบา ซึ่งอาจเป็นแบบดั้งเดิมหรือไฟฟ้าก็ได้ ผลสำรวจชี้ว่า จำนวนคนทำงานที่เพิ่มขึ้นอาจจะมุ่งไปสู่การใช้การขนส่งขนาดเล็กหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ท่ามกลางการยกเลิกข้อจำกัดต่างๆ สำหรับรับมือการแพร่ระบาด และการกลับมาเปิดสำนักงานอีกครั้ง โดยพวกเขาเชื่อว่าการใช้ยไมโครโมบิลิตี้จะมีความแข็งแกร่งอีกครั้ง เมื่อการระบาดของโควิด-19 ลดลง และผู้คนเริ่มกลับมาเดินทางมากขึ้น อย่างไรก็ดีการใช้ไมโครโมบิลิตี้ยังไม่ได้สม่ำเสมอกัน เพราะปัจจัยเฉพาะของแต่ละที่ตั้ง โดยความเต็มใจใช้ยานพาหนะขนาดเล็กจะสูงมากในประเทศที่มีวัฒนธรรมการใช้ไมโครโมบิลิตี้มายาวนาน เช่น อิตาลี 81% จีน 86% อีกด้านพบว่ามีเพียง 60% ของคนในสหรัฐฯ ที่ตอบว่าพวกเขาจะพิจารณาใช้ไมโครโมบิลิตี้ เพราะการเดินทางแบบดั้งเดิมของพวกเขาเป็นรูปแบบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล การขนส่งสาธารณะ มีคนใช้จักรยานยนต์แบบเบาหรือสกู๊ตเตอร์เดินทางค่อนข้างน้อย โดยรวมผู้ตอบแบบสำรวจยังต้องการใช้จักรยาน เพราะมีช่วงตัวที่ยาวและมีพื้นที่เก็บของดีกว่าเมื่อเทียบสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า และมีราคาต่ำกว่าจักรยานยนต์แบบเบา แต่มีข้อยกเว้นเฉพาะ เช่น จีนที่นิยมใช้จักรยานยนต์แบบเบา เพราะทางการไม่ได้กำหนดว่าคนขับจะต้องมีใบอนุญาตหรือทำประกันคุ้มครองยานพาหนะที่มีความเร็วสูงสุด 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่อังกฤษและจีนไม่เต็มใจใช้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่สุด เป็นไปได้ว่าเพราะประเทศเหล่านี้ห้ามใช้ยานพาหนะประเภทนี้เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัย หรือเพิ่งอนุมัติเร็วๆ นี้ ตรงข้ามกับผู้บริโภคในสหรัฐฯ […]