IMF ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแรงในไตรมาส 4 – ชัตดาวน์ทำประเมินแนวโน้มยากขึ้น

IMF ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแรงในไตรมาส 4 – ชัตดาวน์ทำประเมินแนวโน้มยากขึ้น

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณความตึงเครียด โดยคาดว่าการเติบโตในไตรมาส 4 ปีนี้ จะชะลอลงจากคาดการณ์เดิม ขณะที่การประเมินภาพรวมเศรษฐกิจทำได้ยากขึ้น เพราะขาดข้อมูลสำคัญในช่วงที่มีการชัตดาวน์ยาวนานถึง 43 วัน จูลี โคแซค (Julie Kozack) โฆษก IMF กล่าวว่า IMF จำเป็นต้องเลื่อนการประเมินภาวะเศรษฐกิจประจำปี 2025 (Article IV Consultation 2025) กับสหรัฐฯ ออกไป เพราะการชัตดาวน์ส่งผลให้ไม่สามารถเตรียมข้อมูลได้ตามแผน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการใหม่ พร้อมระบุว่า แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแสดงความแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ เริ่มเห็นแรงกดดันชัดเจนขึ้น โดยอุปสงค์ภายในประเทศกำลังชะลอตัวและการจ้างงานเติบโตช้าลง ขณะที่ การไหลเข้าของผู้อพยพลดลง มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และความไม่แน่นอนด้านนโยบายที่เพิ่มขึ้น ล้วนส่งผลกดดันต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ IMF คาดว่า การชัตดาวน์ครั้งประวัติศาสตร์จะฉุดการเติบโตในไตรมาส 4 ให้ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่ 1.9% ซึ่งเผยแพร่ในเดือนต.ค. แต่คาดว่า […]

น้ำมันโลกร่วงกว่า 4% หลัง OPEC ปรับคาดการณ์อุปทาน อาจล้นตลาดเล็กน้อยในปีหน้า

น้ำมันโลกร่วงกว่า 4% หลัง OPEC ปรับคาดการณ์อุปทาน อาจล้นตลาดเล็กน้อยในปีหน้า

ราคาน้ำมันลดลงมากกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันพุธ (12 พ.ย.) โดยถูกกดดันหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) เผยรายงานว่า อุปทานน้ำมันโลกในปีหน้าอาจล้นตลาดเล็กน้อย ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าอุปทานน้ำมันจะตึงตัว สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ปิดที่ 58.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.55 ดอลลาร์ หรือ 4.18% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ (Brent) ส่งมอบเดือนม.ค. ปิดที่ 62.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.76% กลุ่ม OPEC เผยรายงานว่า ตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญกับอุปทานส่วนเกินเล็กน้อยในปี 2026 หลังจากที่กลุ่ม OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงปริมาณการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายอื่น โดยก่อนหน้านี้ ทางกลุ่มประเมินว่า อุปทานน้ำมันจะตึงตัวในปีหน้า รายงานล่าสุดของ OPEC ระบุว่า กลุ่ม OPEC+ ผลิตน้ำมันอยู่ที่ […]

ออเดอร์วันคนโสด JD.com พุ่ง 60% YoY ทำสถิติสูงสุด สวนทางเงินฝืดจีน

ออเดอร์วันคนโสด JD.com พุ่ง 60% YoY ทำสถิติสูงสุด สวนทางเงินฝืดจีน

JD.com หนึ่งในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า ยอดคำสั่งซื้อในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ “วันคนโสด” (Singles’ Day) ปีนี้ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับความกังวลว่า ภาวะเงินฝืดที่ยังคงยืดเยื้ออาจฉุดรั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภคในชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก บริษัทระบุว่า จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 60% จากปีก่อน ขณะที่ จำนวนผู้ซื้อเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่เพิ่มขึ้นราว 20% อย่างไรก็ตาม JD.com ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าสินค้ารวม (GMV) แต่อย่างใด บรรดานักลงทุนทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจข้อมูลยอดขายช่วงวันคนโสดเป็นพิเศษ เนื่องจากเทศกาลนี้มีขนาดใหญ่กว่า ทั้ง “Cyber Monday” และ “Black Friday” ของสหรัฐฯ และมักสะท้อนแนวโน้มการบริโภคภายในประเทศจีน ขณะที่ คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Alibaba Group Holding ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเลขยอดขายของปีนี้ เช่นเดียวกับปีก่อนที่ทั้ง 2 บริษัทไม่ได้รายงานมูลค่าการซื้อขายรวม นีโอ หวัง (Neo […]

เวียดนามแซงไทย ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งจีนแห่เที่ยว – คาดนทท.ต่างชาติทะลุ 22 ล้านคนปีนี้

เวียดนามแซงไทย ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งจีนแห่เที่ยว – คาดนทท.ต่างชาติทะลุ 22 ล้านคนปีนี้

เวียดนามแซงหน้าประเทศไทย ขึ้นแท่นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน โดยมีแนวโน้มต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 22 ล้านคนในปีนี้ ซึ่งถือว่าสูงกว่าสถิติสูงสุดก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างมาก รัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ถึง 25 ล้านคนในปี 2025 ขณะที่ บริษัทวิจัย BMI ภายใต้เครือ Fitch Solutions ประเมินว่า ตัวเลขปีนี้จะอยู่ที่ราว 22 ล้านคน และคาดว่า ปีหน้า (2026) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะทำลายสถิติเดิมที่ 18 ล้านคนในปี 2019 ซึ่งจะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวของเวียดนามฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์ จากผลกระทบของโควิด-19 โดยหนึ่งในเหตุผลสำคัญ คือ เสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคง ภายใต้การปกครองพรรคเดียว ซึ่งแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยและกัมพูชา ที่ยังมีข้อพิพาทชายแดนยืดเยื้อ รวมถึงอินโดนีเซีย ที่ยังได้รับผลกระทบจากการประท้วงเมื่อ 2 เดือนก่อน นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนาม ยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ด้วยการขยายระยะเวลาพำนักปลอดวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจาก 12 ประเทศ โดยนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเพื่อลิ้มลองอาหารท้องถิ่น ศึกษาประวัติศาสตร์สงคราม ชมเกาะสีมรกต […]

สหรัฐฯ จ่อพ้นวิกฤต วุฒิสภามีมติ 60-40 เปิดทางร่างงบฯ ชั่วคราว หลังชัตดาวน์ยืดเยื้อ 40 วัน

สหรัฐฯ จ่อพ้นวิกฤต วุฒิสภามีมติ 60-40 เปิดทางร่างงบฯ ชั่วคราว หลังชัตดาวน์ยืดเยื้อ 40 วัน

วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติ 60-40 เสียงในการลงคะแนนเบื้องต้น ซึ่งจะเปิดทางไปสู่การผลักดันร่างกฎงบประมาณชั่วคราว เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ ซึ่งจะนำไปสู่การยุติการชัตดาวน์ที่ยืดเยื้อมานานถึง 40 วัน ในการลงคะแนนเสียงตามขั้นตอน สมาชิกวุฒิสภาได้ผลักดันร่างกฎหมาย ซึ่งจะมีการแก้ไข เพื่อจัดสรรเงินทุนชั่วคราวแก่รัฐบาลไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค. และจะมีการรวมร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณเต็มปีจำนวนสามฉบับไว้ด้วยกัน หากวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายนี้ ข้อเสนอดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรอีกรอบ ก่อนส่งให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนาม ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาหลายวัน ภายใต้ข้อตกลงกับสมาชิกพรรคเดโมแครตสายกลางจำนวน 8 คน ซึ่งเห็นต่างไปจากแกนนำพรรค ฝั่งรีพับลิกันได้ตกลงจะนำร่างงบประมาณเพื่อต่ออายุกฎหมาย Affordable Care Act หรือโครงการโอบามาแคร์ ซึ่งไม่ได้รวมในการโหวตครั้งนี้ เข้าสู่การลงมติภายในกลางเดือนธ.ค. โดยกฎหมายดังกล่าวกำลังจะหมดอายุสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ฝั่งเดโมแครตพยายามต่อรองมาโดยตลอด การลงมติในครั้งนี้ถือเป็นการยุติการอภิปรายคัดค้านในสภาของฝั่งเดโมแครต ซึ่งเป็นการอภิปรายของเสียงข้างน้อย เพื่อถ่วงเวลาการออกกฎหมายที่ฝั่งตนเองไม่เห็นด้วย ที่เรียกว่า “Filibuster” แหล่งข่าว ระบุว่า ชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาฝั่งเดโมแครต ลงมติคัดค้านในการโหวต ก่อนที่ข้อตกลงจะได้รับการไกล่เกลี่ยจากสว.พรรคเดโมแครตจากรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สองคน คือ แม็กกี้ […]

บริษัทสหรัฐฯ ปลดพนักงานกว่า 1.53 แสนตำแหน่งในต.ค. มากสุดในรอบกว่า 20 ปี เหตุใช้ AI แทนคน – ลดภาระต้นทุน

บริษัทสหรัฐฯ ปลดพนักงานกว่า 1.53 แสนตำแหน่งในต.ค. มากสุดในรอบกว่า 20 ปี เหตุใช้ AI แทนคน – ลดภาระต้นทุน

ข้อมูลจาก Challenger, Gray & Christmas Inc บริษัทจัดหางานและให้คำปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างองค์กร ระบุว่า บริษัทในสหรัฐฯ ประกาศแผนปลดพนักงานรวม 153,074 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากภาคเทคโนโลยีและคลังสินค้า ซึ่งกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงาน รวมถึงความพยายามลดต้นทุนและชะลอการจ้างงานใหม่ของหลายบริษัท ตัวเลขดังกล่าว เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นจำนวนการปลดพนักงานในเดือนต.ค. ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งในขณะนั้น การถือกำเนิดของโทรศัพท์มือถือ ก็ส่งผลกระทบต่อแรงงานในหลายภาคส่วนเช่นกัน โดยแอนดี แชลเลนเจอร์ (Andy Challenger) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้ของบริษัท ระบุว่า “บางอุตสาหกรรมกำลังปรับตัว หลังการจ้างงานเกินตัวในช่วงโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกัน การนำ AI มาใช้ การใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคธุรกิจที่ชะลอตัว และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ต่างผลักดันให้เกิดการรัดเข็มขัดและการหยุดจ้างงานใหม่” พร้อมเสริมว่า “ผู้ที่ถูกปลดในตอนนี้กำลังหางานใหม่ได้ยากขึ้น ซึ่งอาจยิ่งทำให้ตลาดแรงงานอ่อนแรงลง” เมื่อพิจารณาตลอดปี พบว่า ตัวเลขการปลดพนักงานสะสม ทะลุ […]

ผู้นำญี่ปุ่น เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.5 หมื่นล้านดอลล์ ช่วยค่าครองชีพ-ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง-เพิ่มงบกลาโหม

ผู้นำญี่ปุ่น เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.5 หมื่นล้านดอลล์ ช่วยค่าครองชีพ-ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง-เพิ่มงบกลาโหม

นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มูลค่ากว่า 10 ล้านล้านเยน (64,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อและผลักดันการออกงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในโครงการดังกล่าว นางทาคาอิจิ ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวง จัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยให้ยึด 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ การดูแลความมั่นคงในการดำรงชีวิตและแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น การสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ผ่านการลงทุนเชิงป้องกันความเสี่ยงและการเติบโต รวมไปถึงการเสริมศักยภาพด้านการป้องกันประเทศและการทูต อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังไม่มีแผนจำกัดกรอบงบประมาณของแต่ละกระทรวง ซึ่งบางฝ่ายเห็นว่า ควรใช้งบเสริมมากกว่า 13.9 ล้านล้านเยนที่เคยอนุมัติในปีงบประมาณ 2024 ในด้านการช่วยเหลือค่าครองชีพ มาตรการนี้จะครอบคลุมเงินอุดหนุน ก่อนยกเลิกภาษีน้ำมันชั่วคราวของประเทศ การช่วยเหลือค่าไฟและค่าน้ำมันก๊าซสำหรับครัวเรือน รวมถึงเงินสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ใช้ปรับขึ้นค่าจ้างแรงงาน นอกจากนี้ ยังจะขยายกองทุนสนับสนุนท้องถิ่นแบบยืดหยุ่น เพื่อให้รัฐบาลท้องถิ่นมีอิสระมากขึ้นในการใช้เงินช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกัน นางทาคาอิจิยังผลักดันให้จัดสรรงบช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ที่ประสบปัญหาทางการเงิน โดยไม่ต้องรอการปรับขึ้นค่าบริการทางการแพทย์ ที่จะมีผลในปีงบประมาณ 2026 ขณะที่ ในด้านการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รัฐบาลจะมุ่งลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น […]

ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ จ่อทำสถิติยาวนานสุดในประวัติศาสตร์ หลังวุฒิสภาตีตกร่างงบประมาณเป็นครั้งที่ 14

ชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ จ่อทำสถิติยาวนานสุดในประวัติศาสตร์ หลังวุฒิสภาตีตกร่างงบประมาณเป็นครั้งที่ 14

วิกฤตชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ย่างเข้าสู่วันที่ 36 ในวันนี้ (5 พ.ย.) และกำลังกลายเป็นครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ทำลายสถิติเดิมที่เกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2019 ความพยายามล่าสุดในการโหวตร่างงบประมาณต้องประสบความล้มเหลวอีกครั้ง หลังวุฒิสภาปฏิเสธร่างกฎหมายของพรรครีพับลิกันเป็นครั้งที่ 14 ติดต่อกัน อีกทั้งยังไม่มีการกำหนดการลงมติใหม่ ทั้งต่อร่างกฎหมายชั่วคราวของพรรครีพับลิกัน หรือร่างของพรรคเดโมแครต ที่มีข้อเสนอเพิ่มงบประมาณด้านสาธารณสุขและโครงการด้านสังคมอื่นๆ โดยการชัตดาวน์ทั้ง 2 ครั้งที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ล้วนเกิดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนสาเหตุข้อพิพาทครั้งนี้เกิดจากความเห็นต่างเรื่องเครดิตภาษีสนับสนุนเบี้ยประกันสุขภาพ ภายใต้โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Affordable Care Act) ซึ่งกำลังจะหมดอายุภายในสิ้นปี โดยหากไม่ได้รับการต่ออายุ จะทำให้ต้นทุนประกันสุขภาพของชาวอเมริกันหลายล้านคนพุ่งสูงขึ้น พรรคเดโมแครตยืนยันว่า จะไม่สนับสนุนร่างกฎหมายที่ไม่มีการต่ออายุเครดิตภาษีดังกล่าว ขณะที่ พรรครีพับลิกันปฏิเสธที่จะเจรจาในระหว่างที่รัฐบาลยังปิดทำการอยู่ แม้พรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา แต่ยังจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนจากเดโมแครตเพื่อผ่านเกณฑ์ 60 เสียง โดยสมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายเริ่มแสดงความหวังว่า ภาวะชัตดาวน์อาจสิ้นสุดในสัปดาห์นี้ โดยไมค์ ราวน์ดส์ (Mike Rounds) วุฒิสมาชิกจากรัฐเซาท์ดาโคตา เชื่อว่าพรรคเดโมแครตจะเปิดรับการเจรจามากขึ้น หลังจากทำลายสถิติชัตดาวน์ที่ยาวนานที่สุด และหลังการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นเสร็จสิ้น ขณะที่ […]

จีนไฟเขียวขยายฟรีวีซ่า 45 ประเทศ ถึงสิ้นปี 2026 – เร่งดึงนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ

จีนไฟเขียวขยายฟรีวีซ่า 45 ประเทศ ถึงสิ้นปี 2026 – เร่งดึงนักท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ

รัฐบาลจีนประกาศจะขยายเวลานโยบายยกเว้นวีซ่าสำหรับพลเมืองและนักท่องเที่ยว จาก 45 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึง ฝรั่งเศส เยอรมนี และสเปน ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2026 พร้อมทั้งเพิ่มสวีเดนเข้าร่วมในโครงการ โดยมาตรการใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย. 2025 เป็นต้นไป กระทรวงการต่างประเทศจีน ออกแถลงการณ์ว่า การขยายเวลาครั้งนี้ จะครอบคลุมประเทศในยุโรปจำนวน 32 ประเทศ รวมถึง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศในอเมริกาใต้และชาติในอ่าวอาหรับ อย่างไรก็ตาม พลเมืองจากสหรัฐฯ แคนาดา และสหราชอาณาจักร จะยังคงไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศ ที่ได้รับสิทธิเข้าจีนโดยไม่ต้องขอวีซ่า เดิมที นโยบายดังกล่าวมีกำหนดสิ้นสุดภายในปี 2025 แต่รัฐบาลจีนได้ตัดสินใจขยายเวลาออกไป เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระตุ้นการมีส่วนร่วมกับนานาชาติ ซึ่งตามนโยบายนี้ พลเมืองจากประเทศที่อยู่ในโครงการ สามารถเดินทางเข้าจีนเพื่อติดต่อธุรกิจ ท่องเที่ยว เยี่ยมครอบครัว หรือเดินทางต่อ (transit) […]

‘สี จิ้นผิง’ เรียกร้องชาติเอเชียรักษาเสถียรภาพซัพพลายเชน หลังบรรลุข้อตกลงลดภาษีกับสหรัฐฯ

‘สี จิ้นผิง’ เรียกร้องชาติเอเชียรักษาเสถียรภาพซัพพลายเชน หลังบรรลุข้อตกลงลดภาษีกับสหรัฐฯ

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีน เรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ร่วมมือกันเพื่อรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและสนับสนุนการค้าเสรี โดยระบุว่า “ยิ่งโลกเผชิญความปั่นป่วนมากเท่าใด เรายิ่งต้องร่วมมือกันให้มากขึ้นเท่านั้น” คำกล่าวของผู้นำจีน มีขึ้นระหว่างการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่จัดขึ้นในเกาหลีใต้ และเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากจีนบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในการลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณบรรเทาความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ประเทศ หลังจากใช้มาตรการตอบโต้กันมายาวนานหลายปี โดยสหรัฐฯ ตกลงลดอัตราภาษีสินค้าจีนลง 10% ขณะที่ จีนยอมผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ (Rare Earths) ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวในที่ประชุมว่า โลกกำลังเผชิญ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ” พร้อมย้ำว่า จีนยังคงเป็น “แหล่งของโอกาสใหม่ๆ ให้กับโลก” แม้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เพิ่มขึ้นก็ตาม พร้อมกันนี้ ยังเสนอแนวทางความร่วมมือ 5 ประการในการประชุม APEC ซึ่งประกอบด้วย 1. การปกป้องระบบการค้าพหุภาคี 2. การสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง 3. การรักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทาน 4.การส่งเสริมการค้าที่ยั่งยืนคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล […]