บลูมเบิร์ก รายงานว่า นาย Soren Skou ซีอีโอของบริษัท AP Moller-Maersk A/S ซึ่งเป็นบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกมาให้ความเห็นว่า เศรษฐกิจของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกหลายเท่า จากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น นาย Skou บอกว่า ผลกระทบจากกระแสกีดกันการค้าในตอนนี้จะไปปรากฎรุนแรงที่สุดในสหรัฐ โดยอัตราภาษีที่สูงขึ้นจะทำให้การค้าโลกชะลอตัวลงไป 0.1-0.3% เขาบอกว่า แต่ผลกระทบต่อสหรัฐจะทำให้การค้าของสหรัฐชะลอตัวลง 3-4%เลยทีเดียว และนั่นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ Skou ให้สัมภาษณ์จากสำนักงานใหญ่ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก Maersk มีสัดส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 20%ของธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลทั่วโลก เขาบอกว่า สิ่งแรกที่ผู้นำเข้าสหรัฐจะต้องทำเมื่ออัตราภาษีของสินค้านำเข้าอุปโภคบริโภคจากจีนสูงขึ้น คือจะหันไปนำเข้าจากเวียดนาม อินโดนีเซีย หรือจากประเทศอื่นๆในเอเชียแทน แบรนด์สินค้าชื่อดังของอเมริกันเช่นไนกี้มีฐานการผลิตในประเทศต่างๆในเอเชีย ไม่ได้จำกัดในประเทศใดประเทศหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ผลกระทบของการทดแทน รัฐบาลทรัมป์ ประกาศว่า ได้เก็บ หรือจะเก็บอัตราภาษีทำเข้าจากจีนในปริมาณ $50,000ล้าน ในเดือน ก.ค. และ ส.ค. นี้ และอาจจะไปไกลถึงเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากจีนที่เข้าตลาดสหรัฐทั้งหมด $500,000 ล้านต่อปี […]

นายฟิลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจแห่งรัฐสภาออสเตรเลียในวันนี้ว่า ธนาคารกลางจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ต่อไปอีกระยะ เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย ขณะที่ตลาดแรงงานยังขยายตัวอย่างไม่เต็มที่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาพอประมาณ “ธนาคารกลางจะคงนโยบายการเงินในระดับปัจจุบันเอาไว้ จนกว่าสัญญาณเหล่านั้นจะมีความชัดเจนมากขึ้น” นายโลว์กล่าว นอกจากนี้ นายโลว์กล่าวว่า ธนาคารกลางออสเตรเลียจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปในการกระตุ้นทั้งการจ้างงานและเงินเฟ้อในช่วง 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นลำดับต่อไป ทั้งนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 1.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นเวลา 2 ปีแล้วที่ออสเตรเลียได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ หลังจากที่อัตราการขยายตัวของค่าแรงชะลอตัว และเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ

กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม เร่งผลักดันโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศเข้าสู่โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว ชี้กว่า 8 ปี มีโรงงานผ่านการรับรองดังกล่าวแล้ว 33,757 โรงงาน เฉลี่ยแต่ละปีมีการเพิ่มขึ้นมากกว่าปีละ 20% นอกจากนี้ ยังได้เผยถึงแนวทางปฏิบัติที่ขณะนี้จะต้องเร่งผลักดันโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้ก้าวสู่การพัฒนาเป็นโรงงานอุตสาหกรรมสีเขียวให้มากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสุด การกำจัดของเสียและมลพิษ ฯลฯ รวมถึงยังได้เตรียมนำ ระบบสารสนเทศสีเขียว ซึ่งเป็นระบบสารสนเทศรูปแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวโดยเฉพาะ มาใช้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความรวดเร็วที่ดียิ่งขึ้น น.ส.นิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ริเริ่มโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวหรือ Green Industry มาตั้งแต่ปี 2011 โดยมุ่งยกระดับและส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เป็นไปในแนวทางอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industry) และอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) เน้นการพัฒนาพื้นที่เมืองตามศักยภาพด้านทรัพยากรและโครงสร้างด้านกายภาพ เพิ่มผลผลิต สามารถแข่งขันได้ในเชิงธุรกิจการค้า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีความปลอดภัยด้านอาชีวอนามัยและความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กัน ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นการพัฒนาที่สร้างความสมดุลทั้งทางด้านเศรษฐกิจสิ่งแวดล้อมและสังคมทำให้อุตสาหกรรมอยู่ร่วมกับชุมชนได้อย่างเป็นสุขและยั่งยืน สำหรับ โครงการอุตสาหกรรมสีเขียวมีทิศทางการพัฒนาไปในทางที่ดี เห็นได้จากสถิติการเข้าร่วมโครงการอุตสาหกรรมสีเขียว ตั้งแต่ปี 2011 จนถึงปีปัจจุบันที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง […]

ไชน่าเดลี รายงานว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจในลอนดอนได้ใช้เครื่องสแกนลายนิ้วมือเคลื่อนที่เพื่อยืนยันตัวตนผู้ต้องสงสัยภายใน 60 วินาที ทั้งนี้ ตำรวจนครบาลเป็นตำรวจอังกฤษกลุ่มแรกที่พัฒนาเครื่องสแกนลายนิ้วมือเคลื่อนที่ขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อประหยัดเวลาของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งประหยัดงบประมาณของรัฐด้วย สำหรับการใช้อุปกรณ์นั้น จะลดเวลาที่จะใช้กับการจัดการผู้กระทำความผิดและอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถยืนอยู่บนถนนได้นานขึ้น จากปกติที่เจ้าหน้าที่ต้องจับกุมและพาผู้ต้องหามาที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบยืนยันตัวตน โดยเครื่องสแกนเคลื่อนที่นี้จะถูกส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ 600 คนทั่วเมืองอังกฤษ ใน 6 เดือนข้างหน้า การตัดสินใจใช้อุปกรณ์ใหม่นี้สอดคล้องกับคำแถลงของโฆษกนายกรัฐมนตรี เทเรซ่า เมย์ ซึ่งกล่าวว่า ประเด็นการก่อการร้ายในสหราชอาณาจักรยังคงรุนแรง อุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อยืนยันอัตลักษณ์บุคคลนี้มีชื่อว่า INK ไบโอเมทริกซ์ โดยจะสแกนลายนิ้วมือและจะยืนยันตัวตนของคนนั้นใน 60 วินาที หากเป็นบุคคลที่อยู่ในฐานข้อมูลที่ตำรวจมีอยู่ ซึ่งการดำเนินการนี้ทำให้ตำรวจไม่ต้องเหนื่อยเดินทางกลับไปยังสำนักงานก่อน นาย Cressida Dick ผู้บัญชาการตำรวจ กล่าวว่า ความเร็วของการวิเคราะห์ข้อมูลที่อุปกรณ์นี้นำเสนอจะทำให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น ช่วยให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลาในพื้นที่ต่อสู้กับอาชญากรรมได้มากขึ้น

สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าธนาคารกลางจีนประกาศยอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนประจำเดือนก.ค.อยู่ที่ระดับ 1.45 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.11 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 6.278 แสนล้านหยวน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดียอดปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนเดือน ก.ค. ชะลอตัวลงจากระดับ 1.84 ล้านล้านหยวนในเดือนมิ.ย. แต่ก็ยังใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยรายเดือนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.5 ล้านล้านหยวน ยอดปล่อยกู้ให้กับภาคครัวเรือน ซึ่งมักนำไปใช้เพื่อการซื้อที่บ้านนั้น อยู่ที่ระดับ 6.344 แสนล้านหยวน ขณะที่ยอดปล่อยกู้เพื่อบริษัทนอกภาคการเงิน องค์กรรัฐ และองค์กรต่างๆ อยู่ที่ 6.501 แสนล้านหยวน

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ธนาคารโลกและคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (CBA) เตรียมออกตราสารหนี้บนบล็อกเชนรายแรกของโลก สำหรับตราสารหนี้นี้จะเป็นตราสารหนี้ต่างประเทศที่ออกในออสเตรเลียด้วยเงินสกุลท้องถิ่น มีชื่อว่า bond-I ซึ่งเป็นคำที่ย่อมาจาก Blockchain Offered New Debt Instrument หรือการออกตราสารหนี้ผ่านบล็อกเชน ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการออกตราสารหนี้แบบนี้ ขั้นตอนการสร้าง จัดสรร โอน และบริหารจัดการทุกอย่างจะทำบนเทคโนโลยีบล็อคเชน ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกใช้เพื่อสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลเช่น บิทคอยน์ เป็นเทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายที่บันทึกในห่วงโซ่เครือข่าย ซึ่งจะช่วยให้การบันทึกทุกธุรกรรมมีความปลอดภัย ขณะที่การออกตราสารหนี้นี้จะทำบนแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ดำเนินการโดยธนาคารโลกและ CBA      

สถาบันวิจัย Affin Hwang Capital คาดการณ์ว่า มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก จะมีกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ กระทบราคาน้ำมันปาล์มดิบให้ปรับตัวลง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มในปีนี้จะปรับตัวขึ้น 1-2% เทียบรายปี จากระดับ 19.92 ล้านเมตริกตันในปี 2017 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4-5% ในช่วงครึ่งปีแรก กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียปรับตัวขึ้น 2.3% เทียบรายปี แตะที่ 8.92 เมตริกตัน ขณะที่ยอดส่งออกน้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้น 5.1% เทียบรายปี แตะที่ 8.23 ล้านเมตริกตัน นอกเหนือจากยอดส่งออกไปยังอินเดีย สหภาพยุโรป จีน ปากีสถาน และตุรกีที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยอดส่งออกของมาเลเซียยังได้รับแรงหนุนจากการระงับภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มจากรัฐบาลมาเลเซียในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งช่วยหนุนอุปสงค์ให้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้สถาบันวิจัยยังปรับลดประมาณการณ์ราคาน้ำมันปาล์มในช่วงปี 2018-2020 ลงสู่ระดับ 2,350 – 2,500 ริงกิตต่อเมตริกตัน […]