ค่าเงินที่แข็งค่าสุดของเอเชียในปี 2017 คือ เงินวอน
เงินวอนของเกาหลีใต้กลายเป็นเงินสกุลที่แข็งค่ามากที่สุด หรือtop performerในเอเชียในปี 2017 โดยแข็งค่าขึ้น 13% เมื่อเทียบกับดอลล่าร์ แม้ว่าจะมีปัญหาความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี แต่เงินวอนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าจะมีความคลี่คลาย โดยเฉพาะหลังจากผู้นำเกาหลีเนือแย้มว่าต้องการส่งทัพนักกีฬามาร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ ค่าเงินวอนได้รับแรงหนุนจากการนส่งออกสินค้าเทคโนโลยี่ การขยายตัวของเศรษฐกิจ และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางเกาหลีจะดำเนินนโยบายตึงตัวขึ้น
หุ้นบลูชิป (Blue chip stock)
บลูชิปคือชิปสีน้ำเงินที่ใช้แทนเงินในบ่อนการพนันโดยเป็นชิปที่มีมูลค่าสูงที่สุด วงการตลาดหุ้นในอดีตจึงยืมมาใช้เรียกหุ้นที่มีราคาสูง แต่ในปัจจุบันหุ้นบลูชุปมีความหมายกว้างกว่านั้น โดยหมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีชื่อเสียงรู้จักกันทั่วไป มีความมั่นคงและมีอายุยาวนาน สินค้าและบริการมีคุณภาพเป็นแบรนด์ที่ผู้คนรู้จักนิยม เป็นผู้นำหรือมีส่วนแบ่งการตลาดระดับต้นๆ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง หนี้สินไม่สูงเกินไป ยอดขายเติบโต มีกำไรและจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ในยามเศรษฐกิจผันผวนหรือตกต่ำ บริษัทประเภทนี้สามารถรักษากิจการให้ผ่านพ้นภาวะต่างๆ โดยอยู่รอดปลอดภัยมาได้ตลอดทุกยุคสมัย หุ้นบลูชิพจึงเป็นที่นิยมของนักลงทุนสถาบันต่างๆ เช่น กองทุนรวม กองทุนบำเหน็จบำนาญ พอร์ตประกันชีวิต ที่ต้องมีติดพอร์ตไว้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้ราคาหุ้นอาจจะไม่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มีความผันผวนค่อนข้างต่ำกว่าหุ้นประเภทอื่น และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนบุคคลที่ไม่ชอบความเสี่ยงสูง (Conservative) มักชอบลงทุนในหุ้นบลูชิปเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่จะถือลงทุนระยะยาว หรือเข้าซื้อเก็บในช่วงที่ราคาตกลงตามภาวะตลาด ถ้าให้ยกตัวอย่างหุ้นบลูชิปไทย คงไม่พัน ปตท ปูนซินเมนต์ไทย เจริญโภคภัณฑ์ ธนาคารใหญ่ๆ เช่น ธนาคารกรุงเทพ
ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ในปี 2018
นักลงทุนระดับโลกมองความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ประกอบในการลงทุน หรือในการเทรดในปี 2018 โดยประเด็นใหญ่ที่ทางซีเอ็นบีซีหยิบยกขึ้นมามีทั้งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เกาหลี การแข่งขันฟุตบอล World Cup ที่รัสเซีย ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ความคืบหน้าของการเจรจา Brexit การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน การเลือกตั้งมิดเทอมในสหรัฐอเมริกา ทางเกาหลีใต้ได้ประกาศว่าพร้อมเจรจากับเกาหลีเหนือในวันที่ 9 มกราคมเพื่อหารือความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะส่งทัพนักกีฬามาร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งทางเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพจัด คิมจองอันผู้นำเกาหลีเหนือมาไม้อ่อนสลับไม้แข็งในช่วงปีใหม่ด้วยการขู่สหรัฐฯว่า มีขีปนาวุธที่สามารถยิงถึงอเมริกา แต่พร้อมเจรจาหาลู่ทางสันติกับเกาหลีใต้ และพร้อมกับส่งทัพนักกีฬาเกาหลีเหนือไปร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาวที่เกาหลีใต้ David Roche นักยุทธศาสตร์แห่ง Independent Strategy บอกว่า ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯจะยอมรับความเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือหรือไม่ ถ้า สหรัฐฯบุกเกาหลีเหนือเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์. แสดงว่าจีนไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการกับเกาหลีเหนือ และสงครามเย็นระหว่างสหรัฐฯและจีนจะตามมา รัสเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดฟุตบอลโลก World Cupในเดือนสิงหาคม แต่ยังไม่แน่ว่าจะจัดงานได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หรือจะถูกบอยคอทหรือไม่ เพราะว่าทั้งยุโรปและสหรัฐฯยังคงมีมาตรการแซงชั่นรัสเซียอยู่จากกรณีวิกฤติยูเครน นอกจากนี้ Russiagate ยังคงดำเนินต่อในการเมืองสหรัฐญที่กล่าวหารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในช่วงที่ผ่านมา ความคืบหน้าของการเจรจา Brexit คงต้องมีความคืบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น ถ้าอังกฤษเสียเปรียบจะมีผลทำให้สถาบันการเงินหรือบริษัทย้ายสำนักงานออกไปอยู่ในอียู ถ้า Brexit ราบรื่นดี จะไม่มีผลกระทบเศรษฐกิจของอังกฤษมาก จีนอาจจะเจอกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ […]
เศรษฐกิจไทยปี 2018 จะแผ่วลงเล็กน้อยเมื่อเทียบปี 2017
บลูมเบิร์กรายงานว่า มองย้อนกลับไปในปี 2017 จะพบว่าเศรษฐกิจไทยดีที่สุดในรอบ 7 ปี โดยมีอัตราเจริญเติบโต 3.8% แต่ในปี 2018 นี้ การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะแผ่วลงเหลือ 3.7% ก่อนที่จะอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อยเป็น 3.6% ในปี 2019 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตต่ำกว่าเพื่อนบ้านมาก เมื่อเทียบกับทั้งเวียดนามและฟิลิปปินส์ที่มีอัตราเติบโตกว่า 6% ด้วยกันทั้ง 2 ประเทศ นายRahul Bajoria แห่ง Barclays Plc ที่สิงคโปร์ กล่าวว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2017 และ 2018 ดีกว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา แต่ภาคอุตสาหกกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตยังคงโตต่ำกว่าที่ควรเป็น เขาบอกว่า สิ่งที่ขาดสำหรับเศรษฐกิจประเทศไทยคือการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งต้องเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปร่างก่อนที่ไทยจะได้เห็นอัตราเติบโตที่ระดับ 5%
แชมป์ตลาดหุ้นโลกในปี2017
ตลาดหุ้นของอาร์เจนติน่าเป็นแชมป์เปี้ยนตลาดหุ้นโลกในปี2017 โดยโต77% หรือโตมากกว่าตลาดหุ้นทั้งโลก ปี2016ตลาดหุ้นอาร์เจนติน่าโต45% จากแรงส่งของการขยายตัวของเศรษฐกิจ และนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีMauricio Macri ตลาดหุ้นที่เติบโตสูงสุดรองลงมาจาตลาดหุ้นอาร์เจนติน่าในปี2017คือ ตลาดหุ้นไนจีเรีย ซึ่งโต42% แม้ว่าจะมีปัญหาราคาน้ำมันตกต่ำ การโจมตีของพวกก่อการร้าย ค่าเงินที่อ่อนลง และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบล่าในช่วงที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันได้ดีดตัวสูงขึ้น และธนาคารกลางของไนจีเรียได้อำนวยความสะดวกในการทำสว๊อปค่าเงิน ส่วนเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวจากภาวะถดถอยแล้ว ตลาดหุ้นที่โตอันดับ3ของโลก คือตลาดหุ้นตุรกี แม้ว่าตุรกีจะมีปัญหาความพยายามที่จะก่อรัฐประหารในปี2016 และมีปัญหาการก่อการร้ายภายในประเทศ แต่ปีที่แล้วตลาดหุ้นเติบโตสูงถึง48% เนื่องจากนโยบายลดภาษีของรัฐบาล การให้การันตีการปล่อยกู้โดยรัฐบาลเพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก จีดีพีของตุรกีโต11.1%ในปี2017 ตลาดหุ้นที่โตอันดับ4ของโลกคือ ตลาดฮั่งเส็งของฮ่องกงที่โต36% ฮ่องกงกลายเป็นตลาดหุ้นที่บริษัทเทคโนโลยี่นิยมไปทำไอพีโอแล้วจดทะเบียน ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐยังคงสดใสมากปี2017 โดยดาวโจนส์โต25% ตลาดS&P 500โต19% ส่วนแนสแด็คโตสูงกว่าเพื่อนที่28% ส่วนตลาดหุ้นไทยในปี2017โต12% เทียบกับMSCI World Equity Index ที่โต22%