หุ้นสหรัฐตกหนักอีกรอบในสัปดาห์นี้
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ดิ่ง 1,032.89 จุดหรือ 4.15% ก่อนที่จะปิดที่ 23,860.46 ซึ่งถือว่าเป็นการปรับฐานที่หนักอีกครั้งในรอบ 5 วัน ในวันที่ 2 กุมพาพันธ์ ดาวโจนส์ตก 666 จุด และตกมากกว่า 1,000 จุดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นักวิเคราะห์บอกว่า หุ้นตกหนัก เพราะว่านักลงทุนกลัวเรื่องเงินเฟ้อ และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หุ้น American Express และIntelตกมากกว่า 5.4% ส่วนJP Morgan Chaseตกมากกว่า 4% ส่วนตลาดหุ้น S&P 500 ตก 3.75% ไปปิดที่ 2,581 และตลาดแนสแด็คตก 3.9% ก่อนที่จะปิดที่ 6,777.16 โดยหุ้น Facebook, Amazon และ Microsoft ตกอย่างน้อย […]
ธนาคารกลางอังกฤษอาจขึ้นดอกเบี้ยเร็วเกินคาด
ธนาคารกลางอังกฤษโหวตที่จะคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% แต่ระบุว่าอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นถ้าหากว่าเศรษฐกิจดำเนินไปในลักษณะปัจจุบัน นักเศรษฐศาสตร์คาดการว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจจะขึ้นดอกเบี้ยนัดหน้าในเดือนพฤษภาคม เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 1% เมื่อเทียบเงินดอลล่าร์ และเงินยูโร หลังจากที่ธนาคารกลางอังกฤษออกข่าวนี้ ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ธนาคารกลางอังกฤษขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จาก 0.25% เป็น 0.50% ตอนนั้นธนาคารกลางอังกฤษบอกว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีก2ครั้งในอีก3ปีข่้างหน้า แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าอาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง โดยการขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าจะมาเร็วกว่าที่คาดการก่อนหน้านี้
ยอดผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯมีสิทธิพุ่งทะลุ 11 ล้านบาร์เรล/วัน ภายใน พ.ย.ปีนี้
ยอดผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯมีสิทธิพุ่งทะลุ 11 ล้านบาร์เรล/วัน ภายใน พ.ย.ปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กรมข้อมูลพลังงานแห่งสหรัฐฯคาดว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 11 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เดิมว่าจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 2018 ขณะที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2017 หลังราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวเป็นปัจจัยหนุนให้ผู้ผลิตน้ำมันในประเทศเพิ่มการผลิต นอกจากนี้ยังคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 10.59 ล้านบาร์เรล ก่อนเพิ่มขึ้นเป็น 11.18 ล้านบาร์เรลในปี 2018 ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มประมาณการจากครั้งก่อนที่คาดไว้ที่ 10.27 ล้านบาร์เรลในปีนี้ และ 10.85 ล้านบาร์เรลในปีถัดไป ทั้งนี้ กรมฯคาดว่า ราคาน้ำมันดิบไลท์ในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 58.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และในปีหน้าจะอยู่ที่ 57.51 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะเฉลี่ยอยู่ที่ 62.39 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ก่อนจะลดลงมาอยู่ที่ 61.51 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2019
หุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย อยู่ที่ 1,786.66 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (8 ก.พ. 61) ที่ระดับ 1,786.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด หรือ 0.07% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,796.07 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,781.18 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.19น. อยู่ที่ 55,935.52 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 480.00 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,146.87 ลบ. 2.BANPU ปิดที่ 20.80 บาท ลดลง -0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,994.99 […]
Bitcoin Cryptocurrency Investment
เงินดิจิทัลเสี่ยงสิ้นค่า อาจเหลือรอดไม่กี่สกุล
สกุลเงินดิจิทัลที่ร่วงลงแรงส่งผลให้มูลค่าตลาด (market value) หายไปเกือบ 5 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และสถานการณ์อาจจะยิ่งแย่ลงกว่านี้ก็เป็นได้ หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านการลงทุนที่โกลด์แมนแซคส์ (Goldman Sachs Group) กล่าว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า Steve Strongin หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านการลงทุนที่โกลด์แมนแซคส์ระบุว่า สกุลเงินดิจิทัลส่วนใหญ่จะไม่สามารถอยู่รอดได้ในรูปแบบที่เป็นอยู่นี้ และนักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือการสิ้นค่าของสกุลเงินเหล่านั้น เพราะในอนาคตจะถูกสกุลเงินดิจิทัลใหม่ๆที่เป็นคู่แข่งเข้ามาแทนที่ และในอนาคตจะเหลือเพียงไม่กี่สกุลเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ประมาณการระยะเวลาของการเสื่อมค่าลงของสกุลเงินที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่เตือนว่าราคาที่ผันผวนรุนแรงเป็นสองเท่าก็พอที่จะบ่งชี้ได้ว่าแต่ละสกุลเงินคงไม่สามารถที่จะไปถึงเป้าหมายพร้อมกัน คงมีเพียงบางสกุลที่ชนะและอยู่รอดในตลาดนี้ “การปรับฐานของราคาสกุลเงินดิจิทัลทำให้ผมกังวล เนื่องจากสกุลเงินเหล่านั้นไม่มีมูลค่าโดยตัวมันเอง สกุลเงินต่างๆที่ไม่สามารถแข่งขันก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีมูลค่าเป็นศูนย์” Strongin กล่าว เงินดิจิทัลในขณะนี้ขาดกำลังที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาว เนื่องจากการทำธุรกรรมที่ใช้เวลานาน ความท้าทายต่างๆเกี่ยวกับความปลอดภัย และมีต้นทุนในการดูแลสูง ขณะที่การเปิดการซื้อขายบิทคอยน์ในตลาดล่วงหน้าไม่ได้ช่วยแก้ความกังวลเหล่านั้นได้
โกลด์แมนแซคส์มองกำไรบริษัทในตลาดสหรัฐปีนี้ดี เป็นจังหวะดีเก็บหุ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมนแซคส์ (Goldman Sachs Group) ระบุว่า ขณะนี้เป็นจังหวะเวลาที่ดีที่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้น หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯเผชิญแรงเทขายอย่างรุนแรง และทำให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแค็ปลดลง 1 ล้านล้านดอลลาร์ นายเดวิด คอสทิตหัวหน้านักกลยุทธ์ที่โกลด์แมนแซคส์ระบุว่า กำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯปีนี้จะขยายตัวได้ดีรับผลดีจากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และจากการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนหุ้นที่น่าลงทุนได้แก่กลุ่มหุ้นวัฏจักร เช่น กลุ่มธนาคาร เนื่องจากได้รับผลดีจากต้นทุนด้านแรงงานที่ลดลง ขณะเดียวกันโกลด์แมนแซคส์ระบุว่า ราคาหุ้นที่ปรับลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นเพียงการปรับฐานทางเทคนิคเท่านั้น มากกว่าจะมาจากปัจจัยพื้นฐาน บทวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ ระบุว่า “เราเชื่อมั่นว่า ตัวขับเคลื่อนด้านปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และคงเป้าหมายดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปี 2018 ที่ 2,850 จุด”
หุ้นไทยปิดลบเล็กน้อย อยู่ที่ 1,785.44 จุด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (7 ก.พ. 61) ที่ระดับ 1,785.44 จุด ลดลง -2.99 จุด หรือ -0.17% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,804.75 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,782.94 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.20น. อยู่ที่ 73,870.26 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 484.00 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 5,011.25 ลบ. 2.IVL ปิดที่ 52.25 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,333.30 ลบ. 3.AOT […]
Carl Icahn เตือนผลิตภัณฑ์ทางการเงินแปลกๆ ที่อาจทำให้ตลาดพังได้
Carl Icahn มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อซีเอ็นบีซีว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นที่ผ่านมาเกิดจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินแปลกๆ เช่น exchange-traded funds หรือ exchange-traded notes ที่กู้เงินมากเกินไปในการเทรด และวันหนึ่งอาจจะทำให้ตลาดหุ้นพังได้ หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นผันหวนหนักในช่วงที่ผ่านมา คือหลักทรัพย์ที่คลุมเคลือ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเดิมพันตลาดหุ้นยามสงบที่ถูกบังคับขาย หลักทรัพย์นี้เรียกชื่อกันว่า VelocityShares Daily Inverse VIX Short-Term exchange-traded note (XIV) ซึ่งพังในชั่วข้ามคืน เพราะว่านักลงทุนที่ใช้มาร์จิ้นสูงถูกบังคับขายเมื่อตลาดตกแรง ด้วยเหตุนี้ Credit Suisse ประกาศในวันอังคารที่ผ่านมาว่า จะเลิกเทรด XIV ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งออกแบบมาให้ได้ผลตอบแทนที่ตรงข้ามกับ Cboe Volatility Index (VIX), หรือรู้จักกันดีว่าเป็นตัววัดความกลัวของตลาด ไอคานบอกว่า ตลาดหุ้นมีการกู้เงินมากเกินไปในการลงทุน ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายได้ร้ายแรงกว่าปี 1929
ความสัมพันธ์ของเวลา และความเสี่ยง (ตอนจบ)
By… เสกสรร โตวิวัฒน์, CFP BF Knowledge Center ส่วนการลงทุนระยะกลางและระยะยาว ถือว่านานพอที่จะแบ่งมาลงทุนในหุ้นได้ แต่สิ่งสำคัญคือเมื่อเวลาผ่านไป เวลาลงทุนเหลือน้อยลงต้องมีการปรับปรุงพอร์ตใหม่ ลดสัดส่วนหุ้นเมื่อเวลาลงทุนลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องเฝ้าละเอียดยิบปรับลดสัดส่วนทุกปี โดยเฉพาะการลงทุนระยะกลางที่มักจะนิยมผสมผสานหุ้นในสัดส่วนที่สูง หรือผู้ลงทุนบางคนที่รับความเสี่ยงได้สูงก็อาจจะเลือกลงทุนหุ้นทั้งหมดโดยลืมไปว่า เวลาไม่เคยเหนื่อย เดินไปได้เรื่อยๆ ไม่เคยหยุดรอใคร พอร์ตลงทุนระยะกลางจะกลายเป็นพอร์ตการลงทุนระยะสั้นได้ภายในไม่กี่ปี แต่พอร์ตการลงทุนระยะกลางและระยะยาว ถือว่ามีความยืดหยุ่นกว่าพอร์ตระยะสั้นเพราะเวลาที่นานขึ้น มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้นๆ โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นที่ราคาผันผวนมากอย่างทองคำ ราคาหุ้นในตลาดแต่ละวัน แต่ละเดือน จะถูกกระทบด้วยปัจจัยต่างๆ มากมาย ทั้งความต้องการซื้อ ความต้องการขาย ข่าวลือ ข่าวจริง อารมณ์ ความกลัว ความโลภ การคาดเดาราคาในระยะสั้นจึงทำได้ยากยิ่ง การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคเป็นเพียงเครื่องมือช่วยที่อาจจะถูก หรือไม่ถูกก็ได้ แต่หากมีระยะเวลาลงทุนนานๆ ราคาจะสะท้อนกลับมาสู่ความเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน ผลประกอบการที่ประกาศ เงินปันผลที่จ่าย จะทำให้ราคาหุ้นนั้นๆ กลับมาสู่ความเป็นจริง สิ่งเหล่านี้คือสาเหตุที่ว่า ทำไมพอร์ตการลงทุนในหุ้นจึงเหมาะกับการลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเวลาและความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนและผู้วางแผนการเงินต้องไม่ลืม ก็คือ เวลาไม่ใช่สิ่งตายตัว การลงทุนระยะยาวสักวันหนึ่งก็จะกลายเป็นการลงทุนระยะกลาง และการลงทุนระยะสั้น […]
ความสัมพันธ์ของเวลา และความเสี่ยง (ตอน1)
By… เสกสรร โตวิวัฒน์, CFP BF Knowledge Center เวลาเลือกว่าจะลงทุนอะไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สิ่งที่นักวางแผนการเงินจะให้ความสำคัญมากกว่าความเสี่ยงที่ผู้รับคำปรึกษาจะยอมรับได้ก็คือ “ระยะเวลาที่สามารถลงทุนได้” เพราะเป็นเงื่อนไขที่ผูกพันกับความเสี่ยงที่ผู้รับคำปรึกษาไม่อาจกำหนดเองได้ รับความเสี่ยงได้สูง อายุยังน้อย ชอบเล่นหุ้น เก็บเงินไว้ดาวน์บ้านอีก 6 เดือนข้างหน้า จะเก่งแค่ไหน ก็ไม่ควรลงทุนหุ้น เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ไม่เหลือเวลาให้แก้ตัว รับความเสี่ยงได้น้อย แต่เก็บยาวไว้รอเกษียณในอีก 20 ปีข้างหน้า จะกลัวแค่ไหน แบบนี้นักวางแผนการเงินก็ยังแนะนำให้มีหุ้นไว้บ้าง เพราะจะเสียโอกาสในการลงทุน ไม่มีสูตรตายตัวว่าระยะเวลาลงทุนนานแค่ไหนถึงควรจะมีหุ้นไว้ในพอร์ต โดยทั่วไปเวลาลงทุนที่ยาวขึ้นก็สามารถลงทุนในหุ้นได้มากขึ้น แต่จะลงทุนแค่ไหน ก็ค่อยดูเรื่องอื่นๆ ประกอบ เช่น การยอมรับความเสี่ยงเฉพาะตัว ระดับความสำคัญของเป้าหมายที่จะเก็บออม ความรู้ความเข้าใจเรื่องหุ้นของผู้รับคำปรึกษา ฯลฯ ระยะเวลาการลงทุน โดยทั่วไปอาจแบ่งได้เป็น 3 ช่วง คือ ระยะสั้น (0-3ปี) ระยะกลาง (3-7ปี) และระยะยาว (7ปีขึ้นไป) การลงทุนระยะสั้นต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุนในหุ้นให้มาก […]