จีนหวังลด “เก็งกำไร” เน้นที่อยู่ “เพื่ออาศัย”

จีนหวังลด “เก็งกำไร” เน้นที่อยู่ “เพื่ออาศัย”

หวาง เหมิงฮุย รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบท กล่าวในการประชุมแห่งหนึ่งว่า เราจะยึดมั่นในหลักการของที่อยู่อาศัยเพื่อการอยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร และจะปรับปรุงกลไกในระยะยาวเพื่อส่งเสริมให้ตลาดที่อยู่อาศัยมีเสถียรภาพและเติบโตต่อไปได้ เขากล่าวว่า การติดตามสถานการณ์และการวิเคราะห์ตลาดควรจะได้รับการปรับปรุง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความเที่ยงตรงของนโยบายต่างๆ และจะเร่งวางระบบที่อยู่อาศัย ซึ่งจะสร้างความมั่นใจในเรื่องของอุปทานจากหลายๆแหล่ง ตลอดจนให้การสนับสนุนโครงการที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางต่างๆ และผลักดันให้มีการซื้อและเช่าบ้าน ทั้งนี้ เมืองขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีการไหลเข้าสุทธิของประชากร ควรจะเร่งการพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัยให้เช่า และจัดตั้งแพลตฟอร์มบริหารจัดการและบริการเช่าภายใต้การดูแลของรัฐบาล นอกจากนี้ จีนยังจะปรับปรุงความเป็นระเบียบเรียบร้อยในตลาดที่อยู่อาศัยภายใต้จุดยืนที่เข้มงวด เพื่อจัดการกับการละเมิดกฎเกณฑ์ของกลุ่มผู้พัฒนาและเอเยนต์อสังหาริมทรัพย์

จีนเอาจริงกับ “ฉ้อโกง” สั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 8 พันคน

จีนเอาจริงกับ “ฉ้อโกง” สั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 8 พันคน

รายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่าทางการจีนสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐบาล 8,123 รายในข้อหานำเงินงบประมาณกลางของรัฐไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่ก็ฉ้อโกงเงินกองทุนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ขณะที่นโยบายรัฐบาลประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมุ่งปราบทุจริตคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ และตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนความยากจนของประชาชนให้ได้ภายในปี 2020 อย่างไรก็ตาม บทลงโทษเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องความผิดยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน แต่ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุจริตคอร์รัปชันตรวจพบแล้วมากกว่า 1.3 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจังในการดำเนินนโยบายกวาดล้างทุจริต และการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อโกง

จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม

จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม

ทางการยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เราคาดเป้า GDP จะคงเดิมที่ 6.5% การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปีถัดไป กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) การลดความเสี่ยงทางการเงิน 2) การแก้ปัญหาความยากจน และ 3) การรักษาสภาพแวดล้อม และยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้ นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดต่อไป เพื่อลดระดับหนี้ในระบบและจำกัดความเสี่ยงทางการเงินซึ่งเป็นนโยบายหลัก โดยจะควบคุมปริมาณเงิน, สินเชื่อและการเติบโตของยอดระดมทุนรวม (TSF) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนนโยบายการคลังมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดมากขึ้น โดยทางการจะเพิ่มความเข้มงวดในการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น ด้านอสังหาริมทรัพย์ ทางการได้สนับสนุนการพัฒนาตลาดเช่าบ้าน (Rental Market) และการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ในการอยู่อาศัยเพิ่มเติม ด้านการค้าระหว่างประเทศ จีนจะสนับสนุนการนำเข้ามากขึ้น โดยอาจลดภาษีนำเข้า (Import Tariffs) ลงสำหรับบางสินค้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว ด้านอัตราแลกเปลี่ยน […]

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯระบุจีนเป็นผู้รุกรานทางเศรษฐกิจ

ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯระบุจีนเป็นผู้รุกรานทางเศรษฐกิจ

จับตาดูวันจันทร์ที่ 18 ธันวาคมนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศว่าจีนเป็นผู้รุกรานทางเศรษฐกิจ (economic aggression) ต่อสหรัฐฯหรือไม่ในแผนยุทธศาตร์ทางความมั่นคงของทำเนียบขาว หนังสือพิมพ์ The Financial Times เป็นผู้รายงานว่า ทรัมป์จะเอาจริงเอาจังกับจีนในเรื่องเศรษฐกิจ เพราะว่าปัญหาการขาดดุลการค้ามหาศาล รวมท้ังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจีนในกรณีเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวออกมาบอกว่า ไม่ได้มีการระบุชื่อจีนอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นภัยทางเศรษฐกิจต่อสหรัฐฯ แผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐฯจะระบุว่าจีนเป็นคู่แข่ง หรือเป็นภัยของสหรัฐฯเกือบทุกด้าน และทรัมป์ต้องการที่จะดำเนินนโยบายเข้มงวดกับจีนมากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯที่ผ่านมา ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์กล่าวหาว่าจีนดำเนินการค้าที่ไม่เป็นธรรม รวมท้ังมีการปั่นค่าเงินทำให้ได้เปรียบดุลการค้าต่อสหรัฐฯอย่างมาก แต่พอได้เป็นประธานาธิบดี ปรากฎว่าทรัมป์ไม่ได้ออกมาตรการตอบโต้จีนเหมือนอย่างที่ขู่เอาไว้ หลังจากที่ได้มีโอกาสพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนอย่างเป็นทางการ 2 ครั้งที่ฟลอริด้าในเดือนเมษายน และที่กรุงปักกิ่งในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีนรับอัดฉีดเงินเข้าตลาด 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์

ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้อัดฉีดเงินเม็ดเงินมูลค่า 4.7498 แสนล้านหยวน หรือ 7.19 หมื่นล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดผ่านเครื่องมือทางการเงินต่างๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอ ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4.04 แสนล้านหยวนเข้าสู่ตลาดผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) เพื่อรักษาสภาพคล่องระหว่างธนาคารให้มีเสถียรภาพ โดยโครงการเงินกู้ประเภทดังกล่าว มีระยะเวลาในการไถ่ถอน 1 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ย 3.2% ขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนยังอนุมัติเงินมูลค่า 2.418 หมื่นล้านหยวนให้กับสถาบันการเงิน ผ่านโครงการเงินกู้ระยะสั้น (SLF) ในเดือนที่ผ่านมาด้วยเพื่อรองรับความต้องการสภาพคล่อง นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้อัดฉีดเงิน 4.68 หมื่นล้านหยวนให้กับธนาคารเพื่อการพัฒนาจีน, ธนาคารเพื่อพัฒนาการเกษตรของจีน และธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน ผ่านโครงการจัดสรรเงินกู้เพิ่มเติม (PSL) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่าการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (open market operations) ทำให้ธนาคารกลางจีน ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังธนาคารกลางจีนได้กำหนดนโยบายการเงินปี 2017 ภายใต้กรอบที่ “รอบคอบและเป็นกลาง” เพื่อรักษาระดับสภาพคล่องให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการอัดฉีดมากจนเกินไป

กองทุน  Nordea Emerging Stars ชี้ โอกาสดีเก็บหุ้นถูกในตลาดจีน

กองทุน Nordea Emerging Stars ชี้ โอกาสดีเก็บหุ้นถูกในตลาดจีน

กองทุน  Nordea Emerging Stars ซึ่งเป็นกองทุนของสแกนดิเนเวีย มีมุมมองที่ดีต่อจีน  โดยระบุว่าข่าวร้ายที่มีผลต่อตลาดหุ้นจีน และเศรษฐกิจจีน เกินความจริง แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีให้ผู้จัดการกองทุนเข้ามาซื้อหุ้นราคาถูกของจีนได้ โดย Nordea Emerging Stars ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่มีผลประกอบการที่ดีมาโดยตลอด พร้อมให้ผลตอบแทนเฉลี่ย เกิน 11 % ในแต่ละปี ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา จากการเลือกลงทุนหลักๆในตลาด จีน และ อินเดีย ทั้งนี้กองทุนดังกล่าว เข้าไปลงทุนใน จีน โดยเน้นธุรกิจภาคบริการ รวมถึงภาคบริโภค พบถือหุ้น ของ  Tencent Holdings และ Alibaba Group Holding  นอกจากนี้ยังถือหุ้น  Samsung Electronic  ของเกาหลีอีกด้วย ส่วนตลาดอินเดียกองทุนดังกล่าวได้เข้าไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งธุรกิจบริการด้านการเงิน ซึ่งนับเป็นกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบจากการบริโภคภายในประเทศ

บริษัทให้บริการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ของจีนจะทำไอพีโอในตลาดหุ้นฮ่องกง

บริษัทให้บริการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ของจีนจะทำไอพีโอในตลาดหุ้นฮ่องกง

Ping An Good Doctor ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการออนไลน์ทางการแพทย์ผ่านแพล็ทฟอร์มของตัวเองที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของจีน เตรียมตัวที่จะนำเสนอหุ้นไอพีโอออกมาขายเพื่อระดมเงินทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า Citigroup และ JPMorgan เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ Ping An Good Doctor มีความเป็นไปได้ที่ Ping An Good Doctor จะทำไอพีโอในตลาดฮ่องกงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า การที่ Ping An Good Doctor เลือกที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง สะท้อนให้เห็นความนิยมของบริษัทเทคโนโลยีที่จะเทรดหุ้นในฮ่องกง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหุ้นเทคโนโลยีในตลาดฮ่องกงมีความร้อนแรงมากที่สุดในโลกในวันแรกของการเทรดหุ้น ผู้ใช้บริการสามารถปรึกษาหมอเพื่อรักษาโรคได้ผ่านแพล็ทฟอร์มของ Ping An Good Doctor โดยสามารถจองคิวเพื่อที่จะปรึกษาหมอได้ผ่านออนไลน์ อย่างไรก็ตาม Ping An Good Doctor ยังไม่ได้ให้บริการจ่ายยา เพียงแค่ให้บริการปรึกษาหมอเท่านั้น ปัจจุบัน Ping An Good Doctor มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้ว 77 […]

บริษัทให้บริการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ของจีนจะทำไออีโอในตลาดหุ้นฮ่องกง

บริษัทให้บริการปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์ของจีนจะทำไออีโอในตลาดหุ้นฮ่องกง

Ping An Good Doctor ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการออนไลน์ทางการแพทย์ผ่านแพล็ทฟอร์มของตัวเองที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของจีน เตรียมตัวที่จะนำเสนอหุ้นไอพีโอออกมาขายเพื่อระดมเงินทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า Citigroup และ JPMorgan เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้ Ping An Good Doctor มีความเป็นไปได้ที่ Ping An Good Doctor จะทำไอพีโอในตลาดฮ่องกงในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า การที่ Ping An Good Doctor เลือกที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง สะท้อนให้เห็นความนิยมของบริษัทเทคโนโลยีที่จะเทรดหุ้นในฮ่องกง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาหุ้นเทคโนโลยีในตลาดฮ่องกงมีความร้อนแรงมากที่สุดในโลกในวันแรกของการเทรดหุ้น ผู้ใช้บริการสามารถปรึกษาหมอเพื่อรักษาโรคได้ผ่านแพล็ทฟอร์มของ Ping An Good Doctor โดยสามารถจองคิวเพื่อที่จะปรึกษาหมอได้ผ่านออนไลน์ อย่างไรก็ตาม Ping An Good Doctor ยังไม่ได้ให้บริการจ่ายยา เพียงแค่ให้บริการปรึกษาหมอเท่านั้น ปัจจุบัน Ping An Good Doctor มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้ว 77 […]

Tencent ก้าวขึ้นท็อป 5 บริษัทใหญ่ที่สุดของโลก

Tencent ก้าวขึ้นท็อป 5 บริษัทใหญ่ที่สุดของโลก

Tencent ในสัปดาห์ที่ผ่านมาสร้างเรื่องฮือฮาไว้สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือในวันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Tencent ได้กลายเป็นบริษัทเอเชียรายแรกที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market cap) สูงเกิน 5 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 5.107 แสนล้านดอลลาร์พุ่งเข้าไปใกล้ Facebook ซึ่งมีมูลค่าตลาด 5.2014 แสนล้านดอลลาร์ และทิ้งห่างบริษัทร่วมชาติอย่าง Alibaba ซึ่งมีมูลค่าตลาด 4.7415 แสนล้านดอลลาร์ ต่อมาในวันที่ 21 พฤศจิกายน Tencent ก็สร้างสถิติด้วยมูลค่าตลาดที่แซงหน้า Facebook ด้วยมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นไปเป็น 5.345 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ในวันเดียวกันมูลค่าตลาดของ Facebook อยู่ที่ 5.194 แสนล้านดอลลาร์ ทั้งนี้บริษัทที่มูลค่าสูงสุดในโลกยังคงเป็น Apple Inc. ตามมาด้วย Aphabet, Microsoft และ Amazon Tencent ถึงแม้จะรู้จักกันดีในประเทศจีนผ่านบริการ “วีแซท” โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า […]

ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ร้อนแรงปีนี้

ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ร้อนแรงปีนี้

ตลาดหุ้นของสหรัฐฯยังคงทะยานต่อเนื่อง ทำสถิตินิวไฮมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด S&P 500 ขึ้นไปแตะระดับ 2,600 จุดเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ความจริงแล้วตลาดหุ้นเกิดใหม่เป็นดาวรุ่งตัวจริงของปีนี้ MSCI Emerging Markets Index หรือดัชนีของตลาดเกิดใหม่ MSCI ในปีนี้ขึ้นไปแล้ว 34% เทียบกับ 9% ในปีที่แล้ว และเทียบกับตลาด S&P 500 ขึ้นไปเพียง 16% ในปีนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นของตลาดเกิดใหม่พุ่งขึ้นสูงเพราะว่าหลายๆประเทศเริ่มมีเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ฐานะการคลังดีขึ้นและกำลังผ่านสู่ขบวนการปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อินเดีย และจีน มีเม็ดเงิน 85,000 ล้านดอลลาร์ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้ราคาหุ้นของตลาดเกิดใหม่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นตลาดอินเดีย จีน บราซิล ฮ่องกง และไทยด้วย เมื่อพูดถึงระดับราคาแล้ว ตลาดเกิดใหม่ยังคงถูกเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 12 เท่า เทียบกับ 18 เท่าสำหรับตลาดสหรัฐ […]