IMF คาดการณ์เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ปี 2018-2019 โต 6.7%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของฟิลิปปินส์จะขยายตัว 6.7% ในปีนี้และปีหน้า ส่วนในระยะกลางเศรษฐกิจยังคงไปได้ดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ในระยะใกล้เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น จากอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนอย่างมาก ซึ่งหากต้องการรักษาสมดุลระหว่างการเติบโตและความยั่งยืนของเศรษฐกิจ ฝ่ายนโยบายต้องปรับลดแรงกดดันเงินเฟ้อลง พร้อมปรับโครงสร้างให้เกื้อหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ Luis E. Breuer หนึ่งในทีมงานของ IMF ที่เดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์ช่วงวันที่ 11-25 ก.ค. ที่ผ่านมา สรุปว่า เศรษฐกิจฟิลิปปินส์ทำผลงานได้ดี โดยจีดีพีเติบโตได้ 6.7% ในปีที่ผ่านมา และทีมงานคาดว่าการเติบโตจะอยู่ในอัตราเดียวกันนี้ได้ในปีนี้และปีหน้า เป็นผลมาจากการบริโภคและการลงทุนที่เข้มแข็ง รวมถึงการลงทุนของภาครัฐด้วย ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงกดดันภายนอกต่อค่าเงินเปโซ เนื่องจากจะมีผลกระทบทำให้ต้องเสียภาษีสรรพาสามิตเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการในประเทศก็ได้รับแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 5.2% หรือเฉลี่ย 6 เดือนอยู่ที่ 4.3% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะเกินดุลเพิ่มขึ้น 1.5% ของจีดีพี สิ้นปีนี้ เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพิ่มขึ้น […]
จีนออกแผนรับมือความตึงเครียดการค้าเน้นนโยบายการคลังเชิงรุก
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า จีนได้ประกาศมาตรการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศเพื่อชดเชยผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างสหรัฐฯ สะท้อนถึงความพยายามของจีนในการเตรียมรับมือสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น สภาแห่งรัฐ หรือ คณะรัฐมนตรีจีน ได้ประกาศมาตรการดังกล่าวออกมาเมื่อช่วงค่ำของวันจัทนร์ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วยมาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงการออกพันธบัตรพิเศษระดมทุนเพื่อใช้ลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้เนื่องจากมองว่าจะช่วยสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในการรับมือกับผลกระทบจากความไม่แน่นอนภายนอกประเทศ ทั้งนี้ รัฐบาลจะดำเนินนโยบายการคลังเชิงรุกมากขึ้น (more proactive) และให้สอดคล้องกับนโยบายการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังของจีนส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายการคลังไปในทางกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารกลางจีน ขณะที่ธนาคารกลางจีนได้เริ่มลดอัตราส่วนกันสำรองทางการเงินของธนาคารขนาดใหญ่ลงถึง 3 ครั้งในปีนี้ และประกาศมาตรการพิเศษเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการส่วนบุคคล และผู้ประกอบการขนาดย่อม
จีนลุยปรับโครงสร้างเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพขึ้น
ไชน่าเดลี่ รายงานว่า ทางการจีนได้ประกาศแผนที่จะปรับโครงสร้างภาษีเพื่อสร้งระบบการจัดเก็บภาษีที่มีประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้น สำหรับแผนงานนี้ถูกประกาศออกมาโดยสำนักงานคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและสำนักงานสภา โดย จีนวางแผนจะรวมสำนักงานจัดเก็บภาษีระดับชาติ และระดับท้องถิ่นเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถกำกับดูแลระบบการจัดเก็บภาษีได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันยังมีความพยายามมากขึ้นในการลดขั้นตอนการจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการจัดเก็บ เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้น ทางด้าน หน้าที่รับผิดชอบของสำนักงานจัดเก็บภาษีแต่ละระดับจะถูกปรับปรุง และมีการจัดสรรทรัพยากรให้ดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเพิ่มความโปร่งใสและสอดคล้องกับนโยบายภาษีของรัฐ ทั้งนี้นโยบายการจัดเก็บภาษีแบบใหม่จะเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค. 2019 โดยจีนจะโอนเงินค่าประกันสังคม เงินบำนาญขั้นพื้นฐาน และเงินประกันสุขภาพไปให้หน่วยงานจัดเก็บภาษีจัดการ ตามแผนที่วางไว้ สำหรับข้อมูลจากสำนักงานบริหารภาษีของรัฐ ระบุว่า ภาพรวม 6 เดือนปีนี้ จีนเก็บภาษีได้ 8.2 ล้านล้านหยวน หรือ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ไม่นับรวมภาษีที่ได้จากการส่งออก) เพิ่มขึ้น 15.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยุโรป-ญี่ปุ่นเดินหน้าข้อตกลงการค้าขจัดภาษีระหว่างกัน
ไชน่าเดลี่ รายงานว่า ท่ามกลางสงครามการค้าที่ก่อขึ้นโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ปรากฎว่า ญี่ปุ่นและสหภาพยุโรป (อียู) ได้ทำข้อตกลงทางการค้าที่จะขจัดภาษีศุลากรระหว่างกัน นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า การทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจร่วมกันครั้งนี้มีมูลค่าครอบคลุม 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของโลก และ 40% ของการค้าโลก นับเป็นการสร้างเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก สำหรับการตกลงครั้งนี้ ญี่ปุ่นและยุโรปจะยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากร 99% ของสินค้าญี่ปุ่นที่อียูนำเข้า และสินค้าอียูที่ญี่ปุ่นนำเข้า โดย 94% จะยกเลิกทันที และจะเพิ่มเป็น 99% ในปีถัดไป ทั้งนี้อียูและญี่ปุ่นมีเป้าหมายจะทำข้อตกลงให้มีผลก่อน มี.ค. 2019 โดยจะมีการดูข้อตกลงที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมขั้นสูง การค้าและเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าการประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้
เอดีบีประเมินเศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิกปีนี้ถึงปีหน้าโตแข็งแกร่ง
ธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) หรือ เอดีบี ออกรายงานวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียปี 2018 (Asian Development Outlook 2018 Supplement) โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียและแปซิฟิกในปี 2018 และ 2019 จะยังแข็งแกร่ง เนื่องจากการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งทั่วทั้งภูมิภาค แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ เอดีบี คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเอเชียและแปซิฟิกปีนี้จะเติบโต 6% และปี 2019 จะเติบโต 5.9% เท่ากับที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน เม.ย. แต่หากไม่นับรวมเศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชีย คือ ฮ่องกง เกาหลี สิงคโปร์ และไต้หวัน คาดว่าภูมิภาคจะเติบโต 6.5% ในปีนี้ และ 6.4% ในปีหน้า เท่ากับที่คาดการณ์เมื่อเดือน เม.ย. เช่นกัน สำหรับ ประเทศไทย เอดีบี […]
ก.ล.ต. เปิดทางขออนุญาตเป็นผู้ให้บริการออกแบบการลงทุน
นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. มีเป้าหมายให้ประชาชนเข้าถึงตลาดทุนอย่างทั่วถึง เพื่อเป็นแหล่งสะสมความมั่นคงทางการเงินระยะยาว แต่ที่ผ่านมา การได้รับคำแนะนำหรือการวางแผนทางการเงินมักจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง จึงมีแนวคิดทำโครงการ Wealth Advice for All ส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนมุ่งเน้นนำเสนอบริการให้คำแนะนำและวางแผนทางการเงินที่ประชาชนในวงกว้างเข้าถึงได้ง่ายด้วยต้นทุนที่ต่ำ ทั้งนี้ ก.ล.ต. ร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุน หารือหลักการ ตลอดจนวางกรอบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และประชาสัมพันธ์เป็นผู้ให้บริการออกแบบการลงทุน เพื่อผู้ที่ต้องการคำแนะนำและใช้บริการวางแผนทางการเงิน สามารถไปขอรับบริการได้ โดยหลักเกณฑ์ขอรับความเห็นชอบมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้ประกอบธุรกิจตัวกลางในตลาดทุนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ผู้ประกอบธุรกิจจัดการกองทุนรวม ธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล หรือที่ปรึกษาการลงทุน สามารถขอความเห็นชอบต่อ ก.ล.ต. เพื่อเป็นผู้ให้บริการออกแบบการลงทุนได้ โดยต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนด และมีความพร้อมให้บริการ ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการที่แสดงความสนใจเป็นผู้ให้บริการออกแบบการลงทุนกว่า 40 ราย ก.ล.ต. ยินดีให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่สนใจหรือประสงค์จะยื่นขอเป็น wealth advisor โดยสามารถติดต่อที่โทรศัพท์ […]
จีนลุยใช้หุ่นยนต์ AI ช่วยสอนเด็กอนุบาล
จีนมีการนำหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในโรงเรียนอนุบาล โดยหุ่นตัวนี้มีชื่อว่า Keeko ถูกนำมาใช้ในห้องเรียนเพื่อช่วยคุณครูสอนเด็กๆ ไชน่าเดลี่ รายงานว่า ในจีนนั้นไม่ได้ใช้หุ่นยนต์แค่ในโรงงานอุตสาหกรรมหรือบริษัทโลจิสติกส์ แต่ปัจจุบันมีการใช้หุ่นยนต์มากขึ้นในโรงเรียนอนุบาลเพื่อช่วยในห้องเรียน อ่างเช่น Keeko ที่ถูกใช้อยู่ใน 4 ชั้นเรียนของโรงเรียนอนุบาล Xingguo ในเซียะเหมิน ซึ่งอยู่ทางมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจีน Keeko เป็นหุ่นยนต์ยืน ความสูง 45 เซ็นติเมตร น้ำหนัก 4.5 กิโลกรัม โดย Yang Huizhen ครูที่โรงเรียนนี้ได้ป้อนข้อมูลเรื่องการคัดแยกขยะต่างๆ ใส่ให้กับหุ่นยนต์ Keeko แม้ในตอนแรกครูคนนี้จะกังวลว่าหุ่นยนต์จะมาแย่งงานของครูไป แต่สุดท้ายความกังวลนี้ก็หมดไป เพราะได้พบว่า หุ่นยนต์มาเป็นผู้ช่วยครูที่ดีในด้านการสอนเรื่องคัดแยกขยะตามสีของถัง ทั้งนี้ Keeko ถูกป้อนโปรแกรมให้มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 7 ขวบ สามารถร่วมเล่นเกม ร้องเพลง เต้น อ่านนิทาน รวมทั้งมีประโยคคำพูด หรือแม้กระทั่งทำโจทย์คณิตศาสตร์ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์สำหรับใช้ในโรงเรียนอนุบาลนั้น […]
ธปท.ชี้อุปสงค์ต่างชาติต่ออาคารชุดไทยเพิ่มยังไม่กระทบราคาซื้อ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกบทความ FAQ Issue ประจำเดือน ก.ค. ซึ่งเขียนโดย มณีรัตน์ ก้องเสียง เศรษฐกร สายนโยบายการเงิน ธปท. โดยได้สรุปสถานการณ์อุปสงค์ชาวต่างชาติต่ออาคารชุดไทย โดยระบุว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งมีส่วนช่วยทดแทนอุปสงค์ในประเทศที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ทำให้อาคารชุดคงค้างในตลาดไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก ซึ่งเป็นการซื้อเพื่ออยู่เองและลงทุนปล่อยเช่าเป็นหลัก ทั้งนี้ ยังไม่พบสัญญาณว่าอุปสงค์ชาวต่างชาติจะทำให้ราคาอาคารชุดเร่งขึ้นและกระทบความสามารถในการซื้ออาคารชุดของผู้ซื้อในประเทศ ขณะที่ภาคสถาบันการเงินไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ชาวต่างชาติมากนัก เนื่องจากข้อกำหนดของไทยไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้โดยเสรี ทางด้านความกังวลว่าผู้ประกอบการจะเปิดโครงการใหม่เพื่อเน้นขายลูกค้าต่างชาติมากเกินไป ซึ่งอาจกลายเป็นปัญหาอุปทานล้นตลาดในอนาคตได้หากเกิดภาวะช็อคกับอุปสงค์ชาวต่างชาตินั้น จากการประเมินพบว่าความกังวลดังกล่าวยังมีไม่มาก เนื่องจากผู้ประกอบการยังค่อนข้างระมัดระวังในการเปิดโครงการใหม่ และเน้นขายผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก สำหรับ อุปสงค์ชาวต่างชาตินี้ประเมินจากมูลค่าการซื้อเงินบาทของชาวต่างชาติเพื่อชำระค่าอาคารชุด และมูลค่าการถอนเงินจากบัญชีเงินบาทของชาวต่างชาติเพื่อซื้ออาคารชุด โดยพบว่า มูลค่าเงินโอนเพื่อซื้ออาคารชุดปี 2017 อยู่ที่ 70,758 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ซึ่งมี 53,259 ล้านบาท หรือขยายตัว 33% สูงกว่าการขยายตัวในปี 2012-2016 ที่เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี […]
รุกปั้นสตาร์ทอัพจัดการปัญหาหยุดหายใจขณะหลับ
Alphabet และ ResMed ผนึกกำลังปั้นสตาร์ทอัพที่จะมาแก้ปัญหาเรื่องภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นวิกฤตสุขภาพที่ซ่อนตัวอยู่ ซีเอ็นบีซี รายงานว่า มีประชากรหลักล้านคนมีภาวะหยุดภายใจขณะหลับ ซึ่งสถาบันรักษาด้านการนอนหลับในสหรัฐ ประเมินว่า การไม่ตรวจพบปัญหาคิดเป็นต้นทุน 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในสหรัฐประเทศเดียว ซึ่งต้นทุนนี้คิดจากการที่บุคคลสูญเสียผลิตภาพ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ Alphabet เป็นบริษัทในกลุ่ม Verily ที่มุ่งใช้เทคโนโลยีเข้าใจสุขภาพเพื่อป้องกันและจัดการกับโรค ได้ร่วมกับ ResMed ตั้งบริษัทใหม่ มุ่งเน้นด้านภาวะหยุดหายใจขณะหลับและโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Verily เป็นพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทที่ทำด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต โดย Verily ยังทำงานกับ Johnson & Johnson ทำ Verb Surgical พัฒนาหุ่นยนต์ผ่าตัดรุ่นต่อไปด้วย “สิ่งสำคัญ คือ ทำความเข้าใจ สร้างความตระหนักว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ ให้ผู้คนพบปัญหาเร็วและช่วยผู้เผชิญปัญหาได้ในระยะยาว” Jessica Mega หัวหน้าฝ่ายการแพทย์ Verily กล่าว Jason Graff […]
จับตาธุรกิจปล่อยกู้ระหว่างบุคคลในจีนอาจเหลือรอดไม่มาก
ลุ้น 1 ใน 9 บริษัทที่ให้บริการปล่อยกู้ระหว่างบุคคลสู่บุคคล (peer-to-peer lending) ในจีนเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้เมื่อหน่วยงานกำกับด้านการเงินของจีนยกระดับการตรวจสอบข้อมูลประเมินความเสี่ยงหลังที่ผ่านมาไม่ได้เข้ามาดูแลเรื่องนี้มากนัก ไชน่าเดลี่ รายงานว่า Pan Gongsheng รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า รัฐบาลจีนวางแผนจัดการอย่างจริงจังกับกิจกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตซึ่งขัดต่อกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานกำกับก่อนขยายวงกว้างไปกว่านี้ โดยการกวาดล้างเกิดขึ้นหลังพบว่ามีนักลงทุนถูกหลอกลวงเสียเงินมหาศาลในวงจรนี้ ก่อนหน้านี้ Sun Guofeng หัวหน้าสถาบันวิจัยของธนาคารกลางจีน ออกมาเตือนว่าความเสี่ยงทางด้านการเงินได้ขยายวงจากภาคธุรกิจแบบดั้งเดิมไปสู่ตลาดเกิดใหม่อย่างฟินเทค และความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพราะมีการปล่อยสินเชื่อออนไลน์ข้ามภูมิภาค “ฝ่ายกำกับในท้องถิ่นควรจะปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น คลาวด์ คอมพิวติ้ง เพื่อการป้องกันและจัดการกับความเสี่ยงทางการเงินแบบข้ามตลาด” Sun Guofeng กล่าว Huang Yiping หัวหน้าสถาบันวิจัยการเงินดิจิทัลของมหาวิทยาลัย Peaking กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาจำนวนบริษัทที่ให้บริการปล่อยสินเชื่อในลักษณะ peer-to-peer lending เติบโตก้าวกระโดดมากและได้กำไรเนื่องจากการที่ประเทศยังไม่มีกฎระเบียบที่เหมาะสมมาควบคุม อย่างไรก็ตามมีหลายบริษัทที่อาจจะนำพาธุรกิจให้อยู่รอดได้ยากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากการจัดระเบียบครั้งใหญ่บวกกับแรงกดดันจากปัญหาสภาพคล่องและการคาดการณ์ว่าจะมียอดคนถอนเงินออกจำนวนมาก ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญซึ่งอยู่ในสถาบันการเงินทางอินเทอร์เน็ตชั้นนำ กล่าวว่า จำนวนบริษัทอาจจะเหลือแค่ 200-300 บริษัทก็ได้ ขณะที่สถิติจากบริษัทที่เก็บข้อมูลการปล่อยสินเชื่อออนไลน์ พบว่า ที่ผ่านมาจากที่แพลตฟอร์มปล่อยสินเชื่อออนไลน์เคยมีจำนวนมากกว่า 6,000 […]