100 บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่จีนทุ่มงบวิจัยพัฒนารวมกันกว่า 1.5 แสนล้านหยวน
ไชน่าเดลี รายงานว่า บริษัทอินเทอร์เน็ต 100 อันดับแรกของจีนต่างเพิ่มการใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อขับเคลื่อนพวกเขาสู่การเป็นผู้เล่นลำดับต้นระดับนานาชาติ และเป็นการเดินตามแนวทางของจีนที่ต้องการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลเติบโต ทั้งนี้ จากรายงานที่จัดทำโดยสมาคมอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีนและศูนย์ข้อมูลร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน ระบุว่า ได้จัดเก็บตัวเลขการใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาของบริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ในจีน 100 อันดับแรก นำโดยอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ในปี 2018 พบว่า สูงสุดเท่าที่เคยมี โดยอยู่ที่ 153,870 ล้านหยวน (21,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า Jiao Xulu เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน กล่าวว่า บริษัทอินเทอร์เน็ตในจีนกำลังสร้างความก้าวหน้าด้านวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันกับผู้เล่นระดับนานาชาติ ด้านคลาวด์ คอมพิวติ้ง บิ๊ก ดาต้า ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเทคโนโลยีอื่นๆ “โดยเฉลี่ยแล้วปี 2018 พวกเขาลงทุนกับงานวิจัยและพัฒนาประมาณ 10% ของรายได้ และในจำนวน 100 บริษัทแรก มี […]
สหรัฐเลื่อนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นเดือน ธ.ค. นี้ หวังกระตุ้นใช้จ่ายช่วงเทศกาลวันหยุดยาว
รายงานข่าวจากซีเอ็นบีซี ระบุว่า สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ออกมายืนยันว่า สหรัฐได้เลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. 2019 จากเดิมที่จะเรียกเก็บวันที่ 1 ก.ย. นี้ นอกจากนี้ USTR ยังถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ พร้อมระบุเหตุผลจากปัจจัยด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10% โดยสินค้าที่ถูกถอดออกจากรายชื่อ ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ เครื่องนุ่งห่ม และวิดีโอเกม ของเล่น เป็นต้น จากการประกาศของ USTR ในครั้งนี้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดในแดนบวก โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กล่าวถึงเหตุผลสำคัญในการชะลอภาษีและถอดสินค้าบางรายการออกจากบัญชีในครั้งนี้ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนชาวสหรัฐ ในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งการตัดสินใจของเขาครั้งนี้จะสามารถช่วยผู้คนได้อย่างมากมาย ทั้งนี้ นายสตีเว่น มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ได้พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ กับรองประธานาธิบดีหลิว เหอของจีน เพื่อกำหนดวันเจรจาทางการค้ารอบใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นที่สหรัฐ […]
เปิดรายชื่อ 10 ประเทศที่รายได้ฟรีแลนซ์เติบโตมากที่สุดในโลก
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า จากการที่เทคโนโลยีทำให้บุคคลสร้างรายได้ได้ง่ายขึ้น ทำให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือ ฟรีแลนซ์ ที่เป็นวัยหนุ่มสาวเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเอเชีย โดยจากรายงานล่าสุดขของ Payoneer แพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัล ระบุว่า ตลาดฟรีแลนซ์ทั่วโลกเติบโตเร็วมาก และยังมาเปลี่ยนลักษณะการทำงานด้วย ทั้งนี้ พบว่า กิ๊ก อีโคโนมี หรือการทำงานรูปแบบใหม่ในโลกดิจิทัลของสหรัฐเติบโตเร็วที่สุดในปี 2019 โดยพบว่า กลุ่มฟรีแลนซ์สามารถสร้างรายได้ได้เพิ่มขึ้นถึง 78% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยข้อมูลนี้อ้างอิงมาจากดัชนีกิ๊ก อีโคโนมีทั่วโลกที่เผยแพร่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมาจากการศึกษาข้อมูลคนทำงานที่เป็นฟรีแลนซ์กว่า 300,000 คน ที่อยู่ในเครือข่ายของ Payoneer สำหรับประเทศถัดมาที่การทำงานรูปแบบใหม่นี้เติบโตเร็วที่สุดในโลกรองจากสหรัฐ คือ อังกฤษ และบราซิล โดยพบว่า รายได้ฟรีแลนซ์ปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 59% และ 48% ตามลำดับ ส่วนในเอเชียก็เป็นอีกภูมิภาคที่รายได้ฟรีแลนซ์เติบโตดี เมื่อเรียงลำดับ 10 ประเทศที่รายได้จากตลาดฟรีแลนซ์เติบโตมากที่สุดในโลกปีนี้ ได้แก่ 1.สหรัฐ รายได้ฟรีแลนซ์ เติบโต 78% […]
จับตาบราซิลจัดประมูลคลื่นความถี่สำหรับ 5G ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกต้นปีหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ผู้บริหารอาวุโสของโนเกีย ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมจากฟินแลนด์ คาดการณ์ว่า บราซิลจะเป็นเจ้าภาพจัดการประมูลคลื่นความถี่ 5G ครั้งใหญ่ที่สุดโลก ในปีหน้า หลังจากที่โนเกียเป็นพันธมิตรกับ Antel ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่ดำเนินการโดยรัฐในอุรุกวัย เพื่อให้บริการเครือข่าย 5G ในละติน อเมริกาเป็นครั้งแรก โนเกียก็เตรียมเข้าไปบุกตลาดบราซิลต่อ เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้ “เราเห็นว่าฝ่ายการเมืองจะจัดการประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2020 เราคิดว่าสมาร์ทโฟน 5G น่าจะเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ในช่วงคริสมาสต์ของบราซิลในปีหน้า” Wilson Cardoso ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของโนเกีย ในละติน อเมริกา กล่าว Anatel หน่วยงานกำกับโทรคมนาคมของบราซิล ยังอยู่ระหว่างกำหนดเกณฑ์การประมูล หลังจากตัดสินใจเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า คลื่นความถี่ 2.3 กิกะเฮิรตซ์ และ 3.5 กิกะเฮิรตซ์ จะนำมาจัดสรรเพื่อเครือข่าย 5G ส่วนคลื่นความถี่อื่น เช่น 26 กิกะเฮิรตซ์ และ 700 เมกะเฮิรตซ์ […]
จีนระงับซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐตอบโต้ที่ ‘ทรัมป์’ ขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า จีนยืนยันระงับการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้จากกรณีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรอบใหม่ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมายืนยันว่า บรัทจีนได้หยุดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐเพื่อเป็นการตอบโต้ที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะจัดเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าของจีนที่เหลืออีก 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ “นี่เป็นการละเมิดที่ร้ายแรงจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุผ่านแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามทางหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จะยังไม่จัดเก็บภาษีกับสินค้าเกษตรใหม่ที่จะซื้อหลังจากวันที่ 3 ส.ค. จีนถือเป็นผู้ซื้อสินค้าเกษตรรายใหญ่ของสหรัฐ โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนอาจจะหยุดนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐโดยสมบูรณ์แบบเพื่อตอบโต้การปรับขึ้นภาษีรอบใหม่ที่สหรัฐดำเนินการ และอาจพิจารณาเก็บภาษีสินค้าเกษตรของสหรัฐที่ซื้อมาแล้วด้วย เรื่องราวนี้ส่งผลกระทบทำให้ตลาดเกิดความกังวล ผลักดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงแย่ที่สุดในรอบปี โดยหลังจากจีนยืนยันการระงับสั่งซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐได้เพิ่มแรงกดดันในตลาดหุ้น ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สก็ตกลงเช่นกันในวันจันทร์ ทั้งนี้ภาคการเกษตรของสหรัฐถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในสงครามการค้า ประธานาธิบดีสหรัฐพยายามผลักดันให้จีนซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐจำนวนมาก ในช่วงที่เขาพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ในการประชุม G20 เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นทรัมป์ออกมาประกาศว่า จีนไม่ได้ทำตามข้อตกลง พร้อมประกาศจัดเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจีนที่เหลืออีก 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ จีนยังมีการจัดการค่าเงินของตัวเอง ส่งผลให้เงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงไปอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบมากกว่า 10 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หัวเว่ยเริ่มทดสอบสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการซึ่งสร้างขึ้นเองแล้ว คาดออกขายได้ปีนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ออกมาเปิดเผยว่า ได้ทดสอบสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ “หงเหมิง” ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเองแล้ว โดยคาดว่าสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการหงเหมิงมีโอกาสจะนำออกขายได้จริงภายในสิ้นปีนี้ การเปิดตัวสมาร์ทโฟนซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการหงเมิงครั้งนี้ เป็นก้าวที่สำคัญของหัวเว่ย บริษัทจีนซึ่งมีฐานะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลก หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเคยคุกคามหัวเว่ยในการเข้าถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล สำนักข่าวรอยเตอร์ส ยังอ้างอิงข้อมูลที่แหล่งข่าวเปิดเผยกับเดอะ โกลบอล ไทม์ส ว่า สมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการหงเหมิง โดยคาดว่าจะมีราคาประมาณ 2,000 หยวน หรือ 288 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะทำให้สมาร์ทโฟนนี้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อระดับรองในตลาดสมาร์ทโฟน ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ย ออกมาอธิบายเกี่ยวกับหงเหมิงว่า เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกออกแบบมาเพื่อผลิตภัณฑ์อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงค์ (IoT) โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาบริษัทระบุว่า อุปกรณ์เครื่องแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการหงเหมิง น่าจะอยู่ในสายการผลิตสมาร์ททีวีแบรนด์ Honor
ไอเอ็มเอฟแนะอินโดนีเซียปฏิรูปโครงสร้างเน้นเพิ่มการพึ่งพาในประเทศหนุนเศรษฐกิจเติบโต
เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า คณะกรรมการบริหาร กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาให้ความเห็นชื่นชมฝ่ายนโยบายของอินโดนีเซียว่าสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ภายนอกที่ถาโถมในปี 2018 ได้เป็นอย่างดี เป็นแรงสนับสนุนที่ทำให้เศรษฐกิจมีผลการดำเนินงานในเชิงบวก นอกจากนี้ ยังให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าด้วยว่า แนวโน้มหน่วยงานกำกับยังคงต้องระมัดระวังความเสี่ยง โดยเฉพาะด้านการไหลของเงินทุน เพราะอินโดนีเซียพึ่งพิงเงินทุนจากภายนอกประเทศมาก ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยในรายงานเศรษฐกิจอินโดนีเซีย โดยระบุว่า กรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า หากต้องการให้เศรษฐกิจของประเทศมีศักยภาพในการเติบโตสูงจะต้องมีแพ็กเกจปฏิรูปโครงสร้าง ไม่ว่าจะเป็นเพิ่มรายได้ในประเทศ การจัดหาเงินทุนในประเทศ เพื่อช่วยลดความผันผวน รวมทั้งมีการอำนวยความสะดวกในการปฏิรูปทรัพยากรบุคคล โครงสร้างพื้นฐาน แรงงาน และผลิตภัณฑ์ในตลาด ไอเอ็มเอฟ ยังระบุว่า คณะกรรมการไอเอ็มเอฟ คาดการณ์เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะเติบโตได้อย่างมั่นคงที่ 5.2% ในปีนี้ และปีหน้า รวมทั้งขยับขึ้นเป็น 5.3% ในระยะกลาง ภายใต้เงื่อนไขการเพิ่มความต้องการในประเทศให้มากขึ้น
อังกฤษตั้งงบ 2.1 พันล้านปอนด์ เตรียมพร้อมเบร็กซิท
รายงานข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส ระบุว่า อังกฤษกำลังเตรียมการเกี่ยวกับการออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) หากไม่มีข้อตกลง โดยเตรียมงบประมาณเพิ่มอีก 2.1 พันล้านปอนด์ (2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศออกจากสหภาพยุโรป ไม่ว่าจะเป็นแบบมีหรือไม่มีข้อตกลงในปลายเดือน ต.ค. นายซาจิด จาวิด (Sajid Javid) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษ ประกาศงบประมาณเพื่อเตรียมพร้อมรับมือการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิทแบบไม่มีข้อตกลง วงเงิน 2.1 พันล้านปอนด์ นายจาวิด กล่าวว่า จะใช้งบประมาณ 1.1 พันล้านปอนด์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่สำคัญๆ ทันทีหลังการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 31 ต.ค. ขณะที่เงินอีก 1 พันล้านปอนด์ มีไว้เพื่อใช้กระตุ้นการดำเนินงานในปีนี้หากจำเป็น ทั้งนี้ การใช้จ่ายเงินที่เพิ่มขึ้นสองเท่าในการเตรียมพร้อมสำหรับข้อตกลงเบร็กซิทที่ไม่มีทางออกในปีนี้ หลักๆ จะอยู่ที่เงินซึ่งนำไปใช้สนับสนุนการโฆษณาทั่วประเทศ ช่วยเหลือชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ รวมถึงการจัดหายาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เร่งการเตรียมพร้อมบริเวณรอบๆ ชายแดนอังกฤษ เขายังระบุว่า งบประมาณดังกล่าวจะช่วยให้เกิดความมั่นใจได้ว่า รัฐบาลได้เตรียมการดำเนินงานที่สำคัญทั่วประเทศแล้ว เนื่องจากอังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ […]
อังกฤษประชุมร่วมรมว.ต่างประเทศอาเซียนหวังเพิ่มโอกาสการค้า
เดอะ จาการ์ตา โพสต์ รายงานว่า Dominic Raab รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ วางแผนเดินทางมาประชุมร่วมกับประเทศอาเซียน 10 ประเทศ เพื่อมองหาโอกาสการค้าใหม่ๆ รวมทั้งเพิ่มความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ทางการทูตก่อนที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรป Raab ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ บอริส จอห์นสัน โดยเขาจะใช้การเดินทางไปเยือนนานาประเทศครั้งแรกของเขาในตำแหน่งนี้เพื่อประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นในกรุงเทพฯ “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการค้าของเรามุ่งเน้นที่ยุโรป เราต้องการขยายขอบเขตของเรา ค้นหาโอกาสจากทั่วโลกสำหรับอังกฤษ ซึ่งภูมิภาคอาเซียนนั้นมีมูลค่าการค้ากับอังกฤษสูงถึง 36,000 ล้านปอนด์ (43,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี และมีโอกาสเพิ่มการค้าระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภคของอังกฤษ” เขา กล่าว ในแถลงการณ์เกี่ยวกับการมาเยือนอาเซียนครั้งนี้ สำหรับประเทศอาเซียน ประกอบด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม
มณฑลเจ้อเจียงเป็นจุดหมายเนื้อหอมที่ต่างชาติแห่ลงทุนช่วงครึ่งปีแรก
ไชน่าเดลี รายงานว่า มณฑลเจ้อเจียง ได้กลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนต่างชาติไปแล้วในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากการยกระดับอย่างรวดเร็วด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ การดำเนินงานของภาครัฐ และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม กรมการพาณิชย์ของมณฑลเจ้อเจียง ระบุว่า พื้นที่นี้กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนต่างชาติ โดยพบว่า มียอดลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ แซงหน้าจังหวัดชายฝั่งทะเลจังหวัดอื่นๆ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สำหรับยอดลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมายังเจ้อเจียง อยู่ที่ 6,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศอยู่ 1.3% ขณะเดียวกันยังคิดเป็น 9.8% ของยอดลงทุนโดยตรงจากต่างชาติทั้งประเทศด้วย “การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเป็นสิ่งที่ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของเราเพิ่มขึ้น” Zhu Congjiu รองผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง กล่าว เขา กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้มณฑลเจ้อเจียงกำลังมองไปข้างหน้าเกี่ยวกับแนวทางลดภาษีและต้นทุนสำหรับบริษัท ปรับปรุงกระบวนการบริหาร และการทำให้เกิดความสะดวกมากขึ้นในการปฏิบัติตามกฎหมายการลงทุน ทั้งนี้ พบว่า มีกว่า 10 บริษัท จากกลุ่มฟอร์จูน 500 หรือบริษัทที่มูลค่าตลาดมากที่สุดในโลก 500 อันดับแรก ที่เข้ามาในมณฑลเจ้อเจียง ช่วงครึ่งปีแรก […]