ดอลลาร์อาจอ่อนค่าในปี 2567 โพลชี้สกุลเงินสหรัฐจะร่วงลงเมื่อเทียบ G10 ในครึ่งปีหลัง

ดอลลาร์อาจอ่อนค่าในปี 2567 โพลชี้สกุลเงินสหรัฐจะร่วงลงเมื่อเทียบ G10 ในครึ่งปีหลัง

การปรับแกนนโยบายสำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ มาเป็นสายพิราบ (dovish) หรือผ่อนคลายทางการเงินในเดือน ธ.ค.ได้สนับสนุนกรณีการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐให้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่ปี 2567 แม้ว่าความเข้มแข็งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจำกัดการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากทะยานสูงสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษ จากการกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ค่าเงินของสหรัฐฯ ได้เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป็นส่วนใหญ่ในปีนี้ จากการกลับมาของการเติบโตของสหรัฐฯ ที่ยืดหยุ่นกลับคืนสู่สภาพเดิม และการให้คำมั่นของธนาคารกลางจะยังคงรักษาต้นทุนการกู้ยืมให้สูงขึ้น การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งที่ไม่ได้คาดไว้ หลังจากประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งประวัติศาสตร์ซี่งได้นำพาอัตราดอกเบี้ยไปสู่ระดับสูงสุดของเฟดในรอบหลายทศวรรษนั้น น่าที่จะจบลงแล้ว เนื่องจากการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ผู้กำหนดนโยบายในขณะนี้ คาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.75% ในปีหน้า อัตราดอกเบี้ยที่ร่วงลงโดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นแรงต้านสำหรับเงินดอลลาร์ ทำให้สินทรัพย์ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมีความน่าดึงดูดน้อยลงต่อนักลงทุนที่แสวงหาอัตราผลตอบแทน ถึงแม้ว่านักกลยุทธ์ได้คาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงในปีหน้า ซึ่งความรวดเร็วของการหั่นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นอาจจะเร่งให้มีการปรับตัวลดลงของเงินดอลลาร์  การเดิมพันต่อการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ยังคงเป็นการดำเนินการที่ไม่น่าปลอดภัยในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และนักลงทุนบางส่วนได้ระมัดระวังการดำเนินการก่อนช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอุปสรรคต่อนักลงทุนที่มองในขาลง (bearish) ของเงินดอลลาร์ โพลของรอยเตอร์ที่สำรวจนักกลยุทธ์ 71 รายเมื่อต้นเดือน […]

สื่อนอกตีข่าว ‘กสิกรไทย’ รุกตลาดคริปโท หนุนบริษัทระดมทุน ’โทเคนดิจิทัล’

สื่อนอกตีข่าว ‘กสิกรไทย’ รุกตลาดคริปโท หนุนบริษัทระดมทุน ’โทเคนดิจิทัล’

สื่อนอกตีข่าว ‘กสิกรไทย’ รุกตลาดคริปโท เพื่อสนับสนุนให้เป็นเส้นทางการระดมทุนของบริษัทต่างๆ ผ่าน ’โทเคนดิจิทัล’ หลังจากเห็นศักยภาพของตลาดคริปโท ซึ่งย้อนแย้งกับทิศทางธุรกิจของสถาบันการเงินหลายแห่งที่ยังไม่เปิดรับคริปโทอย่างเต็มที่ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (bloomberg) รายงานถึงธนาคารกสิกรไทย ธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย กําลังพัฒนาระบบนิเวศ ”สินทรัพย์ดิจิทัล” เพื่อเปิดโอกาสเส้นทางการระดมทุนสําหรับบริษัทต่างๆ ขณะที่สถาบันการเงินที่เป็นแหล่งเงินกู้ใหญ่ๆทั่วโลกยังคลางแคลงใจกับ ”คริปโท” เมื่อไม่นานมานี้ กสิกรไทยเข้าซื้อแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล Satang Corp. ซึ่งได้รับอนุญาตจาก สำนักงานก.ล.ต.ในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ที่ต่างจากผู้ให้กู้รายอื่นๆ โดยธนาคารมีแผนกที่ดูแลเรื่องเทคโนโลยีบล็อกเชนและบริการดูแลสําหรับโทเคนเสมือน พิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ให้สัมภาษณ์ว่า “ธนาคารกําลังแนะนําให้ลูกค้าบางรายออกโทเคนสําหรับการระดมทุน หลังจากที่เห็นศักยภาพในตลาดนี้ ทำให้ธนาคารจริงจังกับการพัฒนาระบบนิเวศของ digital-asset ที่จะคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มดั้งเดิมที่มีอยู่” บริษัทไทยกําลังก้าวสู่โอกาสในสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากตลาดคริปโทกำลังปรับตัวขึ้น หลังจากตลาดขาลงตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ยังเปิดรับเทคโนโลยีบล็อกเชนและได้มีนโยบายใช้ดิจิทัลวอลเล็ตเพื่ออํานวยความสะดวกในการแจกเงินสดมูลค่ากว่า 5.6 แสนล้านบาท โทเคนดิจิทัลต้นทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม  พิพิธไม่ได้ระบุว่า บริษัทใดได้รับคําแนะนําให้ออกเสนอขายโทเคน แต่เสริมว่า บริษัทเหล่านี้คุ้มค่ากว่าการใช้เงินกู้หรือการขายหุ้น รวมทั้งจะให้ผลตอบแทน โดย ก.ล.ต. หน่วยงานกํากับดูแลหลักทรัพย์ของไทยได้กําหนดนโยบายสําหรับการเสนอขายเหรียญโทเคนดิจิทัล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งภายใต้พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งธนาคารกสิกรไทยได้รับใบอนุญาตในการดำเนินกิจการและบางส่วนกำลังอยูระหว่างการอนุมัติ ตัวอย่างเช่น เมื่อปีที่แล้ว หน่วยของ Grammy Entertainment ร่วมกับ Broadcast Thai Television พยายามระดมทุนมากถึง 265 ล้านบาท (7.6 ล้านดอลลาร์) จากการเสนอโทเคนเพื่อช่วยสนับสนุนการลงทุนในภาพยนตร์ การเสนอขายเหรียญเฟื่องฟูทั่วโลกในปี 2560 แต่มูลค่าของโทเคนจํานวนมากล้มเหลวในเวลาต่อมา จากผลกระทบตลาดคริปโทขาลง ตามข้อมูลเผยว่าในเดือน พ.ย.2566 มีบัญชีซื้อขายคริปโทที่ใช้งานอยู่ประมาณ 116,000 บัญชี เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดประมาณ 700,000 บัญชีในช่วงยุคเฟื่องฟูของสินทรัพย์ดิจิทัล ในช่วงการระบาดใหญ่ในปี 2564 ไม่เพียงแค่ธนาคารเท่านั้นที่เข้ามาในตลาดคริปโท โครงการคริปโทอื่นๆ ของไทยยังได้รับความสนใจ จาก สารัชถ์ รัตนาวะดี เจ้าของ Gulf Energy Development Pcl ผู้นำอุตสาหกรรมพลังงานและแชมป์มหาเศรษฐีไทยที่กังจะร่วมมือกับ Binance ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเริ่มดำเนินการแพลตฟอร์มคริปโทในประเทศไทย ความเสี่ยงด้านคริปโท ด้านธนาคารกสิกรไทยจะปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่าง “ระมัดระวัง” พิพิธ กล่าว พร้อมเสริมว่า “ด้วยการกํากับดูแลที่เหมาะสมในหลายประเทศ ถึงเวลาแล้วสําหรับการขยายตัวที่ดีต่อองค์กร” เมื่อเดือนที่แล้ว Binance สารภาพกับการต่อต้านการฟอกเงินและการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และถูกลงโทษด้วยค่าปรับ 4.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเสี่ยงที่ทําให้ตลาดคริปโทเผชิญกับความกดดัน รัฐบาลต่างๆ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ดูไบ และสหภาพยุโรป กําลังพยายามส่งเสริมสินทรัพย์ดิจิทัล และสหรัฐเข้มงวดกับคริปโทมากขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินทั่วโลก เช่น JPMorgan Chase & Co, HSBC Holdings Plc และ Franklin Templeton กําลังเริ่มต้นอย่างระมัดระวังในระบบใหม่ที่สร้างขึ้นจากบล็อกเชน แต่คงต้องรอดูกันต่อไปการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะเติบโตได้เร็วแค่ไหน ที่มา: บลูมเบิร์ก

ทุนอินเดียบุก Devyani International ทุ่ม 4.5 พันล้าน ซื้อ RD แฟรนไชส์ KFC ในไทย

ทุนอินเดียบุก Devyani International ทุ่ม 4.5 พันล้าน ซื้อ RD แฟรนไชส์ KFC ในไทย

วันที่ 19 ธันวาคม RD หรือ Restaurants Development หนึ่งในผู้บริหารแฟรนไชส์ของ KFC ในประเทศไทย ซึ่งมีสาขา 274 สาขา ประกาศผนึกพันธมิตรใหม่ Devyani International DMCC บริษัทในเครือ Devyani International Limited หรือ DIL หวังช่วยสปีดสาขา โดย RD ระบุว่า กลุ่มบริษัท DIL ในประเทศอินเดียเป็นกลุ่มบริหารจัดการขนาดใหญ่ในสายธุรกิจ QSR/LSR ให้กับแบรนด์ระดับโลก อย่าง KFC, Pizza Hut, Costa Coffee และกลุ่มธุรกิจในเครือ โดยมีเครือข่ายสาขามากกว่า 1,350 แห่งทั่วโลก ในความร่วมมือนี้ Devyani International DMCC บริษัทในเครือ Devyani International Limited (DIL) เซ็นสัญญาลงทุนในบริษัท RD เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนธุรกิจ QSR ในประเทศไทย […]

Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เหลือ 70-90 ดอลล์/บาร์เรล ในปี 67

Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เหลือ 70-90 ดอลล์/บาร์เรล ในปี 67

Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เหลือ 70-90 ดอลล์/บาร์เรล ในปี 67 ผลพวงจากการผลิตที่แข็งแกร่งจากสหรัฐอเมริกาจะช่วยลด upside ของราคาน้ำมัน วันที่ 18 ธันวาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Goldman Sachs ปรับลดคาดการณ์ “ราคาน้ำมันดิบเบรนท์” (Brent) ในปี 2567 ลง 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือระหว่าง 70-90 ดอลลาร์ โดยกล่าวว่า การผลิตที่แข็งแกร่งจากสหรัฐอเมริกาจะช่วยลด upside ของราคาน้ำมันได้ นักวิเคราะห์ Goldman Sachs กล่าว เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2566 ว่า “เรายังคงมองหาราคาที่มีขอบเขตจำกัดและมีความผันผวนของราคาในระดับปานกลางเท่านั้นในปี 2567 กำลังการผลิตสำรองที่เพิ่มขึ้นเพื่อรับมือกับแรงกระแทกที่ตึงตัวควรจำกัดการเคลื่อนไหวของราคาขาขึ้น” ขณะนี้ Goldman Sachs คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะฟื้นตัวสู่จุดสูงสุดที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในเดือนมิถุนายน 2567 และจะเฉลี่ยอยู่ที่ […]

ญี่ปุ่นปรับครม.ครั้งใหญ่ หลังคะแนนนิยมรัฐบาลดิ่งเป็นประวัติการณ์

ญี่ปุ่นปรับครม.ครั้งใหญ่ หลังคะแนนนิยมรัฐบาลดิ่งเป็นประวัติการณ์

คะแนนนิยมของคณะรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ลดลงเหลือร้อยละ 17.1 ในเดือนธันวาคม ต่ำที่สุดนับตั้งแต่พรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี กลับมาบริหารประเทศอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2012 หลังเหตุอื้อฉาวเรื่องการเงินและสินบนของคนในรัฐบาล จนต้องปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ ผลสำรวจความเห็นประชาชนที่จัดทำ โดยสำนักข่าวจิจิ เพรส ระหว่างวันศุกร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา และเผยแพร่ผลการสำรวจในวันนี้พบว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลลดลงเหลือร้อยละ 17.1 ในเดือนธันวาคม ลดลง 4.2 จุดเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อเดือนพฤศจิกายน และยังเป็นครั้งแรกที่คะแนนนิยมลดลงไปต่ำกว่าร้อยละ 20 นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2009 โดยในตอนนั้นรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทาโร อาโสะ ได้รับคะแนนสนับสนุนเพียงร้อยละ 13.4 สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายกรัฐมนตรี คิชิดะ ต้องขยับปรับคณะรัฐมนตรีเป็นรอบที่ 3 ภายในระยะเวลา 16 เดือน หลังจากเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำญี่ปุ่น นายอิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่โฆษกรัฐบาลประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่รัฐมนตรี […]

COP28 บรรลุข้อตกลง ลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

COP28 บรรลุข้อตกลง ลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ผู้แทนจากเกือบ 200 ประเทศเห็นพ้องกับข้อตกลงในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP 28 เมื่อวันพุธที่นครดูไบ เรื่องเริ่มลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกและให้ใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพี รายงานว่า ผู้แทนจาก เกือบ 200 ประเทศเห็นพ้องในข้อตกลงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประ ชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันพุธที่ 13 ธันวาคม 2566 ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากการเจรจาที่ดำเนินมาเกือบ 2 สัปดาห์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งสัญญาณอันทรงพลังไปยังนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายว่าโลกเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความปรารถนาที่จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล สุลต่านอัล จาเบอร์ ประ ธาน COP28 เรียกข้อตกลงนี้ว่าเป็นข้อตกลงประวัติศาสตร์ แต่เสริมว่าความสำเร็จที่แท้จริงของข้อตกลงนี้อยู่ที่การนำไปปฏิบัติ เขากล่าวกับที่ประชุมเมื่อวันพุธว่า เราเป็นสิ่งที่เราทำ ไม่ใช่สิ่งที่เราพูด เราต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อเปลี่ยนข้อตกลงนี้ให้เป็นการกระทำที่จับต้องได้ สุลต่านอัล จาเบอร์ กล่าวว่า โลกจำเป็นต้องค้นหาวิธีการใหม่และโดยการติดตามดาวเหนือของเรา เราก็พบเส้นทางใหม่ เขากล่าวอ้างถึงเป้าหมายในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยไม่ให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ข้อตกลงในที่ประชุม […]

กูรูคาด ปี 67 ‘นักลงทุนจีน’ เน้นปลอดภัย ‘หุ้นกลุ่มสุขภาพ-การแพทย์’ มาแรง

กูรูคาด ปี 67 ‘นักลงทุนจีน’ เน้นปลอดภัย ‘หุ้นกลุ่มสุขภาพ-การแพทย์’ มาแรง

ผู้เชี่ยวชาญคาด ในปี 2567 นักลงทุนในตลาดหุ้นจีนจะเข้าซื้อหุ้นปลอดภัย (defensive sectors) หรือหุ้นที่สามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี หลังจากตลาดหุ้นจีนทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในโลกถึง 3 ปีซ้อน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญในแวดวงตลาดหุ้นประเมินว่า หุ้นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มปลอดภัยและคาดว่าจะได้แรงซื้ออย่างคึกคักในปีหน้านั้น ได้แก่ หุ้นกลุ่มสุขภาพ กลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ กลุ่มบริษัทส่งออกชิ้นส่วนสำคัญสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า กลุ่มการผลิตที่ทันสมัย และหุ้นของบริษัทข้ามชาติ เช่น พีดีดี โฮลดิ้งส์ (PDD Holdings) รายงานระบุว่า การคาดการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มตลาดหุ้นจีนในปีหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักซึ่งรวมถึงมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มที่จะทำผลงานได้ดีกว่าดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ นายหวัง ชิง ประธานบริษัทเซี่ยงไฮ้ ฉงหยาง อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ กล่าวว่า “หลังจากที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เราก็ได้ลดการลงทุนในหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อวัฏจักรเศรษฐกิจมหภาค และขณะนี้เรากำลังหันไปซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยที่ให้เงินปันผลสูง เช่น กลุ่มนวัตกรรมทางการแพทย์ซึ่งสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และกลุ่มการผลิตที่ทันสมัยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน” ดัชนี CSI300 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นบลูชิปในตลาดหุ้นจีน ร่วงลงไปแล้วกว่า 12% นับตั้งแต่ต้นปี 2566 สวนทางกับดัชนีหุ้นโลกที่ดีดตัวขึ้น 15% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และตลาดมีความกังวลมากขึ้นหลังจากมูดี้ส์ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของจีนลงสู่เชิงลบ จากมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดี […]

ผู้ผลิตรถหันฟื้นตลาด ‘ไฮบริด’

ผู้ผลิตรถหันฟื้นตลาด ‘ไฮบริด’

ผู้ผลิตรถหันฟื้นตลาด ‘ไฮบริด’ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคเปลี่ยนผ่านอีวี ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ รายใหญ่จึงพากันปรับตัวมาพบกันครึ่งทางกับผู้บริโภคด้วยรถยนต์ “ไฮบริด” ซีเอ็นบีซี รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายกำลังหันมาฟื้นตลาด ไฮบริดอีกครั้ง ทั้งในกลุ่มรถเก๋งซีดานและรถบรรทุก ทั้งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคและหลีกเลี่ยงมาตรการลงโทษของรัฐ ซึ่งกำลังเน้นเรื่องเศรษฐกิจสีเขียวที่ตอบโจทย์ เรื่องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจุบันยอดขายรถไฮบริดคิดเป็นสัดส่วนราว 8.3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.2 ล้านคัน ตั้งแต่เดือน ม.ค. – พ.ย. 2566 โดยคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 2.8% เมื่อเทียบปีที่แล้ว แม้ว่าการฟื้นตลาดไฮบริดจะเป็น การขัดกับกลยุทธ์ที่บริษัทรถยนต์ต่างๆ ทุ่มลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับ อีวีมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับที่รัฐบาลประเทศต่างๆ เดินหน้าเข็นมาตรการสนับสนุนรถยนต์อีวี และรถยนต์พลังงานใหม่ (เอ็นอีวี) กันออกมาอย่างเต็มที่ ทว่ารถไฮบริดที่เป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างเครื่องยนต์สันดาปกับแบตเตอรี่อีวี ก็พอจะช่วยเรื่องลดการปล่อยก๊าซ เรือนกระจกหรือการใช้รถน้ำมันแบบ 100% ลงไปได้บ้าง ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ที่กระแสรถอีวีชะลอตัวลง จากรายงานของเอ็ดมันส์ ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลด้านวงการยานยนต์พบว่า ยอดขายรถยนต์ไฮบริดแบบดั้งเดิม […]

โกลด์แมน แซคส์คาด ECB หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ทุกเดือนเริ่มตั้งแต่ เม.ย.ปีหน้า

โกลด์แมน แซคส์คาด ECB หั่นดอกเบี้ยลง 0.25% ทุกเดือนเริ่มตั้งแต่ เม.ย.ปีหน้า

ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมทุกเดือนตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567 เป็นต้นไป “เราคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB จะลดลงสู่ระดับ 2.25% ภายในต้นปี 2568 จากระดับปัจจุบันที่ระดับ 4% และเรามองว่าเดือนเม.ย. 2567 จะเป็นเดือนที่ ECB เริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาการที่เราคาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่อัตราค่าจ้างปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจะมีข้อมูลเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนชะลอตัวลง” ทีมนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานที่มีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. 2567 หลังจากนางอิซาเบล ชนาเบล ซึ่งเป็นกรรมการสายเหยี่ยวใน ECB กล่าวว่า ECB สามารถตัดทางเลือกในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ส่วนผลการสำรวจนักวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ คาดว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส […]

อาเซียน+3 เห็นพ้องจัดตั้งโครงการสินเชื่อใหม่รับมือวิกฤตเศรษฐกิจ

อาเซียน+3 เห็นพ้องจัดตั้งโครงการสินเชื่อใหม่รับมือวิกฤตเศรษฐกิจ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ตัวแทนของกลุ่มประเทศอาเซียน+3 เห็นพ้องกันในวันนี้ (7 ธ.ค.) ที่จะจัดตั้งโครงการปล่อยสินเชื่อระดับภูมิภาคใหม่ เพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินในภูมิภาค ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาเซียน+3 ประกอบด้วย กลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ นายมาซาโตะ คันดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของญี่ปุ่น กล่าวหลังการประชุมอาเซียน+3 ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน  ที่เมืองคานาซาว่า ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว โดยระบุว่า การจัดตั้งโครงการใหม่ซึ่งมีชื่อว่า “Rapid Financing Facility” และรายละเอียดเฉพาะของโครงการจะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการในการประชุมระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีกำหนดการจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีหน้า โครงการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเครือข่ายการแลกเปลี่ยนสกุลเงินพหุภาคีเดิมที่มีอยู่ ซึ่งมีชื่อว่า มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) ที่สามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต บรรดาตัวแทนระบุในแถลงการณ์ร่วมว่า โครงการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การดูแลของ CMIM “พวกเราทุกคนล้วนสร้าง CMIM ขึ้นมาเพื่อความมั่นคงทางการเงิน” นายคันดะ กล่าว ที่มา: […]