เฟดจะขึ้นดบ.รอบสุดท้าย ส.ค.นี้
จากโพลของรอยเตอร์ ซึ่งสำรวจจากนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 106 คน ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงข้ามคืน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่กรอบ 5.25-5.50% ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ ด้วยเสียงข้างมากยังคงกล่าวว่า ครั้งนี้จะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของวัฏจักรคุมเข้มนโยบายในปัจจุบัน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้เร็วและอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เป็นเวลานานกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่แข็งกร้าวที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนทั้งหลายสับสนอยู่หลายครั้ง อัตราเงินเฟ้อกำลังร่วงลง โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปวัดค่าได้ชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.0% ในเดือน มิ.ย. จาก 4.0% ในเดือน พ.ค. ซึ่งทำให้ผู้สังเกตการณ์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท สรุปลงความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้ออาจจะควบคุมได้ง่ายในไม่ช้านี้ กระตุ้นให้มีการเดิมพันครั้งใหม่ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุด คือ สิ้นปี 2566 นี้ การโต้เถียงในขณะนี้ คือ การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก อาจจะจำเป็นเพื่อทำให้มั่นใจว่า “ภาวะเงินเฟ้อลดลง” จะดำเนินต่อไปได้หรือไม่ หรือหากว่า ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างไม่จำเป็น แต่อัตราเงินเฟ้ออ้างอิงยังคงเป็นปัญหาและประธานเฟด […]
‘เกาหลีใต้’ เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 ราว 2.5% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี
“เกาหลีใต้” เตรียมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำปี 2567 ราว 2.5% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี คาดมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.2567 ท่ามกลางการเติบโตที่ชะลอตัว-เงินเฟ้อสูง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมาธิการฝ่ายกำกับดูแลค่าแรงขั้นต่ำเกาหลีใต้ (Minimum Wage Commission) ระบุว่า ได้ตัดสินใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2.5% ในปี 2567 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางการเติบโตที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อสูง โดยค่าจ้างขั้นต่ำต่อชั่วโมงจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,860 วอน หรือราว 7.80 ดอลลาร์ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 9,620 วอนในปี 2566 คณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำเกาหลีใต้ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวบรรลุผลหลังจากการหารือเป็นเวลา 110 วัน ซึ่งเป็นจำนวนวันที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในการบรรลุข้อตกลง ทั้งนี้ การปรับขึ้นดังกล่าวจะเป็นการขึ้นค่าแรงที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 เมื่อค่าจ้างเพิ่มขึ้นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5% […]
จีนให้คำมั่นเร่งออกนโยบายหนุนการบริโภค หลังจีดีพี Q2/66 โตต่ำกว่าคาด
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ให้คำมั่นในวันนี้ (18 ก.ค.) ว่า จีน จะเร่งออกนโยบายเพื่อมุ่งฟื้นฟูและขยายการบริโภค เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ รายงานระบุว่า เศรษฐกิจจีนเติบโตแบบชะลอตัวในไตรมาสที่ 2/2566 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 6.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะขยายตัว 7.3% นายจิน เสียนตง เจ้าหน้าที่ NDRC กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวประจำเดือนของ NDRC ว่า เศรษฐกิจจีนเผชิญความยากลำบากในการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเผชิญความท้าทายจาก “อุปสงค์ที่ไม่เพียงพอ แรงผลักดันที่อ่อนแอ และความเชื่อมั่นที่อ่อนแอ” นายจิน ระบุว่า กำลังซื้อและการคาดการณ์การบริโภคของผู้บริโภคค่อนข้างอ่อนแอ และมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมการบริโภค นายจิน กล่าวเสริมว่า NDRC จะกำหนดและออกนโยบายทันทีเพื่อฟื้นฟูและเพิ่มการบริโภค “เพื่อรักษาเสถียรภาพการบริโภคสินค้าโภคภัณฑ์ เพิ่มการบริโภครถยนต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงปรับสภาพแวดล้อมการบริโภคให้เหมาะสม เราจะออกนโยบายที่ปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนนำไปใช้โดยเร็วที่สุด” นายจิน ระบุ […]
เงินเฟ้อสูงกดดันนโยบาย BOJ
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เนื่องจากการคาดหวังที่เพิ่มมากขึ้นของอัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มโอกาสที่ธนาคารกลางจะปรับเปลี่ยนนโยบาย Yield Curve Control (YCC) ให้เร็วขึ้น แม้ว่า นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นจะให้ความเชื่อมั่นว่า เขาจะยังคงรักษาระดับของมาตรการกระตุ้นทางการเงินขนาดใหญ่มากไว้ “อย่างอดทน” บททดสอบครั้งแรก จะมีขึ้นในการประชุมนโยบายของธนาคารกลางในวันที่ 27-28 ก.ค. เมื่อคณะกรรมการน่าจะมีการปรับปรุงแก้ไขการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น และส่งสัญญาณความเชื่อมั่นที่ว่า การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการที่ขับเคลื่อนจากดีมานด์หรือความต้องการซื้อ จะมีการสนับสนุนจากการเติบโตของค่าจ้างที่กำลังจะหยุดลง แหล่งข่าวจากผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการเงิน กล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังถกเถียงกันถึงแนวคิดที่จะปรับนโยบายควบคุมเส้นโค้งอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ (YCC) โดยมีการปักหมุดล็อกอัตราดอกเบี้ยในระยะที่ยาวขึ้น โดยอย่างเร็วที่สุด คือ เดือน ก.ค.นี้ แม้ว่าการพูดคุยยังเป็นเพียงเบื้องต้นและยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายเกิดขึ้น หนึ่งในแหล่งข่าวซึ่งมองโอกาสของการปรับเปลี่ยนนโยบายในเดือน ก.ค.นี้ ระบุว่า “การแลกเปลี่ยนความเห็นดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจริง แต่ว่าไม่มีความชัดเจนในสิ่งที่จะมีการตัดสินใจในขั้นสุดท้าย” ส่วนแหล่งข่าวรายที่ 2 กล่าวว่า การปรับนโยบายใดๆ ก็ตามคาดว่า น่าจะเป็นการปรับในนโยบาย YCC เพียงเล็กน้อย การปรับแต่งรายละเอียดของนโยบายการเงินเพียงอย่างเดียว น่าจะส่งผลเสียหายเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น ด้วยการใส่เงินอัดฉีดจำนวนมหาศาลเข้าไปในระบบจากธนาคารกลาง […]
‘จีน’ เชิญนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก ร่วมประชุม 21 ก.ค.66 หนุนต่างชาติลงทุนในจีน
“จีน” เชิญนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก ร่วมการประชุม 21 ก.ค.66 สนับสนุนให้ต่างชาติลงทุนในจีน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของจีนได้เชิญนักลงทุนรายใหญ่ของโลกบางรายเข้าร่วมการประชุมสัมมนา ที่จัดโดยสมาคมจัดการกองทุนของจีน (AMAC) ในสัปดาห์หน้า โดยพยายามสนับสนุนให้ต่างชาติลงทุนในจีน แม้ล่าสุดจะเผชิญความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น การประชุมที่กรุงปักกิ่งในวันศุกร์หน้า (21 ก.ค.) จะมุ่งเน้นไปที่สภาพปัจจุบันของบริษัทลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในจีน ตลอดจนปัญหาและความท้าทายหลักที่เผชิญอยู่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนและธนาคารทั่วโลกต่างเตือนว่า ความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนกำลังถดถอย การฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังสูญเสียโมเมนตัมอย่างรวดเร็ว และความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงไต้หวัน การห้ามส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐและนโยบายอุตสาหกรรมที่นำโดยรัฐของจีน แหล่งข่าวระบุว่า การประชุมดังกล่าวซึ่งมีวาระการประชุมที่ชัดเจน เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกต้องเผชิญในการลงทุนในจีนนั้นเกิดขึ้นได้ยาก และสะท้อนให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของจีนในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนต่างชาติ ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น บริษัทไพรเวทอิควิตี้ (PE) หรือที่รู้จักในชื่อหุ้นส่วนทั่วไป (GPs) และนักลงทุนหรือหุ้นส่วนจำกัด (LPs) รวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติและกองทุนบำเหน็จบำนาญ คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุม อีกทั้งยังจะได้รับการสนับสนุนให้ให้คำแนะนำเพื่อช่วยจัดการกับความท้าทายที่ธุรกิจเผชิญในจีนและแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งนี้ […]
จับตา “หนี้สาธารณะทั่วโลก” พุ่งเป็นประวัติการณ์ที่ 92 ล้านล้านดอลล์ในปี 2565 เหตุรัฐบาลเร่งกู้รับมือวิกฤติ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สหประชาชาติรายงานว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 92 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565 เนื่องจากรัฐบาลกู้ยืมเพื่อรับมือกับวิกฤติ เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องรับภาระอย่างหนัก โดยหนี้ในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งแซงหน้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3 เท่า นับตั้งแต่ปี 2545 อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ตลาดอาจดูเหมือนยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้คนกำลังได้รับผลกระทบอยู่” บางประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกกำลังถูกบีบให้เลือกระหว่างรับใช้หนี้หรือรับใช้ประชาชน” โดยประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้เกือบ 30% ของหนี้สาธารณะทั่วโลก โดย 70% เป็นหนี้ของจีน อินเดีย และบราซิล ประเทศกำลังพัฒนา 59 ประเทศเผชิญกับอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ที่สูงกว่า 60% ซึ่งเป็นเกณฑ์บ่งชี้ถึงระดับหนี้ที่สูง “หนี้กลายเป็นภาระที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำกัด ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น การลดค่าของสกุลเงิน และการเติบโตที่ซบเซา” […]
OECD เผยงานกว่า 27% มีความเสี่ยงสูงจากการปฏิวัติ AI
OECD เผยงานกว่า 27% มีความเสี่ยงสูงจากการปฏิวัติ AI ย้ำค่าจ้างขั้นต่ำ-การเจรจาต่อรองร่วมกัน อาจช่วยลดแรงกดดัน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กลุ่มสมาชิก 38 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมประเทศที่ร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังรวมถึงประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่ง เช่น เม็กซิโกและเอสโตเนีย ระบุว่างานมากกว่า 1 ใน 4 ใน OECD พึ่งพาทักษะที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดายจากการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังจะมาถึง และพนักงานวิตกว่าอาจตกงานให้กับ AI OECD กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่า การเกิดขึ้นของ AI มีผลกระทบอย่างมากต่องานจนถึงขณะนี้ แต่นั่นอาจเป็นเพราะการปฏิวัติ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น งานที่มีความเสี่ยงสูงสุดคิดเป็น 27% ของกำลังแรงงานโดยเฉลี่ยในประเทศกลุ่ม OECD โดยประเทศในยุโรปตะวันออกมีความเสี่ยงมากที่สุด โดยงานที่มีความเสี่ยงสูงสุด ถูกกำหนดให้เป็นงานที่ใช้ทักษะและความสามารถมากกว่า 25 จาก 100 […]
อินเดียจ่อดัน รูปี ใช้จ่ายระบบการเงินโลกเพิ่ม หนุนกระแส ‘De-dollarization’
“ธนาคารกลางอินเดีย” เตรียมดันสกุลเงินรูปี ใช้จ่ายในระบบการเงินโลกมากขึ้น ตามหลังสกุลเงินหยวน สอดคล้องกับกระแสลดใช้เงินดอลลาร์ หรือ De-dollarization Key Points อินเดียจ่อดันสกุลเงินรูปีใช้จ่ายกันมากขึ้นในระบบการเงินโลก หรือ Internationalization ตามหลังสกุลเงินหยวนของจีน ดอลลาร์ยังครองตลาดการทำธุรกรรมระดับโลกอยู่ที่เกือบ 90% ตามระเบียบการเงินโลก มักมองหา “สกุลเงินใหม่” ในอนาคตอยู่เสมอ สำนักข่าวอินไซด์เดอร์ (Insider) รายงานถ้อยแถลงของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ว่า ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่พยายามทำให้สกุลเงินของตัวเองเป็นสากล (Internationalize) เพราะขณะนี้ อินเดียพยายามทำในแบบเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ “ดอลลาร์” ยังเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในระบบการค้าและการเงินของโลก อย่างไรก็ตาม จากการคว่ำบาตรรัสเซีย ผ่านการบังคับให้ออกจากระบบการเงินโลก ซึ่งครอบงําด้วยเงินดอลลาร์ส่งผลให้ประเทศอื่นทั่วโลก “ตกใจกับสถานการณ์ดังกล่าว” จนพยายามหาสกุลเงินสำรองอื่นมาใช้เพื่อทำธุรกรรมด้วย “การทําให้สกุลเงินเป็นสากลยังเชื่อมโยงกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโดดเด่นในการค้าโลก” คณะทํางานอาร์บีไอ กล่าวในรายงาน แม้ว่า อาร์บีไอ จะกล่าวว่า คำแนะนำของคณะทำงานไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการ แต่ถ้อยแถลงเหล่านั้นเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากคณะบริหารของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) เริ่มโน้มน้าวให้ประชาชนใช้เงินรูปีมากขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ จากรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว คณะทำงานอาร์บีไอ สนับสนุนการเปิดบัญชีสกุลเงินรูปีสำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในอินเดียและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้รวมระบบการชำระเงินของอินเดียสำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเข้ากับระบบในประเทศอื่น […]
รถ EV จีนบูมในไทย เขย่าบัลลังก์รถญี่ปุ่นเจ้าตลาด
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ตลาดยานยนต์ในประเทศไทย โดยระบุว่า บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อาทิ บีวายดี (BYD) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 1.44 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2563 และกำลังคุกคามสถานะเจ้าตลาด อย่างบริษัทยานยนต์จากญี่ปุ่น หลังจากวิกฤติยอดขายในจีน ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในไทย อันเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งในเอเชีย เนื่องจากแนวทางการพัฒนารถ EV ที่ล่าช้าตามหลังประเทศอื่นๆ ขณะที่ กระแสรถยนต์จีนปรากฏชัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตรถ EV จีนกำลังนำซัพพลายเออร์เข้ามาในประเทศ ขณะเดียวกัน บริษัทไทย เช่น สยามกลการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับบริษัทญี่ปุ่น ก็กำลังแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ โดย นายเซบาสเตียน ดูปุย รองประธานของสยามกลการ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังหารือกับผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายเกี่ยวกับความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ทั้งนี้ ไทยครองตำแหน่งผู้ผลิต และส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตลาดขายรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดในไทยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนขยายหนึ่งของตลาดญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม […]
FDI ทั่วโลกดิ่งหนัก 12% ฟันด์โฟลว์เข้าเอเชียสะดุด จากความปั่นป่วนของ ศก.โลก
“สหประชาชาติ” เผยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปีที่แล้วลดลงถึง 12% เหลือ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ จากสงครามในยูเครน เงินเฟ้อ และภาระหนี้ ด้านโฟลว์ไหลเข้า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” อื้อ 60% ของ FDI ทั้งหมด Key Points การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปีที่แล้วลดลงถึง 12% เหลือ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ การลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะสงครามในยูเครน ราคาอาหารและราคาพลังงานที่สูง รวมถึงหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้น ฟันด์โฟลว์ไหลเข้า “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” อื้ออยู่ที่ 60% ของ FDI ทั้งหมด อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) รายงานถ้อยแถลงจากการประชุมของ สหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ว่าด้วยเรื่อง ลงทุนทั่วโลกประจำปี 2566 ว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในปีที่แล้วลดลงถึง […]