Global North Korea Politics US
เอ็นเอสซีเพิ่มแรงกดดัน โดยจำกัดส่งน้ำมันเกาหลีเหนือ
รายงานข่าวจากบีบีซีระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา แสดงความยินดีหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ทั้งหมด 15 ชาติ มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองมาตรการคว่ำบาตรใหม่ที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อเกาหลีเหนือเพื่อตอบโต้การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็ม ทั้งนี้มติดังกล่าวยังได้รับการรับรองจากรัสเซียและจีน ชาติพันธมิตรคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือด้วย ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรใหม่นี้จะส่งผลให้สินค้านำเข้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงของเกาหลีเหนือลดลงถึง 90% นางนิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่แสดงให้เกาหลีเหนือประจักษ์อย่างพร้อมเพรียง ว่าการท้าทายต่อไปมีแต่จะนำไปสู่การโดนลงโทษและโดดเดี่ยว พร้อมยังเปรียบเทียบเกาหลีเหนือว่าเป็น “ตัวอย่างที่น่าเศร้าของชาติที่ชั่วร้ายในโลกยุคใหม่” สำหรับรายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่นี้ได้รับการนำเสนอโดยสหรัฐฯ มีเป้าหมายจำกัดสินค้าที่เกาหลีเหนือนำเข้า โดยปริมาณผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลือ 5 แสนบาร์เรลต่อปี และน้ำมันดิบไม่เกิน 4 ล้านบาร์เรลต่อปี
ค่าเงินเปโซของฟิลิปปินส์จะอ่อนค่ามากที่สุดในปี 2018
บลูมเบอร์กได้ออกรายงานเซอร์เวย์ค่าเงินสกุลในภูมิภาค และได้ข้อสรุปว่าค่าเงินเปโซจะอ่อนค่ามากที่สุดในปี 2018 เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ เงินเปโซ ซึ่งทำแรลลี่ช่วงปลายปีนี้ จะอ่อนล้าลง โดยจะตกไปยังระดับ 51 เปโซต่อดอลลาร์ในปี 2018 หรืออ่อนค่าลงไป 1.5% Lin Jing Leong ผู้จัดการลงทุนตราสารหนี้ของเอเชียจาก Aberdeen Standard Investments กล่าวว่า เงินเปโซจะอันเดอร์เพอร์ฟอร์มค่าเงินอื่นๆในตลาดของกลุ่มประเทศเอเชีย เซอร์เวย์ของบลูมเบอร์กทำนายว่ามีเพียง 5 เงินสกุลในเอเชียเท่านั้นที่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ คือเงินมาเลเซียริงกิต เงินสิงคโปร์ดอลลาร์ เงินรูเปี๊ยะของอินโดนีเซีย เงินบาท และเงินดอลลาร์ไต้หวัน โดยในปีหน้าเงินริงกิตจะแข็งค่าขึ้น 2% เงินสิงคโปร์ดอลล่าร์แข็งค่าขึ้น 1% กว่า เงินรูเปี๊ยะอินโดนีเซียแข็งค่าขึ้น 1% เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเกือบ 1% เงินไต้หวันดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.50% ส่วนค่าเงินที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปี 2018 คือเงินเยนของญี่ปุ่น เงินหยวนของจีน เงินรูปีของอินเดีย และเงินเปโซของฟิลลิปปินส์ โดยที่เยนจะอ่อนค่าลง 0.50% หยวนอ่อนค่าลงประมาณ […]
อนาคตพลังงานทางเลือกใน ASEAN
พลังงาน หนึ่งในความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ที่มีความต้องการใช้เกิดขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะในภูมิภาค ASEAN ที่มีขนาดประชากรจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 700 ล้านคนในปี 2025 ภายใต้คาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปีละกว่า 5% ส่งผลให้คาดว่าความต้องการใช้พลังงานจะเติบโตสูงปีละกว่า 4% หรือมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันกว่าเท่าตัวภายในปี 2025 ปัญหาก็คือ ASEAN ยังมีน้ำมันดิบไม่พอใช้ หลายประเทศต้องนำเข้าน้ำมันดิบมาใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และทำให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นตามมา จึงเป็นที่มาของการรณรงค์ให้เกิดการใช้พลังงานทางเลือก หรือพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ทั้งนี้ The Association of Southeast Asian Nations คาดการณ์ว่าสัดส่วนการใช้ Renewable energy ใน ASEAN จะเพิ่มขึ้นจาก 9% ในปี 2014 เป็น 17% ของความต้องใช้พลังงานทั้งหมดในปี 2025 โดยความต้องการใช้ Renewable energy หลักๆมาจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า และกลุ่ม End-user ซึ่งได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ครัวเรือน […]
ธนาคาร BNP Paribas จะเริ่มยกเลิกให้เงินกู้กับธุรกิจ Shale Gas ทรายน้ำมัน และถ่านหิน
BNP Paribas ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติฝรั่งเศส ประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนการแก้ปัญหาภาวะโรคร้อน โดย บริษัท จะยกเลิกการปล่อยเงินกู้ให้กับ บริษัท น้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทำธุรกิจ สำรวจและขุดเจาะพลังงานประเภท shale gas และ ทรายน้ำมัน (oil sand) รวมถึงลดการปล่อยเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับพลังงานประเภทนี้ เช่น การขนส่งและการส่งออกพลังงาน พร้อมกันนี้ ธนาคารยังเพิ่มการปล่อยเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมประเภท พลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปอุตสาหกรรมพลังงานอย่างยั่นยืนมากขึ้น ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าว เกิดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของนานาชาติ ซึ่งต้องการจะลดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกลง 2 องศาเซลเซียส ภายในทศวรรษนี้ ด้วยการลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล โดยเริ่มจาก Shale Oil และ Oil Sand ยิ่งไปกว่านั้น นอกเหนือจากพลังงานประเภทฟอสซิลแล้ว BNP Paribas ยังได้ยกเลิกการปล่อยกู้ให้บริษัทถ่านหินและโรงไฟฟ้าถ่านที่ยังไม่ได้วางแผนจะกระจายแหล่งพลังงานไปยังพลังงานสะอาดมากขึ้น ในส่วนของการต่อยอดการสนับสนุนพลังงานสะอาดนั้น BNP Paribas ยังวางแผนยอดการปล่อยเงินกู้ในอุตสาหกรรมกลุ่มนี้สูงถึง 15,000 ล้านยูโร ( $17.72 […]
สหรัฐ: เศรษฐกิจไตรมาส 3 ขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบสองปี
เศรษฐกิจสหรัฐฯไตรมาส 3/2017 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) ขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบสองปีที่ 3.2% QoQ saar ชะลอลงเล็กน้อยกว่าประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ 3.3% QoQ saar แต่ดีกว่าไตรมาส 2/2017 ที่ 3.1% QoQ saar ถือเป็นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่า 3.0% ต่อเนื่องสองไตรมาสติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ในรายองค์ประกอบเศรษฐกิจสหรัฐฯได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคธุรกิจเป็นหลักถึง 7.3% QoQ saar (ดังรูป) Source: Bloomberg ทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯปี 2018 มีความสดใสทั้งจากภาพของผลประกอบการธุรกิจที่ดี และจากทิศทางนโยบายภาครัฐที่ล่าสุดทั้งสองสภาสามารถบรรลุนโยบายปฏิรูปภาษีเท่ากับว่าจะมีแรงกระตุ้นสู่เศรษฐกิจผ่านช่องทางลดหย่อนภาษีอีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ฯในอีก 10 ปีข้างหน้า
สเปน: พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของกาตาลุญญา ได้รับที่นั่งรวมกันเกินครึ่งหนึ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น
พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญาจากประเทศสเปน ได้แก่ JxCat ERC และ CUP รวมกันแล้วได้รับถึง 70 ที่นั่งจากทั้งหมด 135 ที่ ในการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา วันที่ 21 ธ.ค. 2017 จึงทำให้พรรคเหล่านี้มีเสียงข้างมากและน่าจะได้ขึ้นเป็นรัฐบาลชุดถัดไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแยกกัน พรรค Citizens ซึ่งต่อต้านการประกาศเอกราช ได้รับที่นั่งมากสุด 37 ที่ ขณะที่พรรค PP ของนายกรัฐมนตรีสเปนคนปัจจุบันได้รับเพียง 3 ที่นั่งเท่านั้น การเลือกตั้งดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำประชามติของรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญา ซึ่งนำไปสู่การประกาศเอกราชในวันที่ 27 ต.ค. 2017 แต่ศาลสเปนประกาศว่า การกระทำดังกล่าวนั้นขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลกลางตัดสินใจล้มรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญาลง เปิดช่องทางให้มีการเข้าควบคุมระบบปกครองของแคว้นโดยตรง และยังมีการสินลงโทษผู้นำท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคนด้วย สัดส่วนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (Turnout) อยู่สูงกว่า 80% นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา โดยผลลัพธ์ในภาพรวมสะท้อนว่า มีความแตกแยกกันระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการประกาศเอกราชมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราคาดว่า […]
จีน: นโยบายเศรษฐกิจปี 2018 เน้นลดความเสี่ยงทางการเงิน การแก้ปัญหาความยากจน และการรักษาสภาพแวดล้อม
ทางการยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เราคาดเป้า GDP จะคงเดิมที่ 6.5% การประชุม Central Economic Work Conference (CEWC) ระหว่างวันที่ 18-20 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปีถัดไป กำหนดเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1) การลดความเสี่ยงทางการเงิน 2) การแก้ปัญหาความยากจน และ 3) การรักษาสภาพแวดล้อม และยังคงย้ำความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยประเด็นสำคัญจากการประชุมมีดังนี้ นโยบายการเงินมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดต่อไป เพื่อลดระดับหนี้ในระบบและจำกัดความเสี่ยงทางการเงินซึ่งเป็นนโยบายหลัก โดยจะควบคุมปริมาณเงิน, สินเชื่อและการเติบโตของยอดระดมทุนรวม (TSF) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนนโยบายการคลังมีแนวโน้มที่จะเข้มงวดมากขึ้น โดยทางการจะเพิ่มความเข้มงวดในการออกพันธบัตรของรัฐบาลท้องถิ่น ด้านอสังหาริมทรัพย์ ทางการได้สนับสนุนการพัฒนาตลาดเช่าบ้าน (Rental Market) และการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้ในการอยู่อาศัยเพิ่มเติม ด้านการค้าระหว่างประเทศ จีนจะสนับสนุนการนำเข้ามากขึ้น โดยอาจลดภาษีนำเข้า (Import Tariffs) ลงสำหรับบางสินค้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและส่งเสริมให้การค้าระหว่างประเทศมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนมีแนวโน้มลดลงในระยะยาว ด้านอัตราแลกเปลี่ยน […]
สหรัฐ: กฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2018
สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาผ่านกฏหมายปฏิรูปภาษีด้วยเสียง 224 ต่อ 201 และ 51 ต่อ 48 ตามลำดับ คาดว่าจะลงนามและบังคับใช้ในปี 2018 ขณะนี้ทางพรรค Republican ได้หันไปเร่งกระบวนการพิจารณากฏหมายงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolution) ที่ต้องผ่านภายในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (Government shutdown) รายละเอียดกฎหมายปฏิรูปภาษี Source: Tax Foundation, TISCO, ESU
ผู้ก่อตั้งเงินคริปโต Litecoin เทขายหมดพอร์ต
นายชาร์ลี ลี ผู้ก่อตั้ง Litecoin ได้ขายไลท์คอยน์ของเขาออกหมดพอร์ต หลังจากที่ราคาของไลท์คอยน์พุ่งถึง 75 เท่าในปีนี้ นายลีเป็นวิศวกรซอฟแวร์และอาศัยที่เมืองซานฟรานซิสโกได้พัฒนาไลท์คอยน์ในปี 2011 ซึ่งได้กลายเป็นเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ที่ใหญ่อันดับ 5 ของโลก เขาบอกว่า เขาตัดสินใจขายไลท์คอยน์ที่ครอบครองอยู่ทั้งหมด เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะว่าเขาต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการถกเงินคริปโตในโซเซี่ยลมีเดีย ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคา ค่าของเงินคริปโตไลท์คอยน์อยู่ที่ระดับ 319 ดอลลาร์ในการเทรดในวันที่ 21 ธันวาคม โดยมีราคาสูงขึ้นถึง 75 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงปลายปีที่แล้ว มูลค่าตลาดรวมของไลท์คอยน์อยู่ที่ 17,500 ล้านดอลลาร์ นายลีไม่บอกว่าเขาถือไลน์คอยท์เป็นจำนวนเท่าใด ขายไปทั้งหมดได้ราคาเท่าใด เพียงแต่บอกว่าเขายังเหลืออยู่ 2-3 เหรียญเป็นที่ระลึก และเขาจะยังคงทำงานให้กับไลน์คอยน์ต่อไปโดยไม่มีเรื่องของราคามาให้เป็นที่รบกวนใจ
ส่งออกไทยทำ High ต่อเนื่อง
การส่งออกไทยขยายตัวเหนือความคาดหมายในเดือนพ.ย. มีมูลค่า 21,434.7 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 20,083.2 ล้านดอลลาร์ฯ) หรือขยายตัวที่ 4% YoY (prev. 13.1% YoY) ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,671.7 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 19868.4 ล้านดอลลาร์ฯ) หรือขยายตัวที่ 13.7% YoY (prev. 13.5% YoY) ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,763 ล้านดอลลาร์ฯ (prev. 214.4 ล้านดอลลาร์ฯ) สำหรับในช่วง 11 เดือนของปี 17 (ม.ค.-พ.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 216,953 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 10% AoA, นำเข้ามีมูลค่า 202,744 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 5% AoA ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 11เดือนที่ […]