ความท้าทายของจีนในปี2018
จีนจะยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลายเป็นมหาอำนาจเบอร์1ของโลกในอีก10ปีข้างหน้าได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับมาตรการการปฏิรูปโครงสร้างในปัจจุบันที่กำลังดำเนินไปอยู่ นี้คือเนื้อหาหลักของงานสัมนา dbAccess China Conference 2018จัดโดยดอยช์แบงก์ ที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่8-10มกราคม2018 ซึ่งมีเนื้อหาหลัก4-5ประเด็นที่สำคัญคือ 1.) จีนจะสามารถปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจที่เคยเติบโตสูงมาเป็นเศรษฐกิจที่โตอย่างมีคุณภาพได้หรือไม่ โดยที่ตัวเลขจีดีพีจะไม่ได้เป็นเป้าหมายที่สำคัญเหมือนในอดีตที่จีนต้องการเงินลงทุนและการส่งออกที่มากๆเพื่อไล่ให้ทันโลกตะวันตก และเพื่อรองรับการจ้างงาน และรัฐบาลจีนเป็นผู้นำในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดันจีดีพี 2.) จีนจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการกู้หนี้ยืมสินที่เกินตัวของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อที่จะลงทุนและดันดีจีดีพีของมณฑลของตัวเองให้มีเศรษฐกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง การลดหนี้และบริหารความเสี่ยงจากเครดิตที่สูงเกินไปจะเป็นงานหลักของการปฏิรูป 3.) จีนจะพึ่งพาการบริโภคภายในเพื่อดันจีดีพี พร้อมทั้งการนำเอาซับไพลไซด์มาเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ๆ การเพิ่มภาคบริการ นวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี่มาใช้ 4.) ความเร็วในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจะทันการหรือไม่ เพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีอัตราการเจริญเติบโตในระดับที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องโตมากนัก 5.) นายWerner Steinmueller กรรมการผู้จัดการใหญ่เอเชียแปซิฟิค และกรรมการของบอร์ดของดอยช์แบงก์เชื่อมั่นว่าอีก5-10ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐได้ ทำให้เปิดโอกาสของการลงทุนในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนมีขนาด$7.3ล้านล้านใหญ่อันดับ2ของโลกแล้ว ส่วนตลาดบอนด์ของจีนมีขนาด$9.4ล้านล้านหรือใหญ่อันดับ3ของโลก เขาเชื่อมั่นว่ามาตรการการเปิดเสรีเศรษฐกิจและภาคการเงินของรัฐบาลจีน และความต้องการมืออาชีพมาบริหารทางด้านการเงินเพิ่มมากขึ้นจะดึงดูดและเปิดโอกาสให้นักลงทุนให้มาลงทุนในจีนในระยะยาว
จากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เทรนด์การตลาดในยุคดิจิทัล (ตอนที่ 1)
By… รุ่งนภา เสถียรนุกูล การเติบโตของธุรกิจ E-Retail ในโลกยุค 4.0 ธุรกิจค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ต มีการเติบโตอย่างมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสื่อสาร ซึ่งทำให้มีช่องทางการเข้าถึงสินค้าและบริการบนอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนการซื้อขายมาสู่ระบบการค้าออนไลน์ เนื่องจากมองเห็นข้อดีของการขายออนไลน์ เช่น ไม่ต้องลงทุนหน้าร้าน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าจ้างพนักงาน อีกทั้งยังสามารถเปิดขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้ธุรกิจค้าปลีกทางอินเทอร์เน็ตมีแนวโน้มที่จะแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการขยายตัวของผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาทำตลาด E-commerce ในประเทศไทย จากตัวเลขที่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) พบว่า มูลค่าธุรกรรมที่ E-Retail (สัดส่วนมูลค่า E-Commerce ในธุรกิจ Retail) ของไทยในปี 2558 ยังมีมูลค่าแค่เพียง 340,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 1% ของธุรกิจ Retail ในไทยทั้งหมด ขณะที่เมื่อเปรียบกับเจ้าตลาดอย่างจีน จะพบว่าธุรกิจ E-Retail […]
กรุงปักกิ่งตั้งเป้าซื้อ-ขาย e-commerce ทะลุ 2.5 ล้านล้านหยวนในปี 2018
สำนักงานคณะกรรมการพาณิชย์กรุงปักกิ่ง (Beijing Municipal Commission of Commerce) คาดหวังว่าภายในปี 2018 การทำธุรกรรมผ่านช่องทาง e-commerce ในเมืองหลวงจะทะลุ 2.5 ล้านล้านหยวน หรือกว่า 3.85 แสนล้านดอลลาร์ โดยกรุงปักกิ่งพร้อมที่จะสนับสนุนการพัฒนาด้านอินเทอร์เน็ต และระบบขนส่ง (logistics)ในปีนี้ นอกจากนี้แนวโน้มจำนวนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งผู้ค้าส่งต่างๆ (wholesalers) และผู้ค้าปลีก (retailers) จะหันมาสนใจธุรกิจ e-commerce เพิ่มขึ้น ซึ่งกรุงปักกิ่งกระตุ้นให้กลุ่มค้าปลีกและค้าส่งแบบดังเดิม (Traditional retailers and wholesalers) พัฒนาการขายสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น นอกจากนี้กรุงปักกิ่งจะกำหนดนโยบายและจัดให้มีการอบรมผู้ขนส่งสินค้า รวมถึงวางมาตรฐานต่างๆสำหรับการขนส่งด้วยยานพาหนะเพื่อเป็นรากฐานให้กับระบบขนส่งในอนาคต
ก.ล.ต. เตือนนักลงทุนเทรดบิทคอยน์ฟิวเจอร์ ต้องคำนึงความเสี่ยง
ก.ล.ต.เตือนผู้ลงทุนซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สในต่างประเทศ ต้องคำนึงถึงความสามารถในการรับความเสี่ยงของตนเอง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มองกรณีมีบริษัทหลักทรัพย์ได้ชักชวนนักลงทุนไปซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ในต่างประเทศ ว่าสามารถทำได้ เพราะผลิตภัณฑ์สัญญาฟิวเจอร์สที่ซื้อขายในตลาด The Chicago Mercantile Exchange และ The CBOE Futures Exchange นั้น เป็นตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Commodity Futures Trading Commission ของสหรัฐอเมริกา (US CFTC) และเป็นผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์กรกำกับดูแลที่ได้มาตรฐาน จึงหมดห่วงเรื่องฉ้อโกง อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนที่สนใจไปซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส ในต่างประเทศ ต้องคำนึงถึงว่าตนสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้มากน้องเพียงไร หากยังไม่พร้อมหรือมีความเข้าใจ้ด้านผลิตภัณฑ์ไม่มากพอก็ควรหลีกเลี่ยง
ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดลบ 2.64 จุด อยู่ที่ 1,792.81 จุด สวนทางภูมิภาค
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (8 ม.ค. 61) ที่ 1,792.81 จุด ลดลง 2.64 จุด หรือ ลบ 0.15% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,813.17 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,792.81 จุด ณ เวลา 16:42 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 78,320.68 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.AOT ปิดที่ 74.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9,588.82 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 466.00 บาท ลดลง -2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย […]
ทรัมป์เตรียมเล่นงานจีนทางการค้า
สื่อPoliticoรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังเตรียมมาตรการทางภาษีที่จะเล่นงานจีนที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐค่อนข้างสูง สินค้านำเข้าเหล็กจากจีนอาจจะโดนกำแพงภาษีเล่นงานก่อน รวมทั้งมาตรการตอบโต้จีนที่ถูกกล่าวหาจากสหรัฐว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทอเมริกัน เส้นตายที่ทรัมป์จะใช้ใช้มาตรการตอบโต้จีนทางการค้าคือก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้ หลังจากที่ทรัมป์เสนอนโยบายต่อที่ประชุมสภาร่วม(State of the Union Address) ในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์บอกว่าการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นไปรูปแบบข้างเดียวที่จีนได้ประโยชน์ และไม่แฟร์ การค้าแบบนี้ไม่ยั่งยืน จีนเดินดุลการค้าสหรัฐปีหนึ่งมากกว่า$360,000ล้าน ทำให้ทรัมป์ใช้เป็นข้ออ้างในการใช้มาตรการทางภาษี หรือรูปแบบอื่นของลัทธิกีดกันการค้ามาตอบโต้
แบงก์ชาติจีนมองสภาพคล่องในระบบยังสูง ระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ในวันนี้ธนาคารกลางจีนยังคงระงับการอัดฉีดเงิน ผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations – OMO) ซึ่งนับเป็นการระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เหตุสภาพคล่องในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับสูง ข้อตกลง reverse repo วงเงิน 4 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 6.17 พันล้านดอลลาร์) ได้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันนี้ ซึ่งหมายความว่า สภาพคล่องในตลาดจะปรับตัวลดลง ขณะที่รายงานยังระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ระบายสภาพคล่องออกจากตลาดการเงินทั้งสิ้น 5.10 แสนล้านหยวน
ทำไมที่ผ่านมาคนไทยถึงละเลยการเตรียมพร้อมเพื่อวัยเกษียณ
คนไทยที่หันมาสนใจเรื่องอนาคตวัยเกษียณ ก็เพราะเริ่มมองเห็นปัญหาของความไม่พร้อมด้านการเงินในวัยเกษียณได้ชัดขึ้น โดยอาจจะมองเห็นจากเคสในครอบครัว ญาติพี่น้อง คนรอบตัว หรือตามกระแสสังคมที่พูดถึงการที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะคนกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยเริ่มต้นสนใจสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แต่เรื่องนี้ก็ยังมีคำถามคาใจหลายต่อหลายคน การเตรียมพร้อมด้านการเงินเพื่อวัยเกษียณมันสำคัญขนาดนั้นจริงหรือ ที่ผ่านๆ มา ทำไมคนรุ่นก่อนๆ ไม่เห็นมีปัญหาด้านเงินทองในวัยเกษียณ ไม่เห็นต้องดิ้นรนแสวงหาที่ลงทุน เก็บออมให้เงินงอกเงย ข้าราชการไทยที่เงินเดือนไม่ได้เยอะแยะมากมายที่เกษียณกันออกมาก็อยู่ได้ ไม่เดือดร้อน ไม่นับกลุ่มที่มีหนี้สินรุงรังจนถึงวัย 60 เป็นเรื่องจริง ผู้สูงวัยอายุที่รู้จักเก็บเงินตั้งแต่วัยทำงาน สามารถมีชีวิตที่ไม่ลำบากไปจนถึงสุขสบายตามอัตตภาพ ด้วยหลายสาเหตุ แต่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป 1) ช่วงชีวิตวัยทำงานของพวกเขายังคาบเกี่ยวกับอดีตในยุคสมัยที่การฝากประจำกับธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยในระดับมากกว่า 10%ต่อปี โดยไม่ต้องเสี่ยงไปลงทุนในหุ้นหรือทรัพย์สินใดๆ เพื่อแสวงหากำไร ทำให้มีเงินออมงอกเงยเพียงพอต่อการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่อดีตที่สวยงาม อัตราดอกเบี้ยเหล่านั้นได้หมดไปอย่างถาวรแล้ว 2) แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่วิถีชีวิตและการดำรงชีพในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปเท่าไรนัก ค่าใช้จ่ายโดยรวมในการใช้จ่ายหลังเกษียณจริงไม่เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จนมาถึงสักประมาณ 5-10ปีนี้ ที่วิถีชีวิตของคนไทยเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทุกระดับ ทุกเพศ […]
เปิดมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐปี 2018
มองเศรษฐกิจสหรัฐฯปี 2018 ยังแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานฟื้นหนุนบริโภคภาคเอกชนขยายตัว ขณะที่การลงทุนเอกชนยังโตต่อเนื่อง ปี 2018 จะเป็นอีกปีที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เรามองว่า Growth Momentum ของสหรัฐฯยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปี 2017และจะเป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถขยายตัวได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ยในอดีต โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐฯเป็นหลัก ภาพตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวจะหนุนให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ที่ 2.5% เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่เติบโตต่อเนื่องโดยเราคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.3% ในปี 2018 จากการลงทุนเพิ่มของธุรกิจกลุ่มพลังงาน, การลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติมทดแทนแรงงานคนบางส่วน สำหรับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวหลังพายุเฮอร์ริเคนสิ้นสุดลง เรามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ที่ 2.5% ในปี 2018 เกินเกณฑ์ค่าเฉลี่ยระยะยาวซึ่งอยู่ที่ 1.75% ตลาดแรงงานสหรัฐฯมีแนวโน้มขยายตัวสูง อาจเข้าสู่ภาวะตลาดแรงงานตึงตัวในรอบหลายปีและมีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานจะดิ่งลงต่ำ 4% ในปี 2018 เรายังมองว่าแรงส่งผ่านระหว่างค่าจ้างแรงงานและอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่จำกัดทำให้อัตราเงินเฟ้อ Core PCE ของสหรัฐฯยังไม่แตะ 2% ในปี 2018 นี้
เปิดมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐปี 2018
มองเศรษฐกิจสหรัฐฯปี 2018 ยังแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานฟื้นหนุนบริโภคภาคเอกชนขยายตัว ขณะที่การลงทุนเอกชนยังโตต่อเนื่อง ปี 2018 จะเป็นอีกปีที่ดีของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เรามองว่า Growth Momentum ของสหรัฐฯยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปี 2017และจะเป็นปีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถขยายตัวได้เหนือเส้นค่าเฉลี่ยในอดีต โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐฯเป็นหลัก ภาพตลาดแรงงานที่ฟื้นตัวจะหนุนให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวได้ที่ 2.5% เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่เติบโตต่อเนื่องโดยเราคาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 4.3% ในปี 2018 จากการลงทุนเพิ่มของธุรกิจกลุ่มพลังงาน, การลงทุนในเครื่องจักรเพิ่มเติมทดแทนแรงงานคนบางส่วน สำหรับการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวหลังพายุเฮอร์ริเคนสิ้นสุดลง เรามองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ที่ 2.5% ในปี 2018 เกินเกณฑ์ค่าเฉลี่ยระยะยาวซึ่งอยู่ที่ 1.75% ตลาดแรงงานสหรัฐฯมีแนวโน้มขยายตัวสูง อาจเข้าสู่ภาวะตลาดแรงงานตึงตัวในรอบหลายปีและมีความเป็นไปได้ที่อัตราว่างงานจะดิ่งลงต่ำ 4% ในปี 2018 เรายังมองว่าแรงส่งผ่านระหว่างค่าจ้างแรงงานและอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่จำกัดทำให้อัตราเงินเฟ้อ Core PCE ของสหรัฐฯยังไม่แตะ 2% ในปี 2018 นี้