จับตา ‘เงินเยน’ พรุ่งนี้ หลังคาด BOJ คงดอกเบี้ยติดลบต่อ

จับตา ‘เงินเยน’ พรุ่งนี้ หลังคาด BOJ คงดอกเบี้ยติดลบต่อ

นักวิเคราะห์แนะจับตา “ค่าเงินเยน” วันพรุ่งนี้ หลังโพลของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาด “คาซูโอะ อุเอดะ” ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบติดลบเท่าเดิมที่ -0.10% ชี้อาจเดินหน้ากำหนดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve Control) จนไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ (30 ต.ค.66) ว่า  คาซูโอะ อุเอดะ (Kazuo Ueda) ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ตกอยู่ในที่นั่งลำบากหากในการแถลงนโยบายวันพรุ่งนี้ยังยืนหยัดดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายขั้นสุดต่อไป เพราะมีความเสี่ยงที่จะกดดันให้ “ค่าเงินเยน” ไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ จนทำให้ธนาคารกลางต้องเข้าควบคุมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่อเนื่อง (Yield Control Program ) ในขณะเดียวกัน หากอุเอดะเพิ่มเพดานอัตราผลตอบแทน 10 ปีภายใต้การควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve Control: YCC) ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม ท้ายที่สุดอาจส่งผลให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวขึ้นสู่ระดับที่ไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเป้าหมายของเขาในการบรรลุอัตราเงินเฟ้อที่ยั่งยืน ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการแถลงการณ์เกี่ยวกับนโยบายการเงินในวันพรุ่งนี้ช่วงเช้าอาจเต็มไปด้วยความยากลำบากเพียงใด เจ้าหน้าที่ BOJ มีแนวโน้มที่จะติดตามการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะปรับ YCC หรือไม่ “BOJ อยู่ในสถานะที่ยากลำบากอย่างยิ่ง” […]

BBLAM Weekly Investment Insights 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2023

BBLAM Weekly Investment Insights 30 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2023

The Rise of ASIA INVESTMENT STRATEGY By BBLAM “คาดว่า กำไรของบริษัทในอินเดียยังคงแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 20 ปี โดยกำไรบริษัทจดทะเบียนสามารถเติบโตที่เฉลี่ย 20% ต่อปี ในช่วง FY2021-23 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 18.7% และ 16.6% ในปี FY2024 และ 2025 ตามลำดับ” BBLAM แนะนำกองทุน กองทุนลงทุนตราสารหนี้เน้นยืดหยุ่น : B-DYNAMIC BOND และ กองทุนลดหย่อนภาษี : B-DYNAMICRMF และ B-DYNAMICSSF  กองทุนลงทุนหุ้นคุณภาพจากทั่วโลก : B-GLOBAL หรือกองทุนลดหย่อนภาษี B-GLOBALRMF  กองทุนลงทุนอินเดีย : B-BHARATA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INDIAMRMF และกองทุน SSF เลือก B-ASIASSF กองทุนลงทุนในเทคโนโลยี แต่พยายามเฟ้นหาหุ้นเทคฯพื้นฐานดี มูลค่ายังน่าลงทุน : B-INNOTECH หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-INNOTECHRMF และ B-INNOTECHSSF กองทุนลงทุนเน้นเทรนด์ที่จะมาในอนาคต เช่น AI : B-FUTURE หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF Market & Economy U.S. By BBLAM “GDP สหรัฐฯ ขยายตัว […]

Economic Update: US GDP และมติ ECB

Economic Update: US GDP และมติ ECB

โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM GDP สหรัฐฯ ขยายตัว 4.9% QoQ saar ในไตรมาส 3/2023 เป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 โดยสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 4.5% และสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.1% หนุนโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 4% มากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 (เทียบกับ 0.8% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2023) หนุนโดยการบริโภคที่อยู่อาศัยและสาธารณูปโภค การดูแลสุขภาพ บริการทางการเงินและการประกันภัย บริการอาหารและที่พัก สินค้าที่ไม่คงทน สินค้าสันทนาการและยานพาหนะ ด้านการส่งออกทะยานขึ้น 6.2% ฟื้นตัวจากที่หดตัว 9.3% ในไตรมาสที่ 2 ด้านการนําเข้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน (5.7% เทียบกับ -7.6%) สินค้าคงคลังภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 1.32 […]

‘Nomura’ ประเมินแผนธุรกิจในจีนอีกครั้ง หลังขาดทุนมากขึ้น-ผู้ร่วมทุนลดลง

‘Nomura’ ประเมินแผนธุรกิจในจีนอีกครั้ง หลังขาดทุนมากขึ้น-ผู้ร่วมทุนลดลง

‘Nomura’ ประเมินแผนธุรกิจในจีนอีกครั้ง หลังขาดทุนมากขึ้น-ผู้ร่วมทุนลดลงเหลือ 259 คน จาก 281 คนในเดือนกรกฎาคม ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายเดิมที่จะเพิ่มเป็น 500 คนภายในปี 2566 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า โนมูระ โฮลดิ้งส์ (Nomura Holdings) กล่าวว่า บริษัทกำลังประเมินธุรกิจในจีนอีกครั้ง เนื่องจากขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการร่วมทุนด้านหลักทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้ ส่งผลเสียต่อกลยุทธ์การขยายธุรกิจไปทั่วโลก โดยบริษัทร่วมทุนที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Nomura ประสบปัญหาในการเติบโตนับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2562 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในปี 2565 บริษัทร่วมทุนสูญเสียเงิน 225 ล้านหยวน หรือราว 30.75 ล้านดอลลาร์ หลังจากขาดทุน 84 ล้านหยวนในปี 2564 Nomura กล่าวในแถลงการณ์ว่า “เราดำเนินการในประเทศจีนมานานกว่า 4 ทศวรรษนับตั้งแต่ปี 1982 ได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาตลาดทุนของประเทศและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า …กลยุทธ์ดังกล่าวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ขณะนี้ […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด (-2.17%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด (-2.17%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด (-2.17%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,370.30 จุด และสูงสุดที่ 1,396.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,690.17 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ SCB ปิดที่ 97.25 บาท ลดลง 1.00 (-1.02%) มูลค่าการซื้อขาย 2,944.16 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 129.50 บาท ลดลง 3.50 (-2.63%) มูลค่าการซื้อขาย 2,474.72 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 72.25 บาท ลดลง 8.50 (-10.53%) […]

ญี่ปุ่นทุ่ม $3.3 หมื่นล้านสู้เงินเฟ้อ

ญี่ปุ่นทุ่ม $3.3 หมื่นล้านสู้เงินเฟ้อ

เจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่น กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาการใช้จ่ายเงินราว 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการจ่ายเงินให้กับครัวเรือนรายได้น้อย และการปรับลดภาษีเงินได้ในชุดมาตรการเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบของปัญหาที่เกิดกับครัวเรือนจากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ร่างของแผนที่ได้จากสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า การใช้จ่ายดังกล่าว ณ ปัจจุบันประเมินอยู่ที่ราว 5 ล้านล้านเยน (หรือเทียบเท่า 3.34 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จะรวมถึงสิ่งที่ครอบคลุมการลดภาษีเงินได้มูลค่า 30,000 เยนต่อคน และการปรับลดภาษีที่อยู่อาศัยมูลค่า 10,000 เยนต่อคน ซึ่งจะให้กับครัวเรือนครั้งเดียว และจะดำเนินการในเดือน มิ.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่น กล่าว โดยมีการยืนยันที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์นิคเคอิ (Nikkei) ว่า แผนการใช้จ่ายจะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการโดยคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ในวันที่ 2 พ.ย.นี้ และยังมีจุดเด่นที่การจ่ายเงินให้กับครัวเรือนรายได้น้อย นอกจากนั้นยังกล่าวอีกว่า รายละเอียดของการปรับลดภาษีจะมีการถกอภิปรายกันโดยคณะผู้อภิปรายซึ่งมีอำนาจชี้ขาดของพรรคแกนนำรัฐบาลไปจนถึงช่วงสิ้นสุดของปีนี้ นายฮิเดกิ มุราอิ (Hideki Murai) รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขารับรู้ถึงความเห็นของนายกรัฐมนตรีในการปรากฏทางโทรทัศน์เมื่อช่วงสายของวันอังคาร (24 ต.ค.) […]

‘หุ้นจีน’ พุ่งแรงหลังรัฐบาลไฟเขียวออกบอนด์ 5 ล้านล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ

‘หุ้นจีน’ พุ่งแรงหลังรัฐบาลไฟเขียวออกบอนด์ 5 ล้านล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ

‘ตลาดหุ้นจีน’ พุ่งแรง โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนเปิดบวกที่ระดับ 2,986.41 เพิ่มขึ้น 24.17 จุด หลังรัฐบาลส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้อนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้หุ้นไทยและตลาดหุ้นภูมิภาคได้รับอานิสงส์ “ตลาดหุ้นจีน” เช้านี้ (25 ต.ค.) ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดบวกที่ระดับ 2,986.41 เพิ่มขึ้น 24.17 จุด หรือ+0.81% และ ดัชนีฮั่งเส็ง (HSI) พุ่งขึ้น 2.6% ที่ระดับ 17,465 จุด หลังจากที่คณะกรรมการถาวรของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) อนุมัติการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวน (1.37 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 5 ล้านล้านบาท) และผ่านร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้รัฐบาลท้องถิ่นได้รับโควตาในการออกพันธบัตรในปีงบประมาณ 2567 โดยการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ กลายเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านล้านหยวนในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้แข็งแกร่งขึ้น รายงานระบุว่า เม็ดเงินที่ระดมได้จากการออกพันธบัตรรัฐบาลครั้งใหม่นี้ จะนำไปเป็นทุนในการสนับสนุนการบูรณะซ่อมแซมพื้นที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติในจีน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการระบายน้ำในพื้นที่เขตเมืองเพื่อช่วยให้จีนมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยทางการจีน ระบุว่า การออกพันธบัตรดังกล่าวจะทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลจีนในปี 2566 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.8% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากระดับ 3% ที่ตั้งเป้าไว้ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานวันนี้ ( 24 ต.ค.) ว่าเช้านี้ หุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ปรับตัวขึ้นขึ้น ในขณะที่ดัชนี Hang Seng Tech พุ่งขึ้น 5% ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้หุ้นภูมิภาค ในญี่ปุ่น เกาหลีและไทยได้รับอานิสงส์ไปด้วย หวาง ชิง (Wang Qing) หัวหน้านักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคของ Golden Credit Rating International วิเคราะห์ว่าเงินทุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลครั้งนี้จะถูกใช้ต่อไปถึงปีหน้า ซึ่งหมายความว่าอย่างน้อยในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า นโยบายที่สนับสนุนการเติบโตจะยังคงมีผลต่อไป และคาดว่าเศรษฐกิจมหภาคในปีหน้าจะเติบโตอย่างรวดเร็วและสูงถึง 5%” ที่มา: บลูมเบิร์ก

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.77%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.77%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,401.70 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด (+0.77%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,399.44 จุด และสูงสุดที่ 1,414.13 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,257.39 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ KBANK ปิดที่ 133.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 (+1.92%) มูลค่าการซื้อขาย 3,678.73 ล้านบาท SCB ปิดที่ 98.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 (+2.34%) มูลค่าการซื้อขาย 2,249.35 ล้านบาท BBL ปิดที่ 161.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,598.27 ล้านบาท […]

ลุ้นรายได้ไตรมาส 3/2566 บิ๊กเทคกอดคอกันขึ้นยกแผงโตสุดในรอบปี

ลุ้นรายได้ไตรมาส 3/2566 บิ๊กเทคกอดคอกันขึ้นยกแผงโตสุดในรอบปี

4 บริษัทเทค “Microsoft-Alphabet-Amazon-Meta” ส่งสัญญาณผลประกอบการสดใส ลุ้นรายได้ไตรมาส 3/2566 โตแรงสุดในรอบปี หลังธุรกิจซอฟต์แวร์-โฆษณาฟื้นตัว รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า รายได้ไตรมาส 3/2566 ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็น ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อัลฟ่าเบท (Alphabet) บริษัทแม่ของกูเกิล (Google), แอมะซอน (Amazon) และเมตา แพลตฟอร์ม (Meta Platforms) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก (Facebook) มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากที่สุดในรอบปี เนื่องจากธุรกิจดั้งเดิม อย่างซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กรและโฆษณาดิจิทัลเริ่มฟื้นตัวจากการที่หลายๆ บริษัทกลับมาทุ่มงบฯ ในส่วนนี้มากขึ้น หลังจากชะลอการลงทุนกันไปพักใหญ่ แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันจะยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนก็ตาม รายงานข่าว ระบุด้วยว่า การฟื้นตัวของธุรกิจซอฟต์แวร์ที่ใช้ในองค์กรและโฆษณาดิจิทัล ทำให้ราคาหุ้นของทั้ง 4 บริษัทในปีนี้พุ่งสูงเป็นอย่างมาก เช่น Microsoft ที่ 36% และ Meta ที่ 157% […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,391.03 จุด ลดลง 8.32 จุด (-0.59%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,391.03 จุด ลดลง 8.32 จุด (-0.59%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ต.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,391.03 จุด ลดลง 8.32 จุด (-0.59%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,387.60 จุด และสูงสุดที่ 1,398.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,599.69 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ SCB ปิดที่ 96.00 บาท ลดลง 3.75 (-3.67%)  มูลค่าการซื้อขาย 5,900.19 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 130.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 (+1.16%) มูลค่าการซื้อขาย 2,945.40 ล้านบาท BBL ปิดที่ 161.50 บาท ลดลง 5.50 (-3.29%) […]