กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ตั้งแต่ต้นปี 2563 ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกค่อนข้างผันผวนและปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวอย่างรุนแรง รัฐบาลและธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศเร่งออกมาตรการสนับสนุนต่างๆ และดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ทั้งการลดดอกเบี้ยและการอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มคลี่คลาย หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทำให้เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด (bottoming out) และนักลงทุนเริ่มกลับมาถือสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้น ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2563 นักลงทุนยังต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและความผันผวนในตลาดการเงิน ได้แก่ ความเสี่ยงจากการกลับมาระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศต่างๆ ทำให้ภาครัฐอาจต้องเลื่อนการเปิดเมืองหรืออาจต้องกลับไปใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยความกังวลนี้จะทยอยคลี่คลายเมื่อมีการแจกจ่ายวัคซีนเป็นการทั่วไป ความต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงขนาดของมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐยังคงมีความไม่แน่นอน จากข้อจำกัดในด้านต่างๆ อาทิ ความสามารถในการก่อหนี้ และงบประมาณคงเหลือ เป็นต้น การเคลื่อนย้ายเงินลงทุนซึ่งมีแนวโน้มจะไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศเกิดใหม่และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และการปรับเพิ่มขึ้นของราคาทองคำ ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ไม่มีการปรับเปลี่ยนนโยบายตามคาด โดยยังคงดอกเบี้ยใน range 0 – 0.25% ขณะที่มองว่าความเห็นต่อนโยบาย และมุมมองต่อเศรษฐกิจจาก FOMC ไม่มีอะไรใหม่ แม้จะยังคงอยู่ใน stance ผ่อนปรนมาก […]
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะมีความผันผวนตามปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 การดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลังของภาครัฐ ปริมาณพันธบัตรรัฐบาล(Bond supply) ความผันผวนในตลาดการเงินโลก อัตราแลกเปลี่ยน และเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดตราสารหนี้” ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในช่วงปลายเดือน คณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.00 – 0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและจำกัดผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว และชี้ว่าจะยังคงเพิ่มการถือครองพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกัน (MBS) อย่างน้อยในระดับปัจจุบัน นอกจากนี้ยังขยายเวลาการทำธุรกรรม Swap Line และ Repo Facility ออกไปจนถึง 31 มี.ค. 2564 เพื่อรักษาสภาพคล่องเงินดอลลาร์สหรัฐ และขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องไปอีก 3 เดือนไปสิ้นสุด ณ สิ้นปี 2563 นายพาวเวล ประธาน FED ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 2 และจะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อลดลงจากเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทั้งนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มชะลอลงเมื่อการระบาดรุนแรงขึ้นอีกครั้งในเดือนมิถุนายน แต่ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปความรุนแรงของผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ด้านยุโรป ธนาคารกลางยุโรป (ECB) […]
B-TREASURY Product Update Uncategorized
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ไตรมาสแรกเริ่มต้นด้วยความคาดหวังว่าปี 2563 น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับนักลงทุน เพราะปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มการเจรจาที่ดีขึ้น นโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายประเทศผ่อนคลายมีการปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปี 2562 แต่แล้วสิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนไปเมื่อวิกฤติโรคระบาด COVID-19 ทวีความรุนแรง จนลุกลามเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่มีหนทางรับมือทางเดียวคือ หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ด้วยความที่ COVID-19 เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครรู้จัก ความไม่รู้ ก่อให้เกิดความเสี่ยง (ความไม่แน่นอน) มากมาย ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ปรับตัวลง แม้จะเดาได้ยาก ว่าสถานการณ์ของโรคระบาดจะเลวร้ายกว่านี้หรือไม่ แต่เราเชื่อว่าจุดเลวร้ายที่สุดของความตื่นกลัว (panic) ในตลาดเงินตลาดทุนน่าจะได้ผ่านไปแล้ว สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นต่อไปคือความพยายามหาสมดุลใหม่ เช่น การทยอยเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างในไทย จีน และเกาหลี เพราะไม่ว่าอย่างไร คงไม่สามารถหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจไปได้ตลอด แต่เราก็ไม่อาจยอมให้เกิดการระบาดรุนแรงกลับมาอีกครั้ง ทางออกจึงน่าจะเป็นจุดสมดุลระหว่างด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ สำหรับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดตราสารหนี้ในปี 2563 นี้ มีปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เงินลงทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย […]
B-ENHANCED B-TNTV B-TREASURY BF Editorial BFIXED BFRMF
กองทุนบัวหลวงเปิดพอร์ตลงทุนกองทุนตราสารหนี้ ของดีมีคุณภาพ ที่ผู้ลงทุนวางใจได้
กองทุนบัวหลวงนำข้อมูลพอร์ตลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ทั้งหมด 4 กองทุนที่มีอยู่มาเปิดเผยให้ผู้ลงทุนได้รับทราบชัดเจน ประกอบด้วย กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY) กองทุนเปิดบัวหลวงธนทวี (B-TNTV) กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) รวมถึง กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (BFRMF) เพื่อให้ผู้ลงทุนสบายใจได้ว่า เงินที่นำมาลงทุนผ่านหน่วยลงทุนกองทุนรวมเหล่านี้ นำไปใช้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับสูง และมีคุณภาพ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ลงทุนอีกระดับหนึ่ง คุณวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กองทุนบัวหลวง ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพอร์ตลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้เหล่านี้ พร้อมทั้งให้คำแนะนำที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ในช่วงเวลาที่ตลาดอ่อนไหวกับโควิด-19 คุณวศิน อธิบายว่า โดยภาพรวมแล้ว ทางเลือกการลงทุนในบ้านเราก็อาจจะไม่ได้มีมากนัก ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน บางคนต้องการอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่หากว่า จะให้ไปลงทุนในหุ้น ก็อาจจะยังไม่กล้ายอมรับความเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้ก็ยังเป็นทางเลือกในการลงทุนอยู่ เพราะหากว่า การฝากเงินไว้กับธนาคารเพียงอย่างเดียวนั้น มีความปลอดภัยก็จริงอยู่ แต่ว่า ดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก อย่างไรก็ดี กองทุนตราสารหนี้ของกองทุนบัวหลวงที่มีอยู่ ก็ล้วนแต่มีพอร์ตการลงทุนที่เข้มแข็งมาก ทั้งนี้ ผู้ลงทุนจึงสามารถลงทุนได้ กรรมการผู้จัดการ กล่าวต่อว่า หากพิจารณาเฉพาะพอร์ตลงทุนของกองทุนตราสารหนี้ ที่เป็นกองทุนเปิดทั่วไป ซึ่งมีทั้งหมด […]
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ในช่วงต้นเดือน ม.ค. 2563 ตลาดตราสารหนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ภายหลังสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศในอิรัก และสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังนักรบคุดส์ ซึ่งเป็นหน่วยรบพิเศษในต่างประเทศของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่านเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2563 และต่อมาในวันที่ 8 ม.ค. 2563 อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพของสหรัฐฯ ในอิรัก นักลงทุนจึงเกิดความกังวลว่าสถานการณ์จะบานปลาย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวได้คลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว ทำให้นักลงทุนคลายกังวลลง กอปรกับการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ Phase 1 ในวันที่ 15 ม.ค. 2020 โดยสหรัฐฯ จะลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ฯ เป็น 7.5% จากเดิม 15% ขณะที่จีนตกลงซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ส่วนจีนมีประกาศลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ […]
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่มีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น โดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า ทั้งสองประเทศได้บรรลุข้อตกลงในเบื้องต้น (First Phase of Trade Deal) อันจะส่งผลให้สหรัฐฯ มีการยกเลิกแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้า 30% บนสินค้านำเข้าจากจีน มูลค่ารวม 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่จีนจะนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงจะทบทวนนโยบายการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา และการบริหารจัดการด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ด้านสหรัฐฯ ผลการประชุมเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2562 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติ 8-2 ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps เป็น 1.50%-1.75% ตามที่ตลาดคาด นับเป็นการปรับดอกเบี้ยลงเป็นครั้งที่ 3 รวม 75bps ท่ามกลางความเสี่ยงจากพัฒนาการเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันเงินเฟ้อที่อ่อนแอ ในแถลงการณ์การประชุมรอบนี้ FED ได้นำประโยคที่ว่า “จะปรับเปลี่ยนนโยบายให้มีความเหมาะสมเพื่อหนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อ” ออกจากแถลงการณ์หลังการประชุม ซึ่งอาจเป็นการส่งสัญญาณว่า […]
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ยังมีทีท่าไม่แน่นอน แม้ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิม วันที่ 1 ก.ย. เพื่อเป็นการต่อรองทางการค้ากับจีน แต่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปี ลดลงต่ำกว่าระดับ 2% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 โดยอยู่ที่ระดับ 1.96% (ข้อมูล 14 ส.ค. 2562) รวมถึงเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหราชอาณาจักรอายุ 30 ปี ที่ระดับต่ำกว่า 1% เป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกลัวว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรต่อไป รวมทั้งประเด็นทางการค้าที่ยังมีความไม่ชัดเจน ส่วนจีนได้มีการตอบโต้โดยการจำกัด ปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ ส่งผลให้สงครามการค้าลุกลามบานปลายขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันกับที่ทางการจีนอนุญาตให้เงินหยวนสามารถหลุดต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ ด้านสหรัฐฯ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติ (8 – 2) ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% […]
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ การเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังคงเคลื่อนไหวตามปัจจัยหลักที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ได้แก่ ความกังวลถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ท่าทีผ่อนคลายของธนาคารกลางหลักทั่วโลก ความกังวลถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และรัฐบาลไทย หลังจากในช่วงเดือน เม.ย. IMF ได้ออกมาปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ลงสู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ 3.5% โดยได้ระบุผลกระทบหลักมาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นมีท่าทีผ่อนคลายลงในช่วงเดือน เม.ย. โดยมีทิศทางว่าทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุ ข้อตกลงทางการค้าได้ แต่ประเด็นดังกล่าวกลับมาตึงเครียดขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ค. หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าอาจขึ้นภาษีสินค้า นำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 10% เป็น 25% ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และภาคการส่งออกของไทยได้ ทางด้านนโยบายการเงินของประเทศหลัก พบว่า ไปในทิศทางผ่อนคลายมากขึ้น อาทิ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ (10-0) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25-2.50% ตามที่คาด โดยระบุว่าพัฒนาการของเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงินที่ยังไม่แน่นอน ประกอบกับ แรงกดดันเงินเฟ้อที่อ่อนแอ ทำให้ Fed […]
B-TREASURY Product Update Uncategorized
กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ภาครัฐ (B-TREASURY)
ประเด็นเด่นในตลาดตราสารหนี้ ในช่วงที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดตราสารหนี้สหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งและจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ขึ้นสู่ระดับร้อยละ 3.1 (จากเดิมที่ร้อยละ 2.8) ในปี 2018 และสู่ระดับร้อยละ 2.5 (จากเดิมที่ร้อยละ 2.4) ในปี 2019 และในเอกสาร Dot-Plot ปี 2019 ระบุว่า กรรมการส่วนใหญ่ (12 จาก 16) เห็นควรปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีกร้อยละ 0.5 ถึง 1.0 ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร รุ่นอายุ 10 ปี ของสหรัฐฯ ทดสอบระดับสูงสุดในรอบปี ที่ร้อยละ 3.26 นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศได้มีการส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดของไทยเมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา มีมติ 4 […]