หยวนแข็งค่าสุดในรอบ2ปี

หยวนแข็งค่าสุดในรอบ2ปี

ธนาคารกลางของจีนกำหนดค่าเงินหยวนที่ระดับ6.4335ต่อดอลล่าร์ในวันพุธ (17 มกราคม)ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ2ปี เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงขาขึ้นส่วนดอลล่าร์มีการอ่อนตัวลง เงินหยวนอยู่ระดับ6.4372ต่อดอลล่าร์ในวันอังคาร (16 มกราคม) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับแข็งค่าสุดนับตั้งแต่วันที่10 ธันวาคม ปี2015 ในขณะเดียวกัน เงินดอลล่าร์ตกต่ำสุดในรอบ3ปีเมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆในดัชนีดอลล่าร์

พัฒนาการของ ESG ในจีน (ตอนจบ)

พัฒนาการของ ESG ในจีน (ตอนจบ)

By… เศรณี นาคธน โอกาสพัฒนา ESG ในจีน จากแรงหนุนของรัฐบาล นโยบายการปฏิรูปทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาลจีนฉบับล่าสุด (2016-2020) ผนวกกับแรงขับเคลื่อนจากนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ ที่หันมาให้ความสำคัญต่อ ESG ควบคู่กันไปกับผลประกอบการในการพิจารณาลงทุนจะช่วยเป็นแรงกดดันให้บริษัทของจีนต้องตระหนักถึงความสำคัญของ ESG ทั้งนี้นโยบายการปฏิรูปของภาครัฐ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ซึ่งด้านที่ชัดเจนและเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด คือ ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการพยายามหาทางลดมลภาวะ โดยจีนประกาศตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ทั้งประเทศเลิกพึ่งพาโรงงานไฟฟ้าถ่านหินเป็นหลักให้ได้ในปี 2020 ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินขนาดใหญ่ของจีนหลายแห่งได้ถูกยกเลิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีบทลงโทษสำหรับบริษัทหรือโครงการใดๆที่ก่อให้เกิดมลภาวะขึ้นซึ่งมีโทษสูงสุดถึงการสั่งปิดกิจการ นอกจากนี้รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนแก่บริษัท หรือโครงการต่างๆที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการเข้าระดมทุนในตลาด แม้กระทั่ง การตั้งเป้าหมายที่จะให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กระทั่ง ณ ปัจจุบันประเทศจีนกลายเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับรถยนต์ EV สำหรับด้านธรรมาภิบาลนั้น ทาง กลต. ของจีนได้พยายามพัฒนาเพื่อให้ใกล้เคียงกับมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็น กำหนดให้บริษัทจดทะเบียนของจีนต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนมากขึ้น รวมถึงข้อมูลในด้านของ ESG เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน สำหรับเรื่องของคอร์รัปชั่น นโยบายการกำจัดคอร์รัปชั่นของรัฐบาลเริ่มเผยแพร่มาสู่ภาคเอกชน โดยบางบริษัทเริ่มมีนโยบายยกเลิกการมอบของขวัญให้กับข้าราชการ เพราะรัฐบาลได้บังคับใช้บทลงโทษสำหรับทั้งผู้ให้และผู้รับสินบน ด้วยแรงสนับสนุนของภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่ จึงเชื่อได้ว่าจีนมีโอกาสพัฒนาทางด้าน ESG ได้อีกไกล

จีนเอาจริงเตรียมสกัดซื้อขายเงินดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น

จีนเอาจริงเตรียมสกัดซื้อขายเงินดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น

สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าทางการจีนวางแผนสกัดการเข้าถึงแพลทฟอร์มและแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยการสกัดกันดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าจีนยังคงเดินหน้ากวาดล้างการซื้อขายสกุลเงินบิตคอยน์และสกุลเงินดิจิทัลประเภทอื่นๆ เนื่องจากทางการจีนมองว่า สกุลเงินดิจิทัล เป็นต้นตอของความเสี่ยงในระบบการเงิน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากรัฐบาลจีนได้รับรายงานการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นบนแพลทฟอร์มที่ตั้งขึ้นโดยชาวจีนและต่างชาติ แม้รัฐบาลจะสั่งระงับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเมื่อปีที่แล้ว ภายใต้กฎห้ามการระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัล (Initial Coin Offering: ICO) รวมทั้งปิดการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลในหลายตลาด และจำกัดการขุดเหมืองเพื่อหาบิตคอยน์

หมดยุคลอกเลียนแบบ จีนขึ้นแท่นผู้นำด้านเทคโนโลยี

หมดยุคลอกเลียนแบบ จีนขึ้นแท่นผู้นำด้านเทคโนโลยี

บริษัทจีนได้ข้ามพ้นการเป็นผู้ลอกเลียนแบบด้านเทคโนโลยีด้านต่างๆของผู้อื่นไปแล้ว หลังจากจีนได้กว้าขึ้นมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจอันดับสองของโลกในด้านต่างๆ Raymund Chao ประธาน PwC’s chairman ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและจีนแผ่นดินใหญ่ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “ถึงแม้ทุกวันนี้ ยังคงมีความเชื่อที่ว่าจีนคือ copycat แต่นั่นไม่ใช่ความจริงอีกต่อไป” จีนได้กลายเป็นผู้นำที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมหลายด้าน ซึ่งรวมถึง เทคโนโลยีด้านการเงิน หรือ ฟินเทค โดรน เอไอ และโมบายเพย์เมนท์ เขากล่าวว่า ในกลุ่มอุตสหกรรมแบบดั่งเดิม (traditional sectors) เริ่มปรับตัวนำเอานวัตกรรมมาใช้ในภาคการผลิต

พัฒนาการของ ESG ในจีน (ตอนที่1)

พัฒนาการของ ESG ในจีน (ตอนที่1)

By… เศรณี นาคธน ESG ในจีนยังอยู่ในระดับต่ำ หลังเร่งขยายสังคมเมืองกระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา MSCI ซึ่งเป็นบริษัทจัดทำดัชนีระดับโลกได้พิจารณาเพิ่มบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่จำนวน 222 บริษัท ในตลาด A-Share ของจีนเข้าร่วมคำนวณใน MSCI Emerging Markets Index จนถึงปัจจุบัน มีสัดส่วนของจีนในดัชนีทยอยเพิ่มขึ้นมาสู่ 30% นับเป็นความสำเร็จก้าวหนึ่งในการเปิดเสรีทางการเงินของจีนและช่วยจูงใจให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในตลาดการเงินของจีนมากขึ้น แต่หากพิจารณาในแง่มุมของ ESG พบว่า MSCI Emerging Markets SRI Index ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทต่างๆในตลาดเกิดใหม่ที่ใส่ใจในสิ่งแวดล้อม สังคม และมีการจัดการที่มีธรรมภิบาล บริษัทจีนที่ผ่านเกณฑ์เพื่อเข้าร่วมดัชนีกลับมีสัดส่วนเพียงแค่ราว 4% ของดัชนีเท่านั้น สาเหตุที่ทำให้เกิดส่วนต่างมากขนาดนี้ มาจากการขยายของสังคมเมือง (Urbanization) ผนวกกับการเร่งขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงก่อนหน้า ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมลภาวะ ทั้งจากการเร่งตัวของการก่อสร้าง การใช้พลังงานมากขึ้น ขณะที่พลังงานหลักของประเทศมาจากถ่านหินซึ่งยิ่งใช้ยิ่งส่งผลเสียต่อมลภาวะทางอากาศ ในด้านของสังคม บริษัทจีนส่วนมากยังไม่มีมาตรฐานและนโยบายในเรื่องของแรงงาน รวมถึงสภาพความเป็นอยู่และสวัสดิการของแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ จะเห็นได้จากข่าวเรื่องการเกิดอุบัติเหตุจากการปฎิบัติงานบ่อยครั้งในประเทศจีนเมื่อเทียบกับประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ และในแง่ของผู้ถือหุ้น บริษัทจีนยังคงมีการเปิดเผยข้อมูลในระดับค่อนข้างต่ำ […]

จีนคุมเข้มภาคธนาคาร นักวิเคราะห์เตือนแบงก์ขนาดเล็กเร่งปรับตัว

จีนคุมเข้มภาคธนาคาร นักวิเคราะห์เตือนแบงก์ขนาดเล็กเร่งปรับตัว

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคาร (China Banking Regulatory Commission : CBRC) เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลภาคธนาคารมากขึ้นในปีนี้ โดยแผนงานกำกับดูแลภาคธนาคารที่สำคัญประกอบด้วย · การตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินของผู้ถือหุ้นธนาคาร และตรวจสอบสัดส่วนการถือหุ้นว่าเป็นไปตามกฎระเบียบหรือไม่ · ตรวจสอบการปฏิบัติตามเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลท้องถิ่น และอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีการกำหนดต้นทุนที่สูงเกินไป · พร้อมตรวจสอบการทำธุรกรรมระหว่างธนาคาร และการดำเนินธุรกิจบริการทางการเงินให้กับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง (wealth management businesses) ของธนาคารด้วย โดยจะดำเนินการทางกฎหมายกับธนาคารที่ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ฝ่าฝืนเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อ และลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังที่หน่วยงานกำกับดูแลภาคธนาคารของจีนที่เริ่มเอาจริงเอาจังกับการออกมาตรการที่น่าตื่นเต้นต่างๆอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2018 ด้าน นาย Huang Wentao นักวิเคราะห์จาก China Securities Co. กล่าวว่า “มาตรการกำกับดูแลใหม่ที่เข้มงวดขึ้นครอบคลุมทุกส่วนของระบบธนาคาร และแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานกำกับดูแลเข้มงวดกับการแก้ปัญหาที่เกิดจากภาคการเงิน จริงจัง ซึ่งธนาคารหลายแห่ง โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็ก จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจภายใต้เกณฑ์การกำกับดูแลใหม่นี้”

เจาะลึกเศรษฐกิจจีนปี 2018

เจาะลึกเศรษฐกิจจีนปี 2018

สำหรับในปี 2018 เราคาดว่า โมเมนตัมเช่นนี้น่าจะยังคงดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจาก 6.8% เป็น 6.5% ตามทิศทางเดียวการปฏิรูปประเทศที่เน้นการเติบโตเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จีนยังนับว่าเป็นประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ในระดับสูง   ด้านนโยบายภาครัฐ การรวมอำนาจของประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ภายหลังการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมานั้น น่าจะทำให้นโยบายเป็นไปในแนวทางสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเอกชน พร้อมทั้งเดินหน้าปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ และคุมเข้มภาคการเงินเพื่อชะลอหนี้ที่เติบโตรวดเร็วมากขึ้น   อย่างไรก็ดี การชะลอตัวของอัตราการขยายตัวของสินเชื่อ อาจทำให้ตลาดเงินตึงตัวมากขึ้น และเป็นความท้าทายของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป   สำหรับในปี 2018 นี้เราคาดว่า รัฐบาลน่าจะปล่อยเม็ดเงินเข้าสู่ระบบในปริมาณที่ชะลอลงเล็กน้อย โดยเราคาดว่ารัฐบาลจีนจะขาดดุลการคลัง -3.5% ของ GDP ในปี 2018 ชะลอลงจากปี2017 ซึ่งขาดดุลการคลัง -3.7% ของ GDP เนื่องด้วย รัฐบาลท้องถิ่นอาจจะปล่อยงบได้ยากขึ้นตามเกณฑ์การใช้จ่ายที่รัดกุมกว่าเดิม   ขณะที่การทำ […]

สหรัฐขึ้นบัญชีดำ แพลตฟอร์มค้าปลีกอาลีบาบา ขายของละเมิดลิขสิทธิ์

สหรัฐขึ้นบัญชีดำ แพลตฟอร์มค้าปลีกอาลีบาบา ขายของละเมิดลิขสิทธิ์

รายงานข่าวจากโพสต์ทูเดย์ ระบุว่าสหรัฐขึ้นบัญชีดำ เถาเป่าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ต่อ หวั่นทำการค้าจีน-สหรัฐตึงเครียดยิ่งขึ้น            สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) ประกาศขึ้นบัญชีดำ “เถาเป่า” แพลตฟอร์มค้าปลีกออนไลน์ ของอาลีบาบายักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซจีน ให้ อยู่ในรายชื่อตลาดขายสินค้าละเมิด ลิขสิทธิ์เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ถึงแม้ว่าการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ไม่มีบทลงโทษโดยตรง แต่เป็นการสกัดความพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ของอาลีบาบาที่กำลังกำจัดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ออกจากเว็บไซต์    โดยยูเอสทีอาร์ ระบุว่ายังพบการจำหน่ายสินค้าปลอมจำนวนมาก สะท้อนว่าอาลีบาบายังไม่ดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มากพอ ซึ่งความเคลื่อนไหว ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่กำลัง เพิ่มขึ้น   แม้ รายงานของยูเอสทีอาร์ ระบุว่า ปีที่ผ่านมา อาลีบาบาพยายามเพิ่มการปราบปรามการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ทางหน่วยงานได้รับคำร้องเรียนจากบรรดาธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะจากธุรกิจจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ว่าพบสินค้าปลอมและละเมิดลิขสิทธิ์บนเถาเป่าจำนวนมาก 

จีนออกมาตรการคุมเข้ม ลดความเสี่ยงในระบบการเงิน

จีนออกมาตรการคุมเข้ม ลดความเสี่ยงในระบบการเงิน

จีนออกมาตรการคุมเข้มทางการเงินหลายมาตรการในช่วงเริ่มต้นปีใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระบบการเงิน โดยหนึ่งในนั้นคือการออกกฎให้ธนาคารจำกัดการปล่อยกู้ให้แก่ผู้กู้ที่มีความน่าเชื่อถือน้อย รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารของจีน (CBRC) ได้สั่งการให้ธนาคารพาณิชย์วางมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากธุรกิจสินเชื่อ โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องจำกัดความเสี่ยงด้านเครดิตจากลูกค้าแต่ละราย ด้านธุรกิจประกันภัยทางคณะกรรมการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของจีน (CIRC) ได้ออกกฎป้องกันไม่ให้บริษัทประกันภัยนำเงินไปลงทุนในหุ้น เพื่อควบคุมปัญหานี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, CBRC และ CIRC เตรียมเข้าไปกำกับดูแลการซื้อขายพันธบัตร เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง

จีนแสดงความกังวล หลังสหรัฐเข้มงวดการลงทุนเอกชนจีน

จีนแสดงความกังวล หลังสหรัฐเข้มงวดการลงทุนเอกชนจีน

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า “สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการคัดค้านเข้าซื้อกิจการของ บริษัท Ant Financial ว่า เรารู้สึกเสียใจที่เห็นว่า การลงทุนทางธุกิจและการควบรวมกิจการทั่วไปของบริษัทจีนในสหรัฐถูกขัดขวางอีกครั้ง เนื่องด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ” เขากล่าวอีกว่า “เราจะไม่คัดค้านเลย หากการพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการลงทุนจากต่างประเทศเป็นไปตามแผนความปลอดภัย แต่เรากังวลเรื่องพฤติกรรมการสร้างกำแพงเพื่อจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยอ้างเรื่องความมั่นคงของชาติ” โดยการแสดงความคิดเห็นของนาย เกา เฟิง เกิดขึ้นภายหลังรัฐบาลสหรัฐมีมติคัดค้านข้อเสนอของ Ant Financial จากจีนในการเข้าซื้อกิจการ บริษัท MoneyGram วงเงิน 1.2 พันล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของประเทศ ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ แอนท์ ไฟแนนเชียล เป็นบริษัทในเครือของอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ซึ่งมีนายแจ็ค หม่า เป็นประธานกรรมการ