แบงก์ชาติจีนเดินหน้าอัดฉีดเงินเข้าระบบอีก 3 หมื่นล้านหยวนวันนี้
ธนาคารกลางจีนอัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินในวันนี้ (11 ม.ค.) ผ่านข้อตกลงการขายพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน มูลค่า 3 หมื่นล้าหยวน (4.6 พันล้านดอลลาร์) และข้อตกลง reverse repo อายุ 14 วัน มูลค่า 3 หมื่นล้านหยวน ทั้งนี้ เมื่อหักลบกับข้อตกลง reverse repo มูลค่า 3 หมื่นล้านหยวนที่ครบกำหนดไถ่ถอนแล้ว ก็เท่ากับว่า ธนาคารกลางจีนได้อีดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดการเงินสุทธิ 3 หมื่นล้านหยวนข้อตกลง reverse repo เป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางการจีนจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินปี 2561 ไว้ในกรอบที่รอบคอบและเป็นกลางต่อไป เนื่องจากจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกนั้น มีเป้าหมายที่จะรักษาสมดุลระหว่างการขยายตัวกับการป้องกันความเสี่ยง
ผู้หญิงที่รวยที่สุดของจีนรวยหุ้นขึ้น$2,100ล้านใน4วันแรกของปี2018
Yang Huiyan รองประธานของบริษัทCountry Garden Holdings Co รวยหุ้นขึ้น$2,100ล้านในเพียง4วันทำการของตลาดในปี2018นี้ หวางมีอายุเพียง36ปี แต่กลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในจีน และติดอันดับคนที่รวยอันดับ5ของจีน โดยมีทรัพย์สิน$25,600ล้่าน คุณพ่อของหยาง คือYang Guoqiang ผู้ร่วมก่อตั้งCountry Gardenในปี1992 เขาได้โอนหุ้นในบริษัทให้ลูกสาวในปี2005 เพื่อว่าเธอจะได้เรียนรู้งาน และทำหน้าที่ดูแลธุรกิจแทนครอบครัว Country Gardenเป็นบริษุัทอสังหาริมทรัพย์ มีสำนักงานใหญ่ที่จังหวัดกวางตุ้งของจีน ที่ผ่านมาได้พัฒนามากกว่า200โครงการบ้านในตลาดไฮเอ็นด์ทั้งในจีน มาเลย์เซีย และออสเตรเลีย ได้ขายบ้านให้ลูกค้ากว่า1.5ล้านราย และมีการจ้างพนักงาน70,000คนทั่วโลก
นักวิจัยแบงก์ชาติจีนส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ หวังแก้ปัญหาฟองสบู่-หนี้สิน
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี ของทางการจีน รายงานว่า นักวิจัยของธนาคารกลางจีน (PBOC) มีความเห็นตรงกันว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นแนวทางที่เหมาะสมในอนาคตอันใกล้ เพื่อเป็นเครื่องมือควบคุมภาวะฟองสบู่และปัญหาหนี้สิน โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากราคาภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพการทำกำไรของภาคธุรกิจ รายงานดังกล่าวยังระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยผนวกกับมาตรการจัดการกับการผลิตส่วนเกินนั้น จะช่วยควบคุมไม่ให้หนี้สินขยายตัว และทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด อนึ่งเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) และอัตราดอกเบี้ย reverse repo ขึ้น 0.05% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.
ความท้าทายของจีนในปี2018
จีนจะยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กลายเป็นมหาอำนาจเบอร์1ของโลกในอีก10ปีข้างหน้าได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับมาตรการการปฏิรูปโครงสร้างในปัจจุบันที่กำลังดำเนินไปอยู่ นี้คือเนื้อหาหลักของงานสัมนา dbAccess China Conference 2018จัดโดยดอยช์แบงก์ ที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่8-10มกราคม2018 ซึ่งมีเนื้อหาหลัก4-5ประเด็นที่สำคัญคือ 1.) จีนจะสามารถปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจที่เคยเติบโตสูงมาเป็นเศรษฐกิจที่โตอย่างมีคุณภาพได้หรือไม่ โดยที่ตัวเลขจีดีพีจะไม่ได้เป็นเป้าหมายที่สำคัญเหมือนในอดีตที่จีนต้องการเงินลงทุนและการส่งออกที่มากๆเพื่อไล่ให้ทันโลกตะวันตก และเพื่อรองรับการจ้างงาน และรัฐบาลจีนเป็นผู้นำในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดันจีดีพี 2.) จีนจะสามารถบริหารความเสี่ยงได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการกู้หนี้ยืมสินที่เกินตัวของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อที่จะลงทุนและดันดีจีดีพีของมณฑลของตัวเองให้มีเศรษฐกิจที่มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูง การลดหนี้และบริหารความเสี่ยงจากเครดิตที่สูงเกินไปจะเป็นงานหลักของการปฏิรูป 3.) จีนจะพึ่งพาการบริโภคภายในเพื่อดันจีดีพี พร้อมทั้งการนำเอาซับไพลไซด์มาเป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ๆ การเพิ่มภาคบริการ นวัตกรรม รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยี่มาใช้ 4.) ความเร็วในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจจะทันการหรือไม่ เพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีอัตราการเจริญเติบโตในระดับที่ยอมรับได้ โดยไม่จำเป็นต้องโตมากนัก 5.) นายWerner Steinmueller กรรมการผู้จัดการใหญ่เอเชียแปซิฟิค และกรรมการของบอร์ดของดอยช์แบงก์เชื่อมั่นว่าอีก5-10ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจีนมีโอกาสที่จะแซงหน้าเศรษฐกิจสหรัฐได้ ทำให้เปิดโอกาสของการลงทุนในจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหุ้นจีนมีขนาด$7.3ล้านล้านใหญ่อันดับ2ของโลกแล้ว ส่วนตลาดบอนด์ของจีนมีขนาด$9.4ล้านล้านหรือใหญ่อันดับ3ของโลก เขาเชื่อมั่นว่ามาตรการการเปิดเสรีเศรษฐกิจและภาคการเงินของรัฐบาลจีน และความต้องการมืออาชีพมาบริหารทางด้านการเงินเพิ่มมากขึ้นจะดึงดูดและเปิดโอกาสให้นักลงทุนให้มาลงทุนในจีนในระยะยาว
ทรัมป์เตรียมเล่นงานจีนทางการค้า
สื่อPoliticoรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังเตรียมมาตรการทางภาษีที่จะเล่นงานจีนที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐค่อนข้างสูง สินค้านำเข้าเหล็กจากจีนอาจจะโดนกำแพงภาษีเล่นงานก่อน รวมทั้งมาตรการตอบโต้จีนที่ถูกกล่าวหาจากสหรัฐว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของบริษัทอเมริกัน เส้นตายที่ทรัมป์จะใช้ใช้มาตรการตอบโต้จีนทางการค้าคือก่อนสิ้นเดือนมกราคมนี้ หลังจากที่ทรัมป์เสนอนโยบายต่อที่ประชุมสภาร่วม(State of the Union Address) ในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์บอกว่าการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเป็นไปรูปแบบข้างเดียวที่จีนได้ประโยชน์ และไม่แฟร์ การค้าแบบนี้ไม่ยั่งยืน จีนเดินดุลการค้าสหรัฐปีหนึ่งมากกว่า$360,000ล้าน ทำให้ทรัมป์ใช้เป็นข้ออ้างในการใช้มาตรการทางภาษี หรือรูปแบบอื่นของลัทธิกีดกันการค้ามาตอบโต้
แบงก์ชาติจีนมองสภาพคล่องในระบบยังสูง ระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ในวันนี้ธนาคารกลางจีนยังคงระงับการอัดฉีดเงิน ผ่านการดำเนินงานทางตลาดเงิน (Open Market Operations – OMO) ซึ่งนับเป็นการระงับอัดฉีดเงินติดต่อกันเป็นวันที่ 11 เหตุสภาพคล่องในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับสูง ข้อตกลง reverse repo วงเงิน 4 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 6.17 พันล้านดอลลาร์) ได้ครบกำหนดไถ่ถอนในวันนี้ ซึ่งหมายความว่า สภาพคล่องในตลาดจะปรับตัวลดลง ขณะที่รายงานยังระบุว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้ระบายสภาพคล่องออกจากตลาดการเงินทั้งสิ้น 5.10 แสนล้านหยวน
จีนหวังปี 2020 ไร้คนจน เผย 5 ปีผ่านมายอดคนจนลดกว่า 2 ใน 3
นายหลิว หย่งฟู ผู้อำนวยการสำนักงานลดความยากจนและพัฒนาการของสภาแห่งรัฐของจีน กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีมานี้ จีนสามารถลดจำนวนประชากรยากจนมากกว่า 2 ใน 3 โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อปลายปี 2017 พบว่าจีนมีประชากรจำนวน 30 ล้านคนที่ต่ำกว่าเส้นความยากจนแห่งชาติ ลดลงจาก 98.99 ล้านคนเมื่อปี2012 “เรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายในการขจัดความยากจนให้หมดสิ้นไปทั่วประเทศ” นายหลิวกล่าว ทั้งนี้ จีนตั้งเป้าที่จะขจัดความยากจนให้หมดสิ้น ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นภายในปี 2020 เพื่อสร้างสังคมที่มีความมั่งคั่งในระดับปานกลาง
China Economy EU Japan Thailand US
มุมมองเศรษฐกิจใน 5 ประเทศหลัก
US : เศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2017-2018 จะสามารถขยายตัวเกินค่าเฉลี่ยระยะยาวได้ที่ 2.5% ทั้งสองปี ด้วยแรงหนุนจากการลงทุนภาคเอกชนที่จะเริ่มผลิตเพื่อเพิ่มสินค้าคงคลังให้พอกับความต้องการบริโภคในประเทศ ส่วนการจ้างงานน่าจะยังเติบโตได้แข็งแกร่ง EU : ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ราคาพลังงานช่วยสนับสนุนการบริโภค ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับมา การใช้สินเชื่อเริ่มดีขึ้นเรามองว่า GDP จะขยายตัวที่ 2.3% JP : เศรษฐกิจญี่ปุ่นสามารถขยายตัวได้อัตรา 1.4% เป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยที่มีส่วนช่วยผลักดันได้แก่ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมหรือ Supplementary Budget จากรัฐบาล มีส่วนหนุนการบริโภคภาคเอกชน CH : เศรษฐกิจจีนน่าจะขยายตัวได้ที่ 6.5% โดยเป็นการขยายตัวตามเป้าหมายของทางการที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โครงสร้างเศรษฐกิจจีนค่อยๆขยับเข้าภาคบริการและการบริโภคภาคเอกชน TH : การส่งออกและการใช้จ่ายลงทุนภาเอกชนจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องที่ 3.8% ในปี 2017-2018
China Electric Vehicle Innovation Sustainability Technology
หวั่นรถยนต์ไฟฟ้าจีน ทะลักเข้าไทย
กระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการหาแนวทางแก้ปัญหาและลดผลกระทบต่อค่ายรถยนต์ในประเทศ ตามที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายเพื่อกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (บีอีวี) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จากที่ไทยจะลดภาษีนำเข้าเป็น 0% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2018 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ความตกลงดังกล่าวได้เกิดขึ้นมานานแล้ว ซึ่งขณะนั้นการนำเข้ามักจะเป็นเฉพาะรถกอล์ฟไฟฟ้า แต่เมื่อสถานการณ์การค้า และเทคโนโลยีการผลิตเปลี่ยนไป จึงต้องหารือทุกภาคส่วนอีกครั้งถึงความเหมาะสม ด้าน นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับผู้ผลิตรถยนต์ในไทยถึงผลกระทบจากการลดภาษีนำเข้ารถยนต์บีอีวีจากจีนเป็น 0% ซึ่งมีความคิดเห็นที่หลากหลาย มีทั้งกลุ่มที่เห็นว่า รถยนต์บีอีวีราคาถูกที่จากจีนเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดไทย มองว่ารัฐบาลควรมีมาตรการส่งเสริม และคุ้มครองผู้ผลิตในประเทศด้วยวิธีที่เหมาะสม กลุ่มค่ายยุโรปเห็นต่าง โดยมองว่าตนมีเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูงมองว่าจีนไม่ใช่คู่แข่ง เพราะคนละตลาดกัน และเห็นว่าการมีบีอีวีจากจีน จะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อรถบีอีวีในไทย และทำให้ค่ายรถยนต์กล้าผลิตเพื่อจำหน่ายในไทยมากขึ้น
China Digital Economy Innovation Technology
Google เปิดตัวศูนย์วิจัยด้าน AI ในจีน เล็งดึงคนท้องถิ่นร่วมงาน
รายงานข่าวจากรอยเตอร์สระบุว่า Alphabet Inc. บริษัทแม่ Google ได้เปิดตัวศูนย์วิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ ที่ประเทศจีน โดยมีเป้าหมายที่จะดึงพนักงานคุณภาพ (talent) ท้องถิ่น มาร่วมงานด้วย Google เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence research center) จะเป็นแห่งแรกในเอเชีย ประกอบด้วยทีมงานขนาดเล็กประจำอยู่ที่สำนักงานในกรุงปักกิ่ง โดยศูนย์ใหม่ที่ประเทศจีนจะเป็นหนึ่งในศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ อย่าง นิวยอร์ก โตรอนโต ลอนดอน และ ซูริค ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐของจีนให้การสนับสนุนการพัฒนา และวิจัยเกี่ยวกับ AI ภายในประเทศมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีทางการจีนยังคงมีกฎระเบียบ และข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับบริษัทข้ามชาติในช่วงปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาทางการจีนจะสั่งห้ามการเข้าถึงบริการสืบค้นข้อมูล ของ Google และเว็บไซต์ ยูทูป หรือ โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ แต่ Google ก็ยังคงเดินหน้าผลักดันให้ AI เป็นที่ยอมรับในจีน