จีนประกาศผ่อนคลายกฎสกัดโควิดครั้งใหญ่ที่สุด ส่งสัญญาณเตรียมพร้อมประชาชน ‘อยู่ร่วมกับไวรัส’
จีนประกาศในวันพุธ (7 ธ.ค.) ผ่อนคลายกฎระเบียบมุ่งเข้มงวดสกัดโรคโควิดทั่วประเทศที่จุดชนวนการประท้วงใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ รวมทั้งขัดขวางการขยายตัวทางเศรษฐกิจของแดนมังกร ซึ่งส่งผลพวงต่อเนื่องกระทบต่อทั่วโลก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนที่สุดว่า ปักกิ่งกำลังเตรียมพร้อมประชาชนอยู่ร่วมกับไวรัส ภายใต้แนวทางใหม่ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จะมีการลดความถี่และขอบเขตการตรวจโควิดแบบพีซีอาร์ รวมทั้งจำกัดมาตรการล็อกดาวน์ให้เหลือแค่ขนาดพื้นที่น้อยที่สุดเท่าที่มีเหตุผลความจำเป็นจริงๆ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ต้องยกเลิกการล็อกดาวน์หลังจากพื้นที่ดังกล่าวไม่พบผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 5 วัน สำหรับผู้ป่วยโควิดที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรง สามารถกักตัวที่บ้านเองได้ และประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงรหัสสุขภาพสีเขียวบนมือถือเพื่อเข้าสู่อาคารหรือพื้นที่สาธารณะอีกต่อไป ยกเว้นสถานพักฟื้นผู้สูงวัย สถานพยาบาล โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนมัธยม คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (เอ็นเอชซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่แถลงการเปลี่ยนแปลงนี้ เมื่อวันพุธ (7) เสริมว่า จะเร่งฉีดวัคซีนผู้สูงวัย ซึ่งที่ผ่านมาถูกมองว่า เป็นอุปสรรคสำคัญขัดขวางการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทั้งนี้ ปักกิ่งประกาศว่า กฎระเบียบใหม่มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการป้องกันและควบคุมโรคระบาดปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เอ็นเอชซีประกาศล่าสุด สอดรับกับความเคลื่อนไหวของเมืองใหญ่จำนวนมากที่ทยอยผ่อนกฎสกัดโควิดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ภายหลังเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมโรคระบาดทั่วประเทศเมื่อเดือนที่แล้วที่ลุกลามกลายเป็นการเรียกร้องเสรีภาพทางการเมืองและบางคนถึงขั้นเรียกร้องให้สีลาออก และถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่สีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2012 ข่าวการเปลี่ยนแปลงสำคัญครั้งนี้กลายเป็นประเด็นที่มีผู้เข้าชมสูงสุดบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมเว่ยปั๋ว โดยผู้ใช้จำนวนมากหวังว่า จีนจะกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาหลายพื้นที่ต้องผ่านมาตรการล็อกดาวน์อันยาวเหยียดกินเวลาหลายสัปดาห์มาหลายรอบ และทำให้คนหลายสิบล้านนอกจากเผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่แล้ว ยังมีปัญหาสภาพจิตใจอีกด้วย […]
‘โกลด์แมน แซคส์’ คาดจีนเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์เดือนเม.ย. ปีหน้า
โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ ประเมินว่า จีนอาจจะต้องยุติมาตรการโควิดเป็นศูนย์ก่อนเดือนเม.ย. ในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก โดยมีการประเมินกันว่า การออกจากมาตรการดังกล่าวนั้น อาจจะไม่เป็นระเบียบเท่าไรนัก นางหุย ชาน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ ประเทศจีน ของธนาคาร ระบุในรายงานว่า มีความเป็นไปได้ประมาณ 30% ที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งก่อนไตรมาสสองของปี 2566 “ในไม่ช้า รัฐบาลกลางอาจต้องเลือกระหว่างการล็อกดาวน์เพิ่มมากขึ้น หรือไม่ก็การระบาดของโควิดมากขึ้น” นางหุย เขียนและระบุต่อไปว่า รัฐบาลท้องถิ่นพยายามดิ้นรน เพื่อปรับสมดุลในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส ในขณะที่ปฏิบัติตามมาตรการล่าสุดที่กําหนดให้มีแนวทางที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น เศรษฐกิจจีน กำลังได้รับผลกระทบอย่างยิ่งจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ด้วยการควบคุมที่เข้มข้นมากขึ้นซึ่งควบคุมไปถึงการขนส่ง กิจกรรมทางธุรกิจของผู้คน ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งมาตรการดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ๆ ทั้งในเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง ขณะที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ และเอเอฟพี รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ว่า ชาวจีนออกมาชุมนุมต่อต้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดในหลายเมืองทั่วประเทศ ทั้งที่นครเซี่ยงไฮ้ และการชุมนุมของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่กรุงปักกิ่ง หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสูงแห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ที่มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยในเมืองอุรุมชีทำให้เกิดคลื่นของอารยะขัดขืนทั่วจีน […]
BF Knowledge Tips: มุมมองต่อการเมืองจีน หลังสีจิ้นผิงกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
โดย เสกสรรโตวิวัฒน์ CFP® การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการ และได้มีทีมผู้บริหารชุดใหม่ 6 คน ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งเป็นคนใหม่ 4 คน คนเดิมได้รับเลือกเข้ามา 2 คน ล้วนแต่เป็นผู้สนับสนุนของประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ทำให้การเมืองจีนมั่นคงอย่างมากภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีสี และคนสนิท ไม่ว่าจะเป็น นายหลี่เฉียง รุ่นน้องผู้ภักดีต่อสี จิ้งผิง ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำนครเซี่ยงไฮ้ เชื่อกันว่า นายหลี่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือมีอำนาจสูงสุดลำดับ 2 รองจากสี จิ้นผิง นายจ้าวเล่อจี เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยส่วนกลางแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ (CCDI) คนปัจจุบัน นายจ้าว ถือว่าเป็นดาวรุ่งในกลุ่มผู้นำการเมืองจีน นอกจากตำแหน่งเลขาธิการ CCDI แล้วนายจ้าวยังรับผิดชอบเรื่องการธำรงวินัยภายในพรรค และเปิดโปงการรับสินบนของเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาแล้วหลายรายตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายหวังฮู่หนิง (ชุดเดิม) อายุ 67 ปี ปัจจุบันเป็นเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคฯ นายหวังได้รับการยกย่องว่า เป็นขงเบ้งของนายสี จิ้นผิง […]
วิกฤติอสังหาฯ ส่อดึงจีนสู่ภาวะเงินฝืด ในขณะที่โลกเผชิญภาวะถดถอย
ผลสำรวจของภาคเอกชน พบว่า จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงจะเข้าสู่ “ภาวะเงินฝืด” มากขึ้น เนื่องจากการบริโภคในประเทศลดลง ท่ามกลางวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ และนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวด ซึ่งตรงข้ามกับมหาอำนาจชาติอื่นๆ ที่เศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย จากการที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง China Beige Book International (CBBI) ผู้ทำการสำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูล พบว่า บริษัทในจีนหลายแห่งรายงานการเติบโตของราคาสินค้าที่อ่อนตัวมากที่สุดตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 แม้ว่าค่าแรงและต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น นายลีแลนด์ มิลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CBBI กล่าวในรายงานว่า ในขณะที่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนกเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ประเทศจีนกลับเผชิญความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด อันเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ที่ทำให้อุปสงค์และการบริโภคในประเทศชะลอตัวลง รายงานระบุว่า แรงกดดันจากภาวะเงินฝืดส่วนใหญ่มาจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่พบว่าราคาสินค้าและบริการในภาคบริการ และการค้าปลีก ต่างปรับตัวขึ้นในไตรมาสที่สาม ประเทศจีนประกาศปิดเมือง และจำกัดการเดินทางในหลายพื้นที่ในทุกครั้งที่เจอการแพร่ระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่ต้นปี เมืองใหญ่และแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของประเทศอย่างมหานครเซี่ยงไฮ้ ต้องปิดเมืองไปนานกว่า 2 เดือน เช่นเดียวกับในมณฑลจี๋หลิน ซึ่งทางการจีนเพิ่งประกาศยกเลิกการปิดเมืองเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน เฉิงตู เมืองใหญ่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้ประกาศปิดเมือง ราคาบ้านในจีนปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ […]
‘ผู้บริโภคจีนยุคใหม่’ โฟกัส ‘ออมเงิน’ มากกว่าใช้จ่าย สวนทางนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 ว่า หนึ่งในภาพสะท้อนของพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภคของจีนที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากสู่วิถีของ “ความประหยัด” อย่างเช่น Doris Fu ที่ปรึกษาด้านการตลาดในเซี่ยงไฮ้วัย 39 ปี ระบุว่า ช่วงเวลาก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 ได้วาดฝันถึงอนาคตของตัวเองและครอบครัว ที่จะมีรถใหม่ อพาร์ตเมนต์ที่ใหญ่กว่าเดิม ได้รับประทานอาหารรสเลิศในวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดต่างๆ แต่ขณะนี้กลับต้องลดการใช้จ่ายและประหยัดเงินเท่าที่ทำได้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของจีน การว่างงานของเยาวชนที่สูงขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา ความประหยัดรูปแบบใหม่นี้ ขยายผลโดยผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียที่โน้มน้าววิถีชีวิตราคาประหยัดและแบ่งปันเคล็ดลับในการประหยัดเงิน ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก Benjamin Cavender กรรมการผู้จัดการของ China Market Research Group (CMR) กล่าวว่า “เราทำแผนที่พฤติกรรมผู้บริโภคที่นี่มาเป็นเวลา 16 ปีแล้ว และในช่วงเวลานี้สิ่งที่กังวลมากที่สุดคือผู้บริโภคอายุน้อย” โดยนโยบาย zero-COVID ของจีน ซึ่งรวมถึงล็อกดาวน์ที่เข้มงวด การจำกัดการเดินทาง และการทดสอบจำนวนมาก ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ การปราบปรามบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อแรงงานรุ่นเยาว์อีกด้วย การว่างงานในกลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่าง […]
พิษมาตรการโควิดกดท่องเที่ยวจีนซึม การเติบโตเศรษฐกิจจีนระส่ำหลังคนเก็บตัวอยู่บ้าน
กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศจีนปิดฉากวันหยุดยาวล่าสุด ด้วยรายได้ที่ยังต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 อยู่มาก กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเทียวของจีน รายงานรายได้การท่องเที่ยวในประเทศเมื่อช่วงวันหยุดยาว 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ ระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน อยู่ที่ 2.86 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.5 แสนล้านบาท) หรือคิดเป็น 60.6% ของรายได้ที่ทำได้ในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด-19 จะระบาด นอกจากนั้นแล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวในปีนี้ยังต่ำกว่ารายได้ในปี 2564 อยู่ 22.8% ยอดการท่องเที่ยวอยู่ที่ 73.4 ล้านเที่ยว ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนหน้า 17% และคิดเป็นการฟื้นตัวมาที่ 72.6% ของช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2562 ลู่ ถิ่ง นักเศรษฐศาสตร์ จากโนมูระ ระบุว่าตัวเลขการท่องเที่ยวในวันหยุดที่ผ่านมาลดลงมากกว่าช่วงวันหยุดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน โดยกล่าวว่า กิจกรรมทางธุรกิจที่ย่ำแย่นั้นมาจากมาตรการควบคุมด้านโควิด-19 เป็นหลัก จากการที่ภาครัฐแนะนำให้ชาวจีนอยู่แต่ในพื้นที่ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมแบบกลุ่ม และเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ และวันชาติจีน […]
จีนปิดเมืองเฉิงตู สั่ง ปชช. 21.2 ล้าน อยู่บ้าน-เร่งตรวจหาเชื้อ คุมโควิดลาม
เมื่อวันที่ 1 กันยายน สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า นครเฉิงตู หนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของจีนและเป็นเมืองเอกของมณฑลเสฉวน เป็นเมืองล่าสุดของจีนที่ได้ประกาศล็อกดาวน์เมือง ที่มีประชากรราว 21.2 ล้านคนแห่งนี้ โดยมีผลในวันเดียวกันนี้ เพื่อสกัดการระบาดของโรคโควิด-19 ภายใต้ยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลปักกิ่ง โดยในวันเดียวกันนี้ เฉิงตูยังมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 157 ราย โดยเป็นผู้ไม่ได้แสดงอาการ 51 ราย ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์นี้ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเฉิงตูทั้งหมดถูกสั่งห้ามออกนอกบ้านเริ่มจากเวลา 18.00 น.ของวันพฤหัสบดี (1 ก.ย.) เป็นต้นไป โดยจะอนุญาตให้แต่ละครัวเรือนส่งคนในครอบครัวเพื่อออกไปซื้อหาอาหารข้าวของเครื่องใช้จำเป็นได้วันละ 1 คนเท่านั้น และจะเริ่มทำการตรวจเชื้อโควิดให้กับประชาชนทุกคนในเมืองเป็นเวลา 4 วัน อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จะมีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ในทันทีหรือไม่ หลังจากการตรวจหาเชื้อหมู่ให้กับชาวเมืองเฉิงตูที่จะดำเนินไปถึงวันอาทิตย์ (4 ก.ย.) นี้เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ พนักงานในภาคธุรกิจที่ไม่จำเป็นในเฉิงตู ยังถูกร้องขอให้ทำงานที่บ้านและขอให้ประชาชนไม่ออกนอกเมือง เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ส่วนผู้ที่ต้องออกจากเคหะสถานเพื่อไปพบแพทย์หรือกิจธุระจำเป็นอื่นๆ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ในแต่ละพื้นที่เสียก่อน ขณะที่ ข้อมูลจากไฟลท์มาสเตอร์ระบุว่า เที่ยวบินเข้า-ออกนครเฉิงตู […]
มองหุ้นจีนผ่านนโยบายเศรษฐกิจ
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจจีนดูน่ากังวล ตัวเลขผู้ติดเชื้อกลับมาที่ระดับสูงสุดในรอบสามเดือน และยังเกิดภาวะภัยแล้งในหลายจังหวัดทำให้เกิดภาวะพลังงานขาดแคลน จำเป็นต้องปิดโรงงานในเสฉวน เนื่องจากไฟมีไม่พอให้รันการผลิต หลายๆ House ออกมาปรับประมาณการ GDP Growth ลงจากห้ากลางๆ เหลือสามปลายๆ ขณะที่ทางการจีนก็กล่าวว่า อาจจะปล่อยให้เป้าหมาย GDP ปีนี้ยืดหยุ่นขึ้น แปลว่า GDP Growth Target ปีนี้คงไปไม่ถึง 5.5% อย่างที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ แต่กลายเป็นว่า หุ้นจีนกลับไม่ไถลลงแรง หนำซ้ำดัชนีหุ้นสำคัญๆ ของจีนดูเหมือนพยายามที่จะ Recover กลับมาได้จากที่ทำ Low ไปเมื่อต้นเดือน ส.ค. นั่นอาจเป็นเพราะ ธนาคารกลางจีน หรือ PBoC ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสำคัญลง ได้แก่ 1-year MLF Rate หรือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 1 […]
ท่องเที่ยวจีนฟื้นหลังคลายล็อกโควิด ยอดจองที่พักพุ่งสูงกว่าระดับก่อนการระบาด 46%
การท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนกำลังฟื้นตัว หลังจากร่วงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติศาสตร์ในช่วงที่ประเทศประกาศใช้มาตรการบังคับและจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ นักวิเคราะห์จากฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) กล่าวว่า หลังจากที่นครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าระดับโลก ประกาศคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง และเปิดเมืองอีกครั้ง ยอดจองที่พักในวันหยุดพุ่งขึ้นอย่างมาก เป็นสัญญาณว่าการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี รายได้ภาคการท่องเที่ยว และตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมนี้ แตะระดับต่ำสุดในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งลดลงเกือบครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฟลอรา จู และ เจนนี หวง นักวิเคราะห์จากฟิทช์ เรทติ้งส์ มองว่า การที่จีนผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทาง และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อื่นๆ นั้น ช่วยกระตุ้นให้ความต้องการในการท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น แม้การแพร่ระบาดจะยังคงอยู่ การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในภาคการท่องเที่ยว ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากรายได้จากภาคการท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณร้อยละ 11 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และคิดเป็นร้อยละ 10 ของการจ้างงานในประเทศในปี 2562 หรือก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการบังคับและจำกัดการเดินทางในหลายๆ เมือง […]
อินเดียจะมีประชากรมากสุดในโลกแทนจีนในปีหน้า
จากการคาดการณ์ล่าสุดของสหประชาชาติ ระบุว่า อินเดียจะแซงจีน ขึ้นเป็นประเทศที่มีประชากรมากสุดในโลกในปี 2566 จากที่มีประชากรมากกว่า 1,200 ล้านคน ในปี 2554 ทั้งจีนและอินเดียมีประชากรในปี 2565 ชาติละมากกว่า 1,400 ล้านคน สหประชาชาติ คาดการณ์ว่า ประชากรทั่วโลกจะมีจำนวนถึง 8,000 ล้านคนในกลางเดือนพฤศจิกายน 2565 จากประมาณ 2,500 ล้านคน ในปี 2493 และจะเพิ่มเป็นประมาณ 8,500 ล้านคนในปี 2573 และ 10,400 ล้านคนในปี 2643 ในปีที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ แถลงว่า “ภาวะเจริญพันธุ์โดยเฉลี่ย” ของประชากรโลกมีจำนวน 2.3 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคนตลอดช่วงชีวิต เทียบกับที่มีการเกิดประมาณ 5 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน ในปี 2493 และคาดว่า “ภาวะเจริญพันธุ์ทั่วโลก” จะลดลงอีก โดยเหลือ […]