เครือข่าย 5G – รถยนต์อัจฉริยะจะเป็นแรงขับเคลื่อนตัวใหม่ของศก.ญี่ปุ่น
สำนักข่าว CNBC รายงานว่าการพัฒนาเครือข่ายโทรคมนาคมระบบ 5G และรถยนต์อัจฉริยะจะเป็นแหล่งขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ของญี่ปุ่นในทศวรรษหน้า Kazunori Ito นักวิเคราะห์อาวุโสที่ Ibbotson Associates Japan กล่าวว่า ก่อนหน้านี้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อสารเช่น สมาร์ทโฟน และกล้องดิจิตอลเป็นอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น แต่นับจากนี้อุตสหากรรมนอกกลุ่มไอทีเช่น ยานยนต์อัจฉริยะ และการพัฒนาเครือข่าย 5G จะเป็นแหล่งขับเคลื่อนใหม่ของเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดว่า เครือข่าย 5G ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมใหม่ต่างๆให้มีประสิทธภาพ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีเสมือนจริง ‘เราจะได้เห็นอุปกรณ์จำนวนมากเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต และเราคาดว่า การถ่ายโอนข้อมูลจะเพิ่มขึ้นกว่า 40%-50% ต่อปี’ เขากล่าว
ญี่ปุ่นหนุนสหรัฐส่งออก LNG มาเอเชีย หนุนตั้งศูนย์กลางขนส่งก๊าซในภูมิภาค
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่าจะช่วยสนับสนุนการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของสหรัฐ ไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชีย โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐ นายมาซากิ อิชิกาว่า ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า ในสังกัดกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนการดังกล่าวในการประชุมเศรษฐกิจระดับทวิภาคีที่กรุงวอชิงตัน โดยคาดหวังว่า การดำเนินการช่วยสนุบสนุนการส่งออก LNG จะขยายขอบข่ายความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ ในขณะที่ประเทศเอเชียก็มีความต้องการก๊าซ LNG มากขึ้นเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จะเสนอเงินกู้สำหรับการสร้างศูนย์การขนส่งก๊าซ LNG ขณะที่บริษัทนิปปอน เอ็กซ์ปอร์ต แอนด์ อิสเวสต์เมนท์ อินชัวรันซ์ จะทำหน้าที่รับประกันภัยพิบัติและอุบัติเหตุต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งก๊าซ LNG ทางทะเล ภายใต้ข้อตกลงระหว่างกัน ทั้งสองประเทศจะร่วมกันจัดการฝึกฝนบุคลากรชาวเวียดนามและฟิลิปปินส์ เพื่อช่วยเหลือโครงการสาธารณูปโภค LNG ในเอเชียตะวันออก ขณะเดียวกันทั้งสองประเทศจะจัดตั้งทีมงานเพื่อรับผิดชอบโครงการก๊าซ LNG ในบังกลาเทศ อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
อีก 5 ปีร้านขายของชำในอินเดียกว่าครึ่งจะเป็นของ Amazon
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า อเมซอน อิงค์ คาดการณ์ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจร้านขายของชำและผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในครัวเรือนของอเมซอน จะคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของธุรกิจในอินเดีย โดยบริษัทได้ขยายการให้บริการในกลุ่มนี้และเจาะตลาดในพื้นที่ต่างๆ อาทิ การเปิดตัว AmazonFresh Amit Agarwal หัวหน้าแผนกอเมซอนของอินเดียกล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ว่า ร้านขายของชำและ สินค้าเช่น ครีม สบู่ และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเป็นผลิตภัณฑ์ของอเมซอนที่ขายเยอะที่สุดในอินเดีย “หากถามถึงวิสัยทัศน์ในอีก 5 ปีข้างหน้า อะโวคาโด มันฝรั่ง ไปจนถึงเนื้อสัตว์ ไอศกรีม ทุกสิ่งทุกอย่างเราจะส่งให้คุณภายใน 2 ชั่วโมง เเละอาจเป็นไปได้ว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้า ร้านขายของชำ เเละสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่าครึ่งหนึ่งจะเป็นของเรา” เขากล่าว
จีนพร้อมต่อต้านกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า จีนประกาศจะต่อต้านการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ และจะปกป้องระบบการค้าพหุภาคีอย่างเต็มที่ สะท้อนท่าทีที่ตรงกันข้ามกับสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์จีนลงบทความที่มีเนื้อหาดังกล่าวทางหนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุว่า จีนจะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจ และเปิดเสรีภาคธนาคาร หลักทรัพย์ และประกันภัย นอกจากนี้ จีนมีแผนจะขยายเพดานการถือหุ้นของต่างชาติในอุตสาหกรรมยานยนต์ เรือเดินสมุทร และอากาศยานอีกด้วย ทั้งนี้ จีนได้ให้คำมั่นว่า จะให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวดมากขึ้น และสนับสนุนการก่อตั้งเขตการค้าเสรีในมลฑลไหหนาน
ธนาคารโลก เพิ่มทุน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หวังแก้ปัญหาความยากจน
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ธนาคารโลก (World Bank) ได้ประกาศแผนเพิ่มเงินทุนในวงเงิน 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพในการแก้ไขปัญหาความยากจนทั่วโลก แผนการดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากคณะผู้อภิปรายร่วม ซึ่งมีกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รวมอยู่ด้วย แผนเพิ่มเงินทุนนี้ประกอบด้วยเงินทุนที่ต้องชำระเบื้องต้น (paid-in capital) 7.5 พันล้านดอลลาร์แก่ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรณะและพัฒนา (IBRD) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของธนาคารโลก และอีก 5.5 พันล้านดอลลาร์แก่บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) ซึ่งเป็นบรรรษัทด้านการลงทุนในเครือ โดยญี่ปุ่นจะให้ทุนสนับสนุนแผนการดังกล่าวประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์จากทั้งหมด ส่วนสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ที่ให้เงินสนับสนุนมากที่สุดของธนาคารโลก ได้แสดงความเห็นชอบต่อแผนการดังกล่าว แลกกับการปฏิรูปกิจการเงินกู้ นอกจากนี้ คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาระหว่าง IMF กับธนาคารโลก ยังได้ตกลงที่จะแก้ไขสัดส่วนการถือหุ้นใน IBRD เพื่อเปิดทางให้ประเทศกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ด้วย จีน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสาม จะมีสิทธิ์ลงคะแนนเพิ่มขึ้นเป็น 5.71% จากเดิม 4.45% ขณะที่สหรัฐอเมริกาจะมีสิทธิ์ลดลงเป็น 15.87% จากเดิม 15.98% และญี่ปุ่นเหลือ 6.83% […]
ราคาบ้านใหม่จีนยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ไม่สนมาตรการรัฐ ชะลอความร้อนแรง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนเดือนมีนาคมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.42% จากเดือนก่อนหน้า โดยคำนวนจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (National Bureau of Statistics : NBS) จะเห็นได้ว่าราคาเพิ่มขึ้นสูงกว่าหากเทียบกับเดือนก.พ.ที่ราคาบ้านเพิ่มขึ้นเพียง 0.25% ราคาบ้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นในเดือนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังคงร้อนแรง แม้รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นจะพยายามดำเนินมาตรการชะลอความร้อนแรงใตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องก็ตาม ขณะที่ราคาบ้านใหม่เดือนมีนาคมพบว่า 55 เมืองใหญ่จากทั้ง 70 เมืองใหญ่ในจีนราคาปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นจำนวนที่มากว่า เดือนก.พ.ที่มีเพียง 44 เมืองใหญ่ที่ราคาบ้านใหม่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในจีนเปิดเผยว่า ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ยังคงชะลอตัว และอาจจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงานเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน
สหรัฐ-อังกฤษ พร้อมใจเตือนเอกชน ระวังการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่าทางการสหรัฐและอังกฤษได้ออกแถลงการณ์เพื่อเตือนบริษัทเอกชนและหน่วยงานภาครัฐให้เฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย การออกแถลงการณ์เตือนของทั้งสองประเทศมีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวได้ออกมาระบุว่า รัสเซียว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์เมื่อปีที่แล้ว โดยกล่าวว่า กองทัพรัสเซียได้เปิดฉากการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ขณะที่สำนักงานข่าวกรองอังกฤษเปิดเผยว่า รัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์โจมตีทางไซเบอร์ด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ “Petya” ในเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของอังกฤษ โดยนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า “เรามองว่าคำกล่าวหาเหล่านั้นไม่มีมูลและเป็นการพูดขึ้นมาลอยๆ”
รัฐวิสาหกิจจีนQ1กำไรพุ่ง เกือบ 20% สะท้อนศก.โตต่อเนื่อง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หน่วยงานรัฐวิสาหกิจจีนกำไรไตรมาสที่ 1 ปี 2018 พุ่งขึ้น 19.4% โดยรายได้ทั้งหมดของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจส่วนกลาง เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 6.4 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 1.02 ล้านล้านดอลลาร์ เผิง หัวกัง โฆษกคณะกรรมการกำกับดูแลและบริหารทรัพย์สินของรัฐ กล่าวว่า รายได้ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านกิจการไฟฟ้า ถ่านหิน และเครื่องจักรมีอัตราการขยายตัวสูงสุด แตะ 2.4 ล้านล้านหยวน “ปัจจัยวัดด้านเศรษฐกิจชี้ให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายเผิงกล่าว โดยยอดขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 12.2% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสแรก ส่วนกำไรรายเดือนทำนิวไฮ เพิ่มขึ้น 17.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะ 1.69 แสนล้านหยวน เขากล่าวว่า การขยายตัวของกำไรที่สดใสนี้มีสาเหตุมาจากการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของจีน การปฏิรูปเชิงลึกด้านอุปทาน และการปรับเปลี่ยนความสามารถในการแข่งขันของบริษัท ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในระยะยาว
IMF เตือนศก.โลกผันผวน ผู้บริโภคยากจนลง ภายใต้สงครามการค้าจีน-สหรัฐ
นางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกโรงเตือนว่า เศรษฐกิจโลกตกอยู่ภายใต้เมฆครึ้มที่บดบังท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เขากล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาฮ่องกงในวานนี้ว่า ระบบการค้าโลกในปัจจุบันเสี่ยงที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ และมีแนวโน้มที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกผันผวนและยังทำให้ผู้บริโภคยากจนลงอีกด้วย พร้อมกับผลักดันให้รัฐบาลประเทศต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับลัทธิการปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง มิเช่นนั้นก็จะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ด้านลบตามมา
คนไทยกว่า 44%เล็งใช้รถพลังงานไฟฟ้า หากซื้อคันใหม่
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายข้อมูลจากผลงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) จากความร่วมมือระหว่าง นิสสัน และฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) องค์กรที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก มีกลุ่มตัวอย่างจากประเทศไทย 300 คน โดยผลงานวิจัยเผยให้เห็นว่าปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่น้อย แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้เกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีมากมาย อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (Full Hybrid) และรถยนต์นิสสัน อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นต้น สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสูงถึง 44 % ของผู้ที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่า พวกเขาจะพิจารณารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในการวางแผนเพื่อซื้อรถคันต่อไป […]