เฟซบุ๊ก เผยรายได้ Q1/61 พุ่งเกือบ 50%
เฟซบุ๊กเผยรายได้ไตรมาส 1 ปีนี้ พุ่งเกือบ 50% แม้ว่า บริษัทได้เผชิญกับมรสุมครั้งใหญ่กับการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้บริการ 50 ล้านคนเมื่อไม่นานมานี้ นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของบริษัทเฟซบุ๊ก กล่าวว่า แม้ว่า บริษัทจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ชุมชนและธุรกิจของเราก็ยังคงเดินหน้าได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นปีนี้ รายได้ของเฟซบุ๊กในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.19 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 8 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากการโฆษณา เพิ่มขึ้นแตะ 1.17 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 7.8 พันล้านดอลลาร์
ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม มี.ค.61 ปรับเพิ่มมาที่ 90.7
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมี.ค.61 อยู่ที่ 90.7 จาก 89.9 ในเดือนก.พ. ในเดือนมีนาคม ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าเพื่อชดเชยในช่วงเดือนเมษายนที่มีวันทำงานน้อยกว่าปกติเนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สะท้อนจากดัชนีฯ ปริมาณการผลิต และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ประกอบกับมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ อาหาร รองเท้า และการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดคำสั่งซื้อและยอดขายในประเทศ ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังขยายตัวดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปัญหาขาดสภาพคล่องโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารต้นทุนของผู้ประกอบการส่งออก ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.9 ปรับตัวลดลงจาก 102.2 ในเดือนก.พ. เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกมีความกังวลต่อมาตรการการค้าระหว่างของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่มีต่อภาครัฐ ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการ SME เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ, การสนับสนุนการหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อขยายการค้าการลงทุน และป้องกันความเสี่ยงจากสงครามการค้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย, การส่งเสริมการฝึกอบรมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย […]
สตาร์บัคส์ปิดร้านทั่วสหรัฐ 29 พ.ค. อบรมพนักงานเลี่ยงเหยียดสีผิว
รายงานข่าวจาก CNBC ระบุว่า สตาร์บัคส์จะปิดร้านทั้งหมดในสหรัฐในช่วงบ่ายของวันที่ 29 พ.ค.เพื่ออบรมพนักงานเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมในการเหยียดสีผิว Kevin Johnson ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ ออกแถลงการณ์ระบุว่า พนักงานของสตาร์บัคส์จำนวนราว 175,000 คน ในสาขา 8,000 แห่งทั่วสหรัฐจะเข้าร่วมในการอบรม เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงแสดงอาการมีอคติ และป้องกันการกีดกันทางเชื้อชาติ หรือสีผิว “ผมและทีมผู้บริหารได้ใช้เวลาพูดคุย และเปิดรับฟังจากคนในชุมชม พร้อมทั้งเรียนรู้สิ่งที่เราได้ทำผิดพลาด และในขั้นต่อไปเราจำเป็นต้องแก้ปัญหาพวกนี้อย่างจริงจัง และเราสัญญาว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมหาทางออก และการปิดร้านทั้งหมดเพื่อให้พนักงานในทุกระดับเข้าร่วมในการอบรมป้องกันการกีดกันทางเชื้อชาติ หรือสีผิวถือเป็นก้าวแรกของแนวทางปฏิบัติ” เขากล่าว การอบรมพนักงานในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่พนักงานของสตาร์บัคส์ในเมืองฟิลาเดลเฟียได้แจ้งตำรวจให้มาจับกุมตัวชายผิวสี 2 คนที่มานั่งในร้านแต่ไม่ได้สั่งเครื่องดื่ม ขณะที่พวกเขากำลังรอพบเพื่อนที่จะเข้ามาในร้าน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างกระแสความไม่พอใจต่อสตาร์บัคส์ จนทำให้ Johnson ต้องออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จีนเตรียมไฟเขียวต่างชาติถือหุ้นในบริษัทรถยนต์ได้ 100% เป็นครั้งแรก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า จีนเตรียมอนุญาตให้ต่างชาติถือหุ้นในบริษัทในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ 100% เป็นครั้งแรกตามนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ และเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ขณะเดียวกันจีนจะยกเลิกหลักเกณฑ์ที่กำหนดให้ค่ายรถยนต์ต่างชาติจะต้องหาพันธมิตรในจีน และจะต้องร่วมมือกับพันธมิตรในจีนเพื่อพัฒนารถยนต์ รวมถึงแบ่งปันเทคโนโลยีให้กับพันธมิตรในจีนด้วย โดยการยกเลิกหลักเกณฑ์ดังกล่าวนับเป็นการตอบสนองข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯที่ต้องการให้จีนยุติการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมกับเตรียมใช้มาตรการลงโทษจีนต่อกรณีดังกล่าวด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้ามูลค่า 150 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสื่อ จิ้นผิงของจีนประกาศจะยกเลิกการจำกัดการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน และจะลดภาษีนำเข้ายานยนต์
ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ในจีน มี.ค.โต 117.4% จากปีก่อน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่ายอดขายรถยนต์ในจีนปรับตัวขึ้นในเดือนที่ผ่านมา นำโดยรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลสถิติจากสมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เผยให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์ NEV มียอดขายพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 117.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี แตะที่ 68,000 คัน ขณะที่การผลิตพุ่งขึ้น 105% ขณะที่จีนมียอดขายรถยนต์ 2.66 ล้านคันในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 4.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ยอดขายในเดือนก.พ.ปรับตัวลง 11.1% เทียบรายปี
BOJ มองศก.ฟื้นต่อเนื่อง ดันเงินเฟ้อดีดกลับเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2%
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมผู้จัดการสาขาทั่วภูมิภาคของ BOJ ในวันนี้ โดยนายคุโรดะคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วประเทศมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นสู่เป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายคุโระได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายด้านราคา “ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดนั้น ปัจจุบันปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนในวันข้างหน้านั้น คาดว่า ดัชนีจะดีดตัวขึ้นจนถึงระดับ 2% เนื่องจากผลผลิตทางเศรษฐกิจในระดับมหภาคเริ่มฟื้นตัวขึ้น และการคาดการณ์เงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นด้วย” นายคุโรดะกล่าว พร้อมระบุว่า “เราจะเดินหน้านโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณด้วยการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน”
ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนพร้อมปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ รับมือทั่วโลก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่านายอี้ กัง ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมโป๋อ่าว ฟอรั่ม ฟอร์ เอเชีย (BFA) ที่มณฑลไห่หนานของจีน ในวันนี้ โดยกล่าวว่า ธนาคารกลางจีนจะเดินหน้านโยบายการเงินอย่างรอบคอบต่อไป นายอี้ยังกล่าวด้วยว่า จีนมีการเตรียมความพร้อมที่ดีในการรับมือกับกรณีที่ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ พร้อมกับแสดงความเห็นว่า ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (interest rate differential) ระหว่างจีนและสหรัฐนั้น อยู่ในกรอบที่เหมาะสม
จีนเปิดกว้างต่างชาติลงทุนในตลาดจีนมากขึ้น
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงาน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม Boao Forum for Asia Annual Conference 2018 ว่า จีนจะใช้มาตรการสำคัญหลายมาตรการ เพื่อขยายขอบเขตการเข้าถึงตลาดจีนให้มากขึ้น นายสีกล่าวว่า เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว จีนได้ประกาศว่าจะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเพิ่มเงินลงทุนในหุ้นธุรกิจภาคธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ และการประกัน “จีนจะสร้างความเชื่อมั่นว่า มาตรการต่างๆเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้จริง” นายสีกล่าว เขากล่าวว่า จีนจะเร่งการเปิดกว้างในอุตสาหกรรมประกัน ผ่อนคลายกฎข้อบังคับที่เข้มงวดเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันการเงินต่างชาติในประเทศจีน และขยายขอบเขตทางธุรกิจของต่างชาติ รวมทั้งเปิดกว้างมากขึ้นในด้านความร่วมมือระหว่างตลาดการเงินของจีนและต่างชาติ ส่วนในด้านการผลิตนั้น นายสีกล่าวว่า จีนได้เปิดกว้างในภาคการผลิตด้วยการยกเว้นกฎข้อบังคับบางส่วนให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ เรือ และเครื่องบิน “ปัจจุบันอุตสาหกรรมเหล่านี้อยู่ในสถานะที่เปิดกว้าง ส่วนขั้นตอนต่อไปนั้น เราจะลดข้อจำกัดด้านการลงทุนของต่างชาติในอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ ” นายสีกล่าว
ธนาคารกรุงเทพคว้าอันดับหนึ่ง ธนาคารแห่งปี 2561
การเงินธนาคาร ฉบับเดือนเมษายน 2561 ประกาศผลการจัดอันดับ ธนาคารแห่งปี 2561 หรือ Bank of the Year 2018 โดย ธนาคารกรุงเทพ ได้ครองแชมป์ธนาคารแห่งปี 2561 จากผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 14 แห่ง ในรอบปี 2560 (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 ธันวาคม 2560) โดยธนาคารกรุงเทพ สร้างกำไรสุทธิได้สูงเป็นอันดับ 3 ของระบบธนาคารพาณิชย์ในปี 2560 โดยมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 33,008.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% จากปีก่อน เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคาร บริการกองทุนรวม และกำไรสุทธิจากเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นสูงเป็นอันดับ 1 ที่ 17.29 บาท นอกจากนี้ ธนาคารกรุงเทพยังมีขนาดสินทรัพย์สูงสุดเป็นอันดับ 1 รวม 3,076,310.39 […]
ผู้ว่าแบงก์ชาติญี่ปุ่นเดินหน้าดันเงินเฟ้อแตะ 2% ไม่สนโดนติง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายฮารฺฮิโกะ คุโรดะ ได้เริ่มทำหน้าที่ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น สมัยที่ 2 วันนี้เป็นวันแรก โดยนายคุโรดะจะเดินหน้าผลักดันให้เงินเฟ้อของประเทศเข้าสู่เป้าหมายที่ 2% ให้ได้ต่อไป นายคุโรดะตั้งใจว่า จะทำให้เงินเฟ้อบรรลุเป้าหมายให้ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี แต่การที่ประชาชนลังเลเรื่องการใช้จ่ายทำให้การผลักดันเงินเฟ้อให้บรรลุเป้าหมายเป็นไปอย่างเชื่องช้า โดยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารสดที่มีความผันผวนนั้น อยู่ที่ระดับ 1% ในเดือนก.พ. อย่างไรก็ตามเริ่มมีเสียงวิจารณ์มากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบของการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างยาวนาน โดยภาคธนาคารทั่วประเทศมองว่า สัดส่วนกำไรนั้นถูกกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ และยังมีความกังวลเกี่ยวกับงบประมาณที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสถานภาพทางการเงินของธนาคารกลางในระยะยาว