กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ (B-BHARATA)
สรุปประเด็นทางเศรษฐกิจอินเดีย หลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นอินเดีย (MSCI India USD Index) แกว่งขึ้นลงตลอดครึ่งปีที่แล้ว (2H2019) จากการชะลอตัวของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศและสงครามการค้าที่เข้ามากระทบ ในเดือน ม.ค. ปีนี้ (ปี 2020) ดัชนีปรับตัวเพิ่มจากหุ้นในกลุ่มหุ้นมิดแอนด์สมอลแคป จากระดับมูลค่า Valuation ลดลงในปีก่อนหน้า มาตรการที่รัฐบาลอินเดียได้ประกาศใช้หลายอย่างตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว เช่น ลดภาษีนิติบุคคล/บริษัทลงจากเดิม 30% เป็น 22% ลดภาษีนิติบุคคล/บริษัทที่เริ่มดำเนินการผลิตสินค้าจากเดิม 25% เป็น 15% ได้ช่วยให้บริษัทมีเงินเหลือนำไปลงทุนในกิจการต่อยอดไปสู่การผลิตสินค้าเพื่อผู้บริโภค หรือนำเงินไปชำระหนี้สินเพิ่มเติม ส่งผลบวกต่อธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง ยอดการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนชาติซึ่งเคยเป็นผู้ขายสุทธิตลาดหุ้นอินเดีย -3.18 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสสามปี 2019 และเป็นผู้ซื้อสุทธิ +1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. ปี 2019 ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีแล้วนั้น ในเดือนมกราคมปีนี้ยังพบว่านักลงทุนต่างชาติยังเป็นผู้ซื้อสุทธิ +2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศก็เป็นผู้ซื้อสุทธิเช่นกันที่ +316 […]
B-ASIA B-ASIARMF Product Update
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชีย (B-ASIA) กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเอเชียเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-ASIARMF)
ทิศทางการลงทุนตลาดหุ้นเอเชียไม่รวมประเทศญี่ปุ่น กองทุนหลักมองว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ควรประเมินเศรษฐกิจเอเชียด้วยการหยิบตัวเลขในการผลิตที่ฟื้นตัวภายหลังข้อตกลงทางการค้าเฟสหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ได้รวมผลกระทบจากระบาดของโคโรนาไวรัส (โควิด-19) ที่ปะทุขึ้นในเดือน ม.ค. ซึ่งมองว่าสถานการณ์แพร่ระบาดจะส่งผลกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆ แล้วหลังจากนั้นภาคการผลิตจะกลับมาฟื้นตัวได้ต่อหลังจากนี้ ด้วยแนวทางการคัดเลือกหลักทรัพย์ลงทุนโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน ธุรกิจของบริษัทที่กองทุนหลักถือครองอยู่นั้น ไม่ค่อยไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโคโรนาไวรัส ห้วงเวลาดังกล่าว ทีมจัดการกองทุนหลัก เริ่มมองเห็นว่า ราคาหุ้นเอเชียที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่อุปทานในตลาดรถยนต์ มีราคาหุ้นลดลงมามากจากการชะลอตัวลงของยอดขายรถยนต์ในประเทศจีนช่วงก่อนหน้า คาดว่า หลังจากที่ทีมงานได้หารือและประเมินสถานการณ์แล้วจะเข้าลงทุนในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าถัดจากนี้ ในปี 2020 หุ้นในพอร์ตลงทุนของกองทุนหลัก น่าจะสร้างผลอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนได้หากผลลัพธ์ทางการค้าออกมาในเชิงบวก เพราะหุ้นรายตัวที่ถือครองมีรายได้เติบโตไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า Cyclical Stock เสียส่วนใหญ่ มุมมองรายประเทศที่กองทุนหลักได้ให้ความสำคัญและมีน้ำหนักลงทุนมากกว่าดัชนี เกาหลีใต้ (น้ำหนักในกองทุนหลัก 18.46%, น้ำหนักในดัชนี 13.79%) กองทุนหลัก ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ช่วงปี 2019 ที่ผ่านว่า เป็น Perfect Storm เกาหลีใต้ประสบกับปัญหาการเมืองภายในประเทศ จากการที่รัฐบาลประกาศเพิ่มรายได้จ้างงานขั้นต่ำ โดยหวังว่าผู้บริโภคจะบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ขึ้นคือ บริษัทส่วนใหญ่ไม่สามารถจะจ้างงานเพิ่ม เนื่องจากต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ […]
กองทุนรวม คนไทยใจดี (BKIND)
ภาพรวมตลาดหุ้น ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลานี้ ยังคงอยู่ที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ในเร็ววันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินหยวนที่กลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุระดับจิตวิทยาที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรกันได้และการที่ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนผู้ชุมนุมในฮ่องกง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการเจรจาทางการค้าอีกครั้ง และกดดันตลาดหุ้นในช่วงปลายเดือน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ที่ออกมานั้น หลายแห่งเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง นำโดยสหรัฐที่ GDP ไตรมาสสาม ขยายตัว 2.1% (QoQ SAAR) ดีกว่าตลาดคาด และอัตราเงินเฟ้อต่ำลงเหลือ 1.6% สนับสนุนโอกาสที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำได้นานขึ้น ด้านเศรษฐกิจจีน ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทางการจีน เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 0.3 จุด มาที่ 51.7 จุด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะยังคงปรับตัวลงต่อ และอยู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี แต่ดัชนีฝ่ายจัดซื้อรวมเริ่มฟื้นตัวจากระดับต่ำได้บ้าง รวมถึงเศรษฐกิจเยอรมนีที่ GDP ไตรมาสสาม […]
กองทุนรวมบัวหลวงหุ้นธรรมาภิบาลไทย (B-THAICG)
ภาพรวมตลาดหุ้น ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและภาพรวมเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลานี้ ยังคงอยู่ที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ในเร็ววันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกในเดือนพฤศจิกายนปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินหยวนที่กลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุระดับจิตวิทยาที่ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรกันได้และการที่ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนผู้ชุมนุมในฮ่องกง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการเจรจาทางการค้าอีกครั้ง และกดดันตลาดหุ้นในช่วงปลายเดือน ขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ที่ออกมานั้น หลายแห่งเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวได้บ้าง นำโดยสหรัฐที่ GDP ไตรมาสสาม ขยายตัว 2.1% (QoQ SAAR) ดีกว่าตลาดคาด และอัตราเงินเฟ้อต่ำลงเหลือ 1.6% สนับสนุนโอกาสที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำได้นานขึ้น ด้านเศรษฐกิจจีน ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของทางการจีน เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 0.3 จุด มาที่ 51.7 จุด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นจะยังคงปรับตัวลงต่อ และอยู่จุดต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี แต่ดัชนีฝ่ายจัดซื้อรวมเริ่มฟื้นตัวจากระดับต่ำได้บ้าง รวมถึงเศรษฐกิจเยอรมนีที่ GDP ไตรมาสสาม […]
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นเพื่อคนรุ่นใหม่ (B-FUTURE)
ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นมาต่อเนื่องมายังเดือน พ.ย. โดยตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเฮลธ์แคร์ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและยุโรปปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปี ตอบรับข่าวเรื่องความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่คาดว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกร่วมกันได้ในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงไม่สามารถลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรกันได้และการที่ ปธน.ทรัมป์ได้ลงนามร่างกฎหมายสนับสนุนผู้ชุมนุมในฮ่องกง ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการเจรจาทางการค้าอีกครั้งและกดดันตลาดหุ้นในช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อเนื่องมายังต้นเดือน ธ.ค. ในแง่ของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนใน S&P 500 ในไตรมาส 3 ลดลง -0.4% เมื่อเทียบรายปี ฉุดโดยผลกำไรของบริษัทในอุตสาหกรรมพลังงานที่ลดลงมากที่สุด ด้วยแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ลดลงจากช่วงปีก่อนหน้า ขณะที่บริษัทในกลุ่มเฮลธ์แคร์มีอัตราการเติบโตของผลกำไรสูงที่สุด สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่กองทุน B-FUTURE ลงทุน โดยในช่วงเดือน ต.ค. หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเมื่อวัดจากดัชนี MSCI World Information Technology Index สร้างผลตอบแทนได้ +4.22% มากกว่าดัชนีตลาดหุ้นโลกที่ปรับเพิ่มขึ้น +2.76% ทำให้ตั้งแต่ช่วงต้นปีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นไปแล้วมากกว่า +34% แม้ว่าผลประกอบการของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐในช่วงไตรมาส 3/2019 จะปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าที่ -2% แต่ทว่า บริษัทส่วนใหญ่ในกลุ่มสามารถสร้างผลกำไรได้มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ […]
ASEAN B-ASEAN B-ASEANRMF Product Update
กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียน (B-ASEAN) และกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นอาเซียนเพื่อการเลี้ยงชีพ (B-ASEANRMF)
สรุปภาวะตลาดหุ้นอาเซียนในช่วง ต.ค. 2019 ในช่วงเดือน ต.ค. ต่อมาถึงเดือน พ.ย. บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกผ่อนคลายมากขึ้น จากปัจจัยความเสี่ยงต่างๆที่ตลาดจับตามองนั้น มีพัฒนาการออกมาในเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่ใกล้จะบรรลุข้อตกลงเฟสแรกร่วมกันได้ รวมถึง Brexit ที่สามารถเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไปได้อีก 3 เดือน และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ ได้แก่ การผ่อนคลายของนโยบายการเงินจากธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะ FED ที่ในปีนี้ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วถึง 3 ครั้ง ท่ามกลางความเสี่ยงจากพัฒนาการเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันเงินเฟ้อที่อ่อนแอ ด้านตลาดหุ้นอาเซียน ในเดือน ต.ค. เมื่อพิจารณาจากดัชนี MSCI AC ASEAN Index กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ +2.35% เมื่อเทียบรายเดือน นำโดยตลาดหุ้นสิงคโปร์ที่ +3.5% ด้วยสถานการณ์เรื่องการค้าโลกที่ดีขึ้น รองลงมาได้แก่ ฟิลิปปินส์ที่ +2.6% หนุนโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงรวมถึงปรับลดอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) ของธนาคารพาณิชย์ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอาเซียนในเดือน […]
B-ACTIVE B-FLEX Product Update
กองทุนเปิดบีเฟล็กซ์ (B-FLEX) และกองทุนเปิดบีแอ็คทีฟ (B-ACTIVE)
กลยุทธ์การลงทุน ในด้านของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ศักยภาพในการเติบโต (Growth Stock) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีระดับความเสี่ยงมากกว่าดัชนี ประเทศ โดยในช่วงเดือน ต.ค. ผู้จัดการกองทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น มีการลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตออกไปบ้าง ด้วยการขายหุ้นบางบริษัทที่คาดว่าถึงระดับเต็มมูลค่าแล้วออกมาบางส่วน เช่น กลุ่มพลังงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง โดยมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดทอนผลกระทบจากความผันผวนภายนอกประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธนาคาร กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น สำหรับกองทุน B-FLEX ตราสารหนี้ยังคงเป็นสินทรัพย์หลักที่มีคุณค่าสำหรับพอร์ตการลงทุน โดยผู้จัดการกองทุนยังคงมุ่งหวังผลตอบแทนระยะสั้นถึงกลางให้สูงกว่าดัชนีชี้วัดโดยเน้นการลงทุนทั้งในตราสารภาครัฐและเอกชนที่ให้ผลตอบแทนสอดคล้องและเหมาะสมกับความเสี่ยง ด้วยอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่ประมาณ 1.8 ปี ทั้งนี้ ในส่วนของหุ้นกู้ภาคเอกชน ผู้จัดการกองทุนยังคงเลือกที่ผู้ออกมีฐานะทางการเงินมั่นคงที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป รวมถึงได้ Credit spread ที่น่าจูงใจเหมาะสมกับระดับความเสี่ยง โดยเน้นการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี มุมมองต่อการลงทุนของทีมผู้จัดการกองทุน ผู้จัดการกองทุนยังคงมีมุมมองที่ค่อนข้างระมัดระวังต่อการลงทุน ด้วยเชื่อว่า […]
กองทุนเปิดบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X)
กลยุทธ์การลงทุน ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปี 2019 ปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีที่ 4.11% และมากกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ 0.52% ตราสารทุนสามารถยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดีแม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะตลาดผันผวน โดยอุตสาหกรรมที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนสูง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มพาณิชย์สามารถปรับตัวขึ้นดี อีกทั้ง กองทุนมีการลงทุนใน PF/REITs/IFF ทำให้ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของดัชนีกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนประมาณครึ่งหนึ่งมาจากสัดส่วนของตราสารหนี้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผูจัดการกองทุนได้มีการขายทำกำไรในหุ้นกู้ภาคเอกชนบางส่วน โดยตราสารหนี้เป็นส่วนที่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางขาลงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวน ในด้านของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ศักยภาพในการเติบโต (Growth Stock) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีระดับความเสี่ยงมากกว่าดัชนีประเทศ โดยในช่วงเดือน ต.ค. ผู้จัดการกองทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น โดยมีการลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตออกไปบ้างโดยขายหุ้นบางบริษัทที่คาดว่าถึงระดับเต็มมูลค่าแล้วออกมาบางส่วน เช่น กลุ่มปิโตรเคมิคอล เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง โดยมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดทอนผลกระทบจากความผันผวนภายนอกประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธนาคาร กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น อีกทั้ง ผู้จัดการกองทุนยังได้ปันเงินลงทุนบางส่วนเข้าลงทุนใน กลุ่มสินทรัพย์ PF/REITs/IFF […]
กองทุนเปิดบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR)
กลยุทธ์การลงทุน ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปี 2019 ปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีที่ 4.28% แต่มากกว่าเกณฑ์มาตรฐานเล็กน้อยที่ 4.12% ตราสารทุนสามารถยังคงสร้างผลตอบแทนได้ดีแม้ว่าจะเผชิญกับสภาวะตลาดผันผวน โดยอุตสาหกรรมที่กองทุนมีสัดส่วนการลงทุนสูง ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มขนส่ง กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มพาณิชย์สามารถปรับตัวขึ้นดี อีกทั้ง กองทุนมีการลงทุนใน PF/REITs/IFF และทองคำอยู่ส่วนหนึ่ง ทำให้ได้รับประโยชน์จากการปรับตัวขึ้นของดัชนีกลุ่มนี้และราคาทองคำโลกเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน ผลตอบแทนประมาณครึ่งนึงมาจากสัดส่วนของตราสารหนี้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาผูจัดการกองทุนได้มีการขายทำกำไรในหุ้นกู้ภาคเอกชนบางส่วน โดยตราสารหนี้เป็นส่วนที่ช่วยบริหารความเสี่ยงทางขาลงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวน ในด้านของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ศักยภาพในการเติบโต (Growth Stock) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีระดับความเสี่ยงมากกว่าดัชนีประเทศ โดยในช่วงเดือน ต.ค. ผู้จัดการกองทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงน้ำหนักการลงทุนในหุ้น โดยมีการลดระดับความเสี่ยงของพอร์ตออกไปบ้างโดยขายหุ้นบางบริษัทที่คาดว่าถึงระดับเต็มมูลค่าแล้วออกมาบางส่วน เช่น กลุ่มพลังงาน เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง โดยมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่อิงกับนโยบายภาครัฐและการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดทอนผลกระทบจากความผันผวนภายนอกประเทศ เช่น กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มธนาคาร กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เป็นต้น อีกทั้ง ผู้จัดการกองทุนยังได้ปันเงินลงทุนบางส่วนเข้าลงทุนใน กลุ่มสินทรัพย์ […]
กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME)
กลยุทธ์การลงทุน ผลการดำเนินงานของกองทุนตั้งแต่ต้นปี 2019 จนถึง ณ สิ้นเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้นได้เป็นอย่างดีที่ 7.54% และสามารถสร้างผลตอบแทนชนะเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.02% โดยได้รับแรงหนุนจากทุกประเภทสินทรัพย์ โดยสินทรัพย์ประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (มีสัดส่วนการลงทุนประมาณ 19%) ให้ผลตอบแทนสูงสุดแก่กองทุนโดยเฉพาะกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทย ด้วยดัชนี SETPREIT และดัชนี FTSE ST REIT ที่ปรับขึ้นมามากกว่า 20% ตั้งแต่ช่วงต้นปี ซึ่งนับว่าผลการดำเนินที่ดีในช่วงที่ผ่านมามาจาก Asset Allocation อย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าผลการดำเนินงานจะปรับขึ้นมาได้ดี แต่กองทุนยังคงสามารถรักษาระดับความผันผวนให้ไม่สูงจนเกินไปด้วยลักษณะของตราสารและบริษัทที่ลงทุน ในด้านของตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในหุ้นที่ 1) มีประวัติการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ 2) มีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ในระดับสูง 3) มองเห็นแนวโน้มการเจริญเติบโตของธุรกิจและเงินปันผล มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง โดยมุ่งเน้นไปยังหุ้นที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศเพื่อลดทอนผลกระทบจากความผันผวนภายนอกประเทศ โดยในช่วงเดือน ต.ค. […]