‘จีน’ เชิญนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก ร่วมประชุม 21 ก.ค.66 หนุนต่างชาติลงทุนในจีน
“จีน” เชิญนักลงทุนรายใหญ่ทั่วโลก ร่วมการประชุม 21 ก.ค.66 สนับสนุนให้ต่างชาติลงทุนในจีน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แหล่งข่าวระบุว่า หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของจีนได้เชิญนักลงทุนรายใหญ่ของโลกบางรายเข้าร่วมการประชุมสัมมนา ที่จัดโดยสมาคมจัดการกองทุนของจีน (AMAC) ในสัปดาห์หน้า โดยพยายามสนับสนุนให้ต่างชาติลงทุนในจีน แม้ล่าสุดจะเผชิญความอ่อนแอทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น การประชุมที่กรุงปักกิ่งในวันศุกร์หน้า (21 ก.ค.) จะมุ่งเน้นไปที่สภาพปัจจุบันของบริษัทลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในจีน ตลอดจนปัญหาและความท้าทายหลักที่เผชิญอยู่ ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่นักลงทุนและธนาคารทั่วโลกต่างเตือนว่า ความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนกำลังถดถอย การฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังสูญเสียโมเมนตัมอย่างรวดเร็ว และความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากปัญหาความมั่นคงของชาติ ซึ่งรวมถึงไต้หวัน การห้ามส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐและนโยบายอุตสาหกรรมที่นำโดยรัฐของจีน แหล่งข่าวระบุว่า การประชุมดังกล่าวซึ่งมีวาระการประชุมที่ชัดเจน เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกต้องเผชิญในการลงทุนในจีนนั้นเกิดขึ้นได้ยาก และสะท้อนให้เห็นถึงความกระตือรือร้นของจีนในการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนต่างชาติ ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น บริษัทไพรเวทอิควิตี้ (PE) หรือที่รู้จักในชื่อหุ้นส่วนทั่วไป (GPs) และนักลงทุนหรือหุ้นส่วนจำกัด (LPs) รวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติและกองทุนบำเหน็จบำนาญ คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุม อีกทั้งยังจะได้รับการสนับสนุนให้ให้คำแนะนำเพื่อช่วยจัดการกับความท้าทายที่ธุรกิจเผชิญในจีนและแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ทั้งนี้ […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,494.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด (+0.19%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,494.02 จุด เพิ่มขึ้น 2.88 จุด (+0.19%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,487.48 จุด และสูงสุดที่ 1,497.24 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,447.57 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ AOT ปิดที่ 69.25 บาท ลดลง 2.00 (-2.81%) มูลค่าการซื้อขาย 3,538.40 ล้านบาท CPALL ปิดที่ 62.00 บาท ลดลง 0.50 (-0.80%) มูลค่าการซื้อขาย 2,224.68 ล้านบาท PTT ปิดที่ 34.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,037.51 ล้านบาท […]
จับตา “หนี้สาธารณะทั่วโลก” พุ่งเป็นประวัติการณ์ที่ 92 ล้านล้านดอลล์ในปี 2565 เหตุรัฐบาลเร่งกู้รับมือวิกฤติ
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สหประชาชาติรายงานว่า หนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ 92 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565 เนื่องจากรัฐบาลกู้ยืมเพื่อรับมือกับวิกฤติ เช่น การระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยที่ประเทศกำลังพัฒนาต้องรับภาระอย่างหนัก โดยหนี้ในประเทศและต่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งแซงหน้าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเพิ่มขึ้นเพียง 3 เท่า นับตั้งแต่ปี 2545 อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ตลาดอาจดูเหมือนยังไม่ได้รับผลกระทบ แต่ผู้คนกำลังได้รับผลกระทบอยู่” บางประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกกำลังถูกบีบให้เลือกระหว่างรับใช้หนี้หรือรับใช้ประชาชน” โดยประเทศกำลังพัฒนาเป็นหนี้เกือบ 30% ของหนี้สาธารณะทั่วโลก โดย 70% เป็นหนี้ของจีน อินเดีย และบราซิล ประเทศกำลังพัฒนา 59 ประเทศเผชิญกับอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ที่สูงกว่า 60% ซึ่งเป็นเกณฑ์บ่งชี้ถึงระดับหนี้ที่สูง “หนี้กลายเป็นภาระที่สำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จำกัด ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น การลดค่าของสกุลเงิน และการเติบโตที่ซบเซา” […]
Economic Update: จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบายเพิ่มเติม
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM จีนส่งสัญญาณผ่อนคลายเชิงนโยบายเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ได้ประกาศมาตรการช่วยเหลือ Developer โดยขยายระยะเวลาชำระสินเชื่อไปถึงหนึ่งปี โดยก่อนหน้านี้ ได้ออกมาตรการสนับสนุนให้สถาบันการเงินและ Developer ได้เจรจาต่อรองเงื่อนไขการชำระ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบไปด้วย PBoC และหน่วยงานกำกับสถาบันการเงิน หรือ NFRA ได้กล่าวร่วมกันว่า มาตรการดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อให้ Developer มีสายป่านเพียงพอที่จะก่อสร้างจนแล้วเสร็จและสามารถส่งมอบบ้านได้ สำนักข่าว China Securities Journals กล่าวว่า ทางการจีนมีแผนที่จะออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมอีก เพื่อที่จะเพิ่มความเชื่อมันธุรกิจในกลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งมาตรการที่จะออกต่อไป อาจจะเป็นมาตรการกระตุ้นจากฝั่งอุปสงค์ เช่น ผ่อนคลายเกณฑ์การซื้อบ้าน หรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ามาตรการกระตุ้นจากฝั่งอุปทานแต่เพียงด้านเดียวอาจไม่เพียงพอให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนฟื้นได้อย่างยั่งยืน จึงมองว่า มาตรการกระตุ้นทางฝั่งอุปสงค์จะมีส่วนช่วยหนุนธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง โดยหวังว่า ทางการจีนจะปรับลดการวางเงินดาวน์เพื่อกระตุ้นให้คนอยากซื้อบ้านมากขึ้น ทั้งนี้ ตัวเลข Saving Rate ล่าสุดของจีนปรับตัวสูงขึ้น 15 % YoY YTD มาอยู่ที่ […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,491.14 จุด ลดลง 5.82 จุด (-0.39%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,491.14 จุด ลดลง 5.82 จุด (-0.39%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,488.01 จุด และสูงสุดที่ 1,507.01 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,290.62 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PTTEP ปิดที่ 155.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 (+1.97%) มูลค่าการซื้อขาย 2,488.72 ล้านบาท GULF ปิดที่ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 (+3.85%) มูลค่าการซื้อขาย 2,306.29 ล้านบาท KTC ปิดที่ 46.25 บาท ลดลง 0.50 (-1.07%) […]
OECD เผยงานกว่า 27% มีความเสี่ยงสูงจากการปฏิวัติ AI
OECD เผยงานกว่า 27% มีความเสี่ยงสูงจากการปฏิวัติ AI ย้ำค่าจ้างขั้นต่ำ-การเจรจาต่อรองร่วมกัน อาจช่วยลดแรงกดดัน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กลุ่มสมาชิก 38 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมประเทศที่ร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังรวมถึงประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางแห่ง เช่น เม็กซิโกและเอสโตเนีย ระบุว่างานมากกว่า 1 ใน 4 ใน OECD พึ่งพาทักษะที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้อย่างง่ายดายจากการปฏิวัติปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังจะมาถึง และพนักงานวิตกว่าอาจตกงานให้กับ AI OECD กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงเล็กน้อยว่า การเกิดขึ้นของ AI มีผลกระทบอย่างมากต่องานจนถึงขณะนี้ แต่นั่นอาจเป็นเพราะการปฏิวัติ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น งานที่มีความเสี่ยงสูงสุดคิดเป็น 27% ของกำลังแรงงานโดยเฉลี่ยในประเทศกลุ่ม OECD โดยประเทศในยุโรปตะวันออกมีความเสี่ยงมากที่สุด โดยงานที่มีความเสี่ยงสูงสุด ถูกกำหนดให้เป็นงานที่ใช้ทักษะและความสามารถมากกว่า 25 จาก 100 […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,496.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด (0.00%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,496.96 จุด เพิ่มขึ้น 0.07 จุด (0.00%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,492.63 จุด และสูงสุดที่ 1,505.40 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,188.57 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 101.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,805.13 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 131.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 (+0.77%) มูลค่าการซื้อขาย 1,372.35 ล้านบาท PTT ปิดที่ 34.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,347.87 ล้านบาท CPALL ปิดที่ 62.75 […]
อินเดียจ่อดัน รูปี ใช้จ่ายระบบการเงินโลกเพิ่ม หนุนกระแส ‘De-dollarization’
“ธนาคารกลางอินเดีย” เตรียมดันสกุลเงินรูปี ใช้จ่ายในระบบการเงินโลกมากขึ้น ตามหลังสกุลเงินหยวน สอดคล้องกับกระแสลดใช้เงินดอลลาร์ หรือ De-dollarization Key Points อินเดียจ่อดันสกุลเงินรูปีใช้จ่ายกันมากขึ้นในระบบการเงินโลก หรือ Internationalization ตามหลังสกุลเงินหยวนของจีน ดอลลาร์ยังครองตลาดการทำธุรกรรมระดับโลกอยู่ที่เกือบ 90% ตามระเบียบการเงินโลก มักมองหา “สกุลเงินใหม่” ในอนาคตอยู่เสมอ สำนักข่าวอินไซด์เดอร์ (Insider) รายงานถ้อยแถลงของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ว่า ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้นที่พยายามทำให้สกุลเงินของตัวเองเป็นสากล (Internationalize) เพราะขณะนี้ อินเดียพยายามทำในแบบเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ “ดอลลาร์” ยังเป็นสกุลเงินสำรองอันดับหนึ่งของโลกตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในระบบการค้าและการเงินของโลก อย่างไรก็ตาม จากการคว่ำบาตรรัสเซีย ผ่านการบังคับให้ออกจากระบบการเงินโลก ซึ่งครอบงําด้วยเงินดอลลาร์ส่งผลให้ประเทศอื่นทั่วโลก “ตกใจกับสถานการณ์ดังกล่าว” จนพยายามหาสกุลเงินสำรองอื่นมาใช้เพื่อทำธุรกรรมด้วย “การทําให้สกุลเงินเป็นสากลยังเชื่อมโยงกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความโดดเด่นในการค้าโลก” คณะทํางานอาร์บีไอ กล่าวในรายงาน แม้ว่า อาร์บีไอ จะกล่าวว่า คำแนะนำของคณะทำงานไม่ได้สะท้อนถึงจุดยืนอย่างเป็นทางการ แต่ถ้อยแถลงเหล่านั้นเกิดขึ้นหนึ่งปีหลังจากคณะบริหารของ นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) เริ่มโน้มน้าวให้ประชาชนใช้เงินรูปีมากขึ้นทั่วโลก ทั้งนี้ จากรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว คณะทำงานอาร์บีไอ สนับสนุนการเปิดบัญชีสกุลเงินรูปีสำหรับผู้ที่ไม่มีถิ่นที่อยู่ในอินเดียและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังแนะนำให้รวมระบบการชำระเงินของอินเดียสำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเข้ากับระบบในประเทศอื่น […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,496.89 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด (0.43%)
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ก.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,496.89 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด (0.43%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,482.21 จุด และสูงสุดที่ 1,498.36 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,045.86 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ BDMS ปิดที่ 27.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 (+3.74%) มูลค่าการซื้อขาย 1,480.23 ล้านบาท DELTA ปิดที่ 101.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 (+2.28%) มูลค่าการซื้อขาย 1,263.78 ล้านบาท PTTEP ปิดที่ 152.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 (+1.00%) […]
รถ EV จีนบูมในไทย เขย่าบัลลังก์รถญี่ปุ่นเจ้าตลาด
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานสถานการณ์ตลาดยานยนต์ในประเทศไทย โดยระบุว่า บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน อาทิ บีวายดี (BYD) และเกรท วอลล์ มอเตอร์ (GWM) เข้ามาลงทุนในไทยสูงถึง 1.44 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่ปี 2563 และกำลังคุกคามสถานะเจ้าตลาด อย่างบริษัทยานยนต์จากญี่ปุ่น หลังจากวิกฤติยอดขายในจีน ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ในไทย อันเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งในเอเชีย เนื่องจากแนวทางการพัฒนารถ EV ที่ล่าช้าตามหลังประเทศอื่นๆ ขณะที่ กระแสรถยนต์จีนปรากฏชัดในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยแล้ว เนื่องจากผู้ผลิตรถ EV จีนกำลังนำซัพพลายเออร์เข้ามาในประเทศ ขณะเดียวกัน บริษัทไทย เช่น สยามกลการ ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันยาวนานกับบริษัทญี่ปุ่น ก็กำลังแสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ โดย นายเซบาสเตียน ดูปุย รองประธานของสยามกลการ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ บริษัทกำลังหารือกับผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายเกี่ยวกับความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ทั้งนี้ ไทยครองตำแหน่งผู้ผลิต และส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตลาดขายรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาครองจากอินโดนีเซีย ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองตลาดในไทยมาเป็นเวลาหลายทศวรรษจนเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนขยายหนึ่งของตลาดญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม […]