ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 19

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 19

ผู้บริโภคในยุคเทคโนโลยีจะหันมาใช้รถยนต์ไร้คนขับอย่างสบายใจในอนาคตอันใกล้นี้ นาย John Krafcik ซีอีโอ ของบริษัท Waymo Inc ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Alphabet Inc บอกว่าคนอเมริกัน 25% จะนั่งรถยนต์ไร้คนขับ แต่พวกเขาไม่รู้ว่ารถยนต์ไร้คนขับทำงานอย่างไร บริษัท Waymo กำลังเร่งพัฒนาและทดลองรถยนต์ไร้คนขับอย่างแข็งขัน โดยรถยนต์ไร้คนขับของบริษัทได้ทำการทดสอบขับไปแล้ว 8 ล้านไมล์รวมกัน ในจีน หน่วยงานที่เรียกชือว่า National Development and Reform Commission ได้ออกพิมพ์เขียวในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเทคโนโลยีของรถยนต์ไร้คนขับ ทางจีนคาดว่า รถสมาร์ทคาร์ ซึ่งจะมีฟังก์ชั่นไร้คนขับบางส่วน หรือเต็มอัตราจะมีสัดส่วนเท่ากับ 50% ของรถยนต์ทั้งหมดในจีนภายในปี 2020 นั้นคืออีก 2 ปีกว่าข้างหน้าเอง จีนจะเป็นตลาดรถยนต์ไร้คนขับที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยบริษัทชั้นนำของจีนไม่ว่า Baidu, DiDi หรือ Tencent กำลังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มที่ ในอเมริกา ขณะนี้มี […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 18

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 18

บริษัท เทนเซ็นต์ ของจีนเตรียมขยายบริการด้านการชำระเงินผ่านระบบ WeChat Pay ในตลาดสหรัฐ แม้ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้น ผู้ใช้ระบบวีแชทเพย์สามารถชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการได้ผ่านบาร์โค้ดของตัวเองที่เทนเซ็นต์ให้บริการผ่านแอพส่งข้อความของวีแชท ร้านค้าจะสแกนบาร์โค้ด เสร็จแล้วผู้ใช้สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อของได้โดยจะมีการหักเงินจากบัญชีของตัวเอง ตอนนี้มีผู้ใช้วีแชทถึง 1,000 ล้านคน ในจำนวนนี้ 800 ล้านคนมีบัญชีเพื่อชำระเงินผ่านวีแชทเพย์ เทนเซ็นต์กำลังขยายธุรกิจการให้บริการด้านการชำระเงินไปยังตลาดต่างประเทศ โดยให้ร้านค้าในประเทศต่างๆ เข้าร่วมผ่านการยอมรับการจ่ายเงินผ่านระบบวีแชทเพย์ ระบบนี้จะรองรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างประเทศ สามารถชำระสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก เทนเซ็นต์ เตรียมประกาศรายชื่อห้างร้านในสหรัฐที่จะรับการชำระเงินผ่านวีแชทเพย์ในปีนี้ ไม่นับประเทศในเอเชียแล้ว นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปเที่ยวสหรัฐอเมริกามากที่สุด โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจีนจะใช้เงิน 4,462 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนในการท่องเที่ยวในอเมริกา ด้วยเหตุนี้ เทนเซ็นต์จึงต้องการขยายการให้บริการระบบชำระเงินวีแชทเพย์เพื่อให้ความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจีน หรือผู้ที่ใช้ระบบวีแชท  

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 17

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 17

อเมซอนโกยส่วนแบ่งตลาดธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเกือบ 50% ในยุคที่ผู้บริโภคหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น eMarketer รายงานว่า ในปีนี้ ส่วนแบ่งการตลาดของอี-คอมเมิร์ซ ของอเมซอน แตะระดับ 49.1% ของยอดขายตลาดค้าปลีกทั้งหมดของสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโต 29.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนบริษัทที่มียอดขายออนไลน์รองลงมาจากอเมซอน คือ อีเบย์ มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 6.6% และแอปเปิ้ล มีส่วนแบ่งตลาดจากการขายออนไลน์ 3.7% วอลมาร์ท ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหรัฐยังไม่ได้เข้าตลาดออนไลน์มากนัก มีส่วนแบ่งตลาดจากการขายออนไลน์เพียง 3.7% สำหรับอเมซอน สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ หรืออุปกรณ์เทคโนโลยี โดยคาดว่ามียอดขาย 65,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ รองลงมาคือ สินค้ากลุ่มเสื้อผ้า และเครื่องประดับ คาดว่าจะมียอดขาย 39,880 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยสินค้าสุขภาพ สินค้าของใช้ส่วนตัว เสริมความงาม ที่มียอดขายรวมกัน 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มมียอดขายต่ำสุดที่ 4,750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 16

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 16

รายงานของ Prudential Financial ระบุว่า คนที่เกิดในยุคเบบี้บูมที่ทำงานไม่ประจำ สามารถหารายได้มากกว่า หรือมีความพอใจกับตัวเองมากกว่าคนที่เกิดในยุคหลัง   Prudential Financial ได้ทำการวิจัยคนงานอเมริกัน 1,491คน ซึ่งประกอบด้วยคนที่ทำงานเต็มเวลา กับคนที่ทำงานไม่เต็มเวลาในเศรษฐกิจที่ใช้แรงงานชั่วคราว   ปรากฎว่า งานวิจัยพบว่า คนอเมริกันรุ่นเบบี้บูม หรือคนที่มีอายุอย่างน้อย 56 ปีขึ้นไปมีรายได้เฉลี่ย 43,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี โดยทำงาน 25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในขณะที่กลุ่มคนมิลเลนเนียลได้รายได้ 27,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และคนยุคเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ได้รายได้ 36,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี   ในการเซอร์เวย์พบว่า 34% ของคนยุคเบบี้บูมที่ทำงานไม่เต็มเวลาเป็นผู้ที่เกษียณไปแล้ว อีก 46% บอกว่าพวกเขาจำต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อที่จะมีรายได้ชนเดือน มีเพียง 32% ของคนยุคเบบี้บูมที่บอกว่ามีปัญหาทางการเงิน เทียบกับ 49% สำหรับคนมิลเลนเนียล และ 63% สำหรับคนในเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์   75% […]

อี-คอมเมิร์ซ กับก้าวเดินที่ไปได้อีกไกล

อี-คอมเมิร์ซ กับก้าวเดินที่ไปได้อีกไกล

By…จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์ การช้อปปิ้งเดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายดายมากๆ ไม่ต้องเดินไปถึงหน้าร้านค้า แค่มีสมาร์ทโฟนก็กดเลือกช้อปและจ่ายสิ่งที่ใจนึกอยากได้ในเวลาแค่เสี้ยววินาที แล้วจากนั้นของก็พร้อมเดินมาส่งถึงที่แบบไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยหอบหิ้ว แม้ว่าคนในบางรุ่นอาจจะยังไม่ชินกับความสะดวกเหล่านี้ เพราะยังคุ้นเคยกับการช้อปปิ้งแบบเก่าๆ แต่ที่สุดแล้วนี่คือกระแสที่ต้องเดินไปในวันข้างหน้า ในวันนี้เราจึงขอนำเสนอเรื่องราวของอี-คอมเมิร์ซ ธุรกิจในกระแสปัจจุบันและมีอนาคตมาให้ได้รู้จักกัน โดยข้อมูลจากรายงาน World Consumer Rights Day Campaign Pack อธิบายว่า อี-คอมเมิร์ซ มีด้วยกัน 3 ลักษณะ คือ การค้าขายระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ (B2B) การค้าขายระหว่างภาคธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) การค้าขายระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภคด้วยกันเอง (C2C) ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า peer to peer (P2P) ปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการมาของอี-คอมเมิร์ซก็คือ จำนวนประชากรที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น โดยเมื่อปี 1995 ประชากรโลกที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตยังมีเพียงแค่ 1% เท่านั้น แต่ตัวเลขนี้ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด กลายเป็นเกือบ 50% แล้วในปี 2017 ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกัน อี-คอมเมิร์ซ ก็เติบโตอย่างรวดเร็วไม่แตกต่าง […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 15

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 15

ผู้บริโภคสมัยใหม่มีความเชื่อมโยงมากกว่าเดิม เพียงแค่สมาร์ทโฟนแค่เครื่องเดียว ผู้บริโภคยุคปัจจุบันสามารถค้นหา เลือกดูสินค้าได้ ตรวจสอบราคา เปรียบเทียบราคา ซื้อขายหุ้น หรือแม้กระทั่งสั่งซื้อของจากช่องทางออนไลน์อื่น แม้ว่าจะอยู่ในห้างรีเทลอื่นก็ตาม เทคโนโลยี่สมัยใหม่ทำให้ผู้บริโภคมีพลังสูง หรือมีความหลายหลากในการเลือก แต่ในขณะเดียวกัน ห้างรีเทลที่เข้าใจประเด็นนี้ด้วยการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยี่จะประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ การปฏิสัมพันธ์จะมีลักษณะที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น (personalized) ผู้บริโภคสมัยใหม่ในยุคเทคโนโลยี่มีลักษณะเด่น หรือพฤฒิกรรมร่วมกันอย่างน้อย 7 ประการด้วยกัน: 1. ช้อปปิ้งได้ทั้งวันทั้งคืน เทคโนโลยี่สมัยใหม่ไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไปสำหรับผู้บริโภคที่จะเลือกซื้อสินค้า หรือทำธุรกรรมต่างๆได้ตลอดเวลา หรือ24ชั่วโมงต่อหนึ่งวัน หรือ7วันต่อสัปดาห์ การซื้อของโดยผู้บริโภคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในช่วงเวลาในแต่ละวัน ด้วยเหตุนี้เจ้าของสินค้า หรือห้างรีเทลจะพยายามหาแพลตฟอร์มต่างๆเพื่ออำนวยความนสะดวกให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้ทุกเมื่อเชื่อยาม เมื่อมีความต้องการ 2. ผู้บริโภคเป็นผู้ควบคุมเอง เทคโนโลยี่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถควบคุมประสพการณ์การช้อปปิ้งของตัวเอง โดยที่ใช้เทคโนโลยี่เพื่อค้นหาข้อมูลสินค้า ทำการบ้านว่าสินค้าหรือบริการอะไรเหมาะกับตัวเอง และหลังจากตกลงใจซื้อสินค้าหรือบริการแล้ว ยังแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆได้รับทราบผ่านโซเซี่ยลมีเดีย ที่สำคัญขบวนการเหล่านี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วผ่านสมาร์ทโฟน หรืออินเทอร์เน็ต 3. ช่องทางในการช้อปปิ้งมีความหลายหลากมากยิ่งขึ้น ในอดีตเวลาจะซื้อของผู้บริโภคต้องไปที่ร้านหรือห้าง แต่ทุกวันนี้ระบบออนไลน์ แอปพลิเกชั่นต่างๆ หรือสมาร์ทโฟนเปิดช่องทางให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้หลายหลากยิ่งขึ้น 4. ผู้บริโภคให้ความสนใจกับเนื้อหา (content)ของสินค้า ผู้บริโภคสมัยใหม่มีความรู้มากขึ้น รู้จักหาข้อมูลของสินค้า รู้จักเปรียบเทียบคุณภาพของสินค้า […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 14

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 14

เนื่องจากคนในยุคมิลเลนเนียลเติบโตขึ้นมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และสมาร์ทโฟน พวกเขามีอิทธิพลสูงต่อนักการตลาดที่จำต้องปรับกลยุทธ์เพื่อที่จะเข้าถึงผู้บริโภคสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริโภคในตลาดอาเซียน ในเศรษฐกิจอาเซียนที่ใหญ่ที่สุด6ประเทศ คือสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 20-39 ปีมีจำนวน32% หรือ180ล้านคนในปี2015 เทียบกับ26%ในปี1975 คนวัยหนุ่มเป็นลักษณะเด่นของเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างอินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งเศรษฐกิจที่กำลังตั้งลำไม่ว่าจะเป็นบังคลาเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา ปากีสถาน ด้วยประชากร2,100ล้านคนรวมกัน กลุ่มประเทศเหล่านี้สามารถที่จะใช้ประชากรส่วนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวในการขับเคลื่อนความต้องการภายในประเทศ และผลักดันให้เศรษฐกิจมีการเจริญเติบโต Hakuhodo Institute of Life and Living Asean (HILL-Asean) ได้ทำการศึกษาพฤติกรรมของคนยุคมิลเลนเนียลในอาเซียน โดยทำสำรวจ 8,100คนในภูมิภาคนี้ เพื่อเรียนรู้ทัศนคติและพฤติกรรมการบริโภคของพวกเขา โดยแบ่งพวกมิลเลนเนียลออกเป็น2กลุ่ม คือกลุ่มที่เกิดในทศวรรษ1980 และกลุ่มที่เกิดในทศวรรษ1990เพื่อศึกษาว่าพวกเขามีความแตกต่างกันอย่างไร Hill-Aseanพบว่า กลุ่มคนที่เกิดในยุค1980ใช้อินเทอร์เน็ตในการช้อปปิ้ง แต่พวกเขาแคร์เกี่ยวกับประสบการณ์จริงของการช้อปปิ้ง ด้วยการกลับไปเช็คดูของจริงในร้านค้า หรือเปรียบเทียบราคาสินค้าออฟไลน์ ส่วนคนที่เกิดในยุค1990ช้อปผ่านออนไลน์อย่างเป็นธรรมชาติมาก แต่พวกเขาแคร์ต่อประสบการณ์หลังการช้อปไปแล้ว […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 13

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 13

แม้ว่าอินเดียจะมีประชากร 1,200 ล้านคน หรือมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองมาจากจีน แต่อินเดียจะเป็นประเทศที่มีประชากรในวัยหนุ่มสาว หรือวัยทำงานมากที่สุดในโลกภายในปี 2020 โดยค่าเฉลี่ยอายุของคนอินเดียจะอยู่ที่ 29 ปี อินเดียมีประชากรที่เกิดยุคมิลเลนเนียล 400 ล้านคน หรือประมาณ 46% ของประชากรทั้งหมด พอๆกับจีนเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้อินเดียยุคมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1982-1997) จะเป็นเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอินเดีย และของโลกด้วย งานวิจัยของมอร์แกนสแตนเลย์ระบุว่า แม้ว่าคนอินเดียยุคมิลเลนเนียลจะมีอายุน้อย แต่เป็นผู้ที่ทำรายได้หลักให้กับครอบครัว โดยรายได้ของคนอินเดียมิลเลนเนียลเทียบเท่า 70% ของรายได้ครอบครัวของอินเดียทั้งประเทศ พลังของคนหนุ่มสาวอินเดียจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างทางเศรษฐกิจ พฤติกรรมการบริโภคของคนอินเดียมิลเลนเนียลจะมีส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตของภาคเศรษฐกิจ 4 ส่วนด้วยกันคือ 1. รถยนต์ มอเตอร์ไซค์และสกู๊ทเตอร์เป็นพาหนะที่จะแพร่หลายที่สุดของคนอินเดีย อย่างไรก็ตาม เมื่อคนอินเดียมีรายได้เพิ่มขึ้น จะซื้อรถยนต์ มอร์แกนสแตนเลย์พบว่า คนอินเดียมิลเลนเนียลมีรถยนต์ส่วนตัวขับเพียง 7% เท่านั้น แต่แนวโน้มการขยายตัวของตลาดรถยนต์มีสูงเมื่อกำลังซื้อของกลุ่มมิลเลเนียลเพิ่ม ในขณะเดียวกันคนอินเดียมิลเลนเนียลมีการใช้แอพในการเรียกแท็กซี่มากยิ่งขึ้น 2. บ้านที่อยู่อาศัย การซื้อรถยนต์เป็นเป้าหมายในอนาคตอันใกล้ของคนอินเดียมิลเลนเนียล […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 12

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 12

คนไทย และคนเอเชียยุคมิลเลนเนียลมีความต้องการการเดินทางแบบไหน? Amadeus ได้ทำการวิจัย และพบว่ากลุ่มคนยุคมิลเลนเนียลของไทย และเอเชียต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ ผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นของการขับขี่ร่วมกัน (ride sharing) หรือแพลตฟอร์มสำหรับที่พักระยะสั้นของระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (sharing economy) การวิจัยของอะมาดิอุสพบว่า 42% ของคนยุคมิลเลนเนียลบอกว่า พวกเขามักที่จะใช้แอพพลิเคชั่นขับขี่ร่วมกันสำหรับการเดินทาง และอีก 35% บอกว่าพวกเขาใช้บริการเศรษฐกิจแบบแบ่งปันสำหรับที่พัก แน่นอนเลยที่เดียวที่ คนยุคมิลเลนเนียลใช้เทคโนโลยีเพื่อที่จะเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยว อะมาดิอุส พบว่า77%ของคนไทยที่ตอบแบบสอบถามแสดงความสนใจในแอพพลิเคชั่นที่ขยายความจริง ที่ให้ข้อมูลดิจิทัลแบบอินเทอร์แอคทีฟเกี่ยวกับวัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยว เปรียบเทียบกับ66%ของคนเอเชียทั้งภูมิภาค งานวิจัยของอะมาดิอุสทำร่วมกับ YouGov โดยมีการทำเซอร์เวย์ใน 14ตลาด และมี 6,870 คนตอบแบบสอบถาม ปรากฎว่า 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นคนในยุคมิลเลนเนียลที่มีอายุระหว่าง 18-35 ปี งานวิจัยเหมือนอย่างของอะมาดิอุสช่วยให้บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถเจาะลูกค้ากลุ่มมิลเลนเนียลได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย หรือตรงต่อความต้องการของพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น ในขณะที่คนมิลเลนเนียลของเอเชียต้องการได้รับการติดต่อผ่านอีเมล์ แต่ 45%ของคนไทยมิลเลนเนียลบอกว่าต้องการได้รับการติดต่อผ่านโซเซียลมีเดีย งานวิจัยพบว่า สำหรับคนยุคมิลเลนเนียลแล้ว อินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีเหมือนกับเป็นเนื้อหนังที่สองของพวกเขา และพวกเขาเปิดกว้างสำหรับประสบการณ์ใหม่ๆ บริษัทท่องเที่ยวที่จะประสบความสำเร็จต้องสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยุทธศาสตร์ใหม่ๆ […]

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 11

ผู้บริโภคมือเติบในยุคเทคโนโลยี The Series ตอนที่ 11

สถาบัน Brookings ของสหรัฐได้ศึกษาเพื่อที่จะได้ภาพของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนในยุคมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 1982-1997)ว่า จะมีอิทธิพลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก คนรุ่นมิลเลนเนียลมีจำนวน 80-90 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และสิ่งที่พวกเขาชอบ หรือนึกคิดจะเป็นพลังขับดันการผลิต และกลยุทธ์การตลาดในอีกอย่างน้อย 20 ปีข้างหน้า คนยุคมิลเลนเนียลอาจจะไม่จริงจังกับเรื่องการแต่งงาน หรือการเป็นเจ้าของบ้าน แต่พวกเขาเป็นคนรุ่นแรกที่รู้ภาษาดิจิทัล โดยที่รายได้ของพวกเขาจะมีมากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมกันในปี 2030 มีคำกล่าวว่า โครงสร้างประชากรเป็นโชคชะตา สหรัฐอเมริกามีคนที่เกิดในยุคมิลเลนเนียลในสัดส่วนที่น้อย เมื่อเทียบกับโลกใบนี้ จีนมีมิลเลนเนียลถึง 400 ล้านคน และในเอเชียมีคนยุคมิลเลนเนียลมากกว่า 1,000 ล้านคน พูดให้ชัดลงไป ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือเศรษฐกิจกำลังพัฒนามีสัดส่วนของคนยุคมิลเลนเนียลถึง 86% ของทั้งโลกรวมกัน ด้วยเหตุนี้ ถ้าหากว่าเรามีบริษัทที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ หรือความต้องการของคนยุคใหม่ที่อยู่ในวัฒนธรรมโลกใหม่ เราต้องมีฐานอยู่ในเอเชีย ทางสถาบัน Brookings ได้ศึกษาคนยุคมิลเลนเนียลด้วยการสำรวจใน 22 ประเทศ ที่มีสัดส่วน 70%ของประชากรโลก ทำให้เห็นภาพว่าคนยุคมิลเลนเนียลจะมีอิทธิพลต่อโลกสูงกว่าที่หลายคนคิดหรือเข้าใจ […]