ใครดี ใครอยู่
โดย…ทนง ขันทอง ตั้งแต่ปี 2018 ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ได้ดำเนินนโยบายที่จะแยกเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกจากเศรษฐกิจของจีนผ่านสงครามการค้าและสงครามเทคโนโลยี เพื่อที่จะสกัดไม่ให้จีนล้ำหน้าทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เพราะว่าเมื่อจีนมีความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ต่อไปในอนาคตจีนจะเป็นผู้กำหนดหรือสร้างมาตรฐานให้กับโลก ซึ่งจะทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกโดยปริยาย ที่ผ่านมาโลกตะวันตกเป็นผู้วางกฎกติกาให้กับมาตรฐานของโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการเงิน ระบบการค้าขาย การลงทุนและบริการ ระบบการผลิตอุตสาหกรรม ระบบพลังงาน ระบบบัญชี ระบบการศึกษา ระบบการแพทย์และสาธารณสุข ระบบการขนส่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเรือ หรือการบิน ระบบอินเทอร์เน็ต ฯลฯ ยุทธศาสตร์แอนตี้จีนของทรัมป์และพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากพรรคเดโมแครท ถูกปล่อยออกมาชุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งกำแพงภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากจีน การแบน 5G ของหัวเว่ย การแซงชันบริษัทเทคโนโลยีจีนไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ การกล่าวหาว่าจีนปล่อยไวรัสให้ระบาดทั่วโลก การแบน TikTok และ WeChat การหนุนม็อบฮ่องกง และให้ท้ายชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ที่ซินเจียง การขู่ที่จะถอดถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ การสร้างความตึงเครียดทางทหารที่ช่องแคบไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ฯลฯ รายการบอยคอทท์จีนยังคงออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาว่าจะจับบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน Semiconductor Manufacturing […]
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่กว่าตลาดหุ้นยุโรปทั้งหมด
โดย…ทนง ขันทอง หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กลายเป็นเจ้าตลาดหุ้นโลก เพราะว่าเซกเตอร์นี้มีมูลค่ามากกว่าตลาดหุ้นของยุโรปทั้งหมดรวมกัน ในวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา BANK OF AMERICA GLOBAL RESEARCH เขียนรายงานว่า เป็นครั้งแรกที่มูลค่าตลาดรวมของเซกเตอร์เทคโนโลยีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ แตะระดับ 9.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่ามูลค่ารวมของตลาดหุ้นยุโรป ที่รวมทั้งตลาดหุ้นอังกฤษและสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2007 ตลาดหุ้นยุโรปรวมกัน มีมูลค่ามากกว่าเซกเตอร์เทคโนโลยีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประมาณ 4 เท่า โดยภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการเติบโตมากกว่าตลาดหุ้นยุโรปอยู่แล้ว นับตั้งแต่ปี 2010 ตลาดหุ้น S&P 500 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 200% ในขณะที่ตลาดหุ้น EURO STOXX 50 เพิ่มขึ้นเพียง 13.4% และตลาดหุ้นอังกฤษ FTSE 100 เพิ่มขึ้นน้อยกว่า […]
วอลมาร์ทอยากได้ฐานข้อมูล TikTok เพื่อต่อยอดธุรกิจค้าปลีก
โดยทนง ขันทอง วอลมาร์ท เชนค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐออกตัวแรง ประกาศว่าจะร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในการซื้อกิจการของ TikTok ในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดกันว่าจะซื้อขายกันในระดับราคา $20,000-$30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ TikTok อยู่ภายใต้แรงกดดันที่ต้องรีบปิดดีลการขายก่อนวันที่ 15 กันยายนนี้ ซึ่งเป็นเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามแบนเครือข่ายโซเซียลสำหรับแชร์วิดีโอของจีน ด้วยข้ออ้างที่ว่า TikTok รวมทั้ง WeChat ที่ถูกแบนอีกราย เป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ เนื่องจากสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคนอเมริกัน วอลมาร์ทอยากที่จะได้กิจการ TikTok มาก เพื่อที่จะเอาข้อมูลของผู้เล่น TikTok มาต่อยอดธุรกิจค้าปลีก และสามารถที่จะแข่งขันกับแอมะซอนผู้ขายสินค้าทุกอย่างผ่านอีคอมเมิร์สได้ ในขณะที่วอลมาร์ทมีหน้าร้านขายของทุกอย่างที่ผู้บริโภคใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว การสร้างฐานลูกค้าอีคอมเมิร์สจะช่วยต่อยอดธุรกิจขายของหน้าร้านของวอลมาร์ทในอนาคต ทั้งนี้ TikTok มีผู้เล่น 1,000 ล้านคนทั่วโลก เฉพาะในตลาดสหรัฐมีชาวอเมริกันเล่น TikTok มากถึง 100 ล้านคน ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าวอลมาร์ทมีการเจรจาร่วมมือกับซอฟท์แบงก์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิ้ล เพื่อซื้อกิจการของ TikTok แต่ไปๆมาๆ ความร่วมมือนี้ต้องหยุดชะงัก […]
ไอ้มดยักษ์ ‘Ant Group’ เตรียมเขย่าตลาดหุ้น
โดย…ทนง ขันทอง นักลงทุนทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้นที่กำลังจับตาดูความคืบหน้าของไอ้มดยักษ์ Ant Group ที่กำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้าไประดมทุนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ และตลาดหุ้นฮ่องกงพร้อมๆ กันเลยทีเดียว เพราะว่าจะได้มีโอกาสลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่จะเขย่าตลาดหุ้น เนื่องจากศักยภาพของการเจริญเติบโตแบบกินรวบ ไอ้มดยักษ์หรือ Ant Group (แอนท์ กรุ๊ป) ซึ่งบริษัทอาลีบาบาถือหุ้นอยู่ประมาณ 30% จะเป็นบทพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีของจีน และความสามารถของตลาดทุนจีนในการพึ่งพาตัวเอง ด้วยการรองรับการระดมทุนขนาดมหึมาของไอ้มดยักษ์ที่เตรียมระดมทุน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการทำไอพีโอแบบพร้อมกัน 2 ตลาด (Dual listing) โดยไม่ต้องง้อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เตรียมกีดกันบริษัทจีนจากนโยบายบอกบุญไม่รับของประธานาธิบดีทรัมป์ ถ้าหากว่าระดมทุนได้ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จริง เท่ากับว่ามูลค่าตลาดรวมของไอ้มดยักษ์จะอยู่ที่ประมาณ 200,000- 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ไอ้มดยักษ์มีขนาดใหญ่กว่าแบงก์ใหญ่ๆ ของสหรัฐฯ เสียอีก ไม่ว่าจะเป็น Goldman Sachs ที่มีมูลค่าตลาดรวม 71,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ Bank of […]
การเมืองเรื่องวัคซีนโคโรนาไวรัส (ตอน 2)
โดย…ทนง ขันทอง ในวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศว่า รัสเซียได้ทำการจดทะเบียนรับรองวัคซีนโคโรนาไวรัสที่ผลิตภายในประเทศรัสเซียแล้ว โดยวัคซีนตัวนี้มีชื่อว่า Sputnik V ซึ่งเป็นผลงานของสถาบันGamaleya National Research Instituteที่อยู่ในกรุงมอสโคว ปูติน ให้ความมั่นใจกับความปลอดภัยของวัคซีนของรัสเซีย โดยบอกว่า ลูกสาวของตัวเองได้รับการทดลองฉีดไปแล้ว วัคซีนSputnik V ผ่านการทดลองระยะ 1 ระยะ2 แล้ว ปรากฎว่า ผู้เข้าร่วมทดลองมีการสร้างภูมิคุ้มกันไวรัส ทำให้ไม่จำเป็นต้องเร่งทดลองระยะ 3 ที่ต้องใช้คนเข้าร่วมโครงการทดลองเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ รัสเซียให้ข่าวว่า จะมีความต้องการวัคซีน Sputnik V ถึง 1,000 ล้านโดส มีมากกว่า 20 ประเทศ ที่แสดงความสนใจที่จะรับมอบ หรือร่วมผลิตวัคซีนของรัสเซีย หลังจากที่รัสเซียออกข่าววัคซีนโคโรนาไวรัส สื่อจากโลกตะวันตก รวมทั้งนาย Anthony Fauci […]
การเมืองเรื่องวัคซีนโคโรนาไวรัส (ตอน 1)
โดย…ทนง ขันทอง การแข่งขันเพื่อดันวัคซีนโคโรนาไวรัสออกมาให้เร็วที่สุดมีความเข้มข้นดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง และแฝงไปด้วยกลิ่นไอของผลประโยชน์ทั้งทางการเงินและการเมืองระดับโลก ในขณะที่ตลาด และคนทั่วโลกต่างรอคอยวัคซีนเป็นความหวังที่จะทำให้การระบาดของไวรัสสิ้นสุดลง เพื่อว่าชีวิต และธุรกิจจะได้กลับมาดำเนินตามปกติ The Financial Times รายงานในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการที่จะเร่งให้หน่วยงาน Food and Drug Administration มีการอนุมัติการใช้วัคซีนโคโรนาไวรัสที่พัฒนาโดย AstraZeneca บริษัทยาสัญชาติอังกฤษควบสวิดิชเป็นกรณีฉุกเฉินก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3พฤศจิกายน เพื่อที่จะช่วยเขาโกยคะแนนความนิยมจากคนอเมริกัน แต่ตัวแทนของ AstraZeneca ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ว่า ทางบริษัทยังไม่มีการเจรจารายละเอียดอะไรกับรัฐบาลทรัมป์ AstraZeneca ได้มีร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ดของอังกฤษในการพัฒนาวัคซีนโคโรนาไวรัสตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และในเดือนกรกฎาคมได้ทำการทดลองกับคนแล้วในระยะ 1 และระยะ 2 ปรากฎว่าให้ผลตอบสนองดี เพราะว่าร่างกายของผู้ที่เข้าโครงการทดลองวัคซีนมีการสร้างภูมิต้านทาน ตอนนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ AstraZeneca กำลังทดสอบวัคซีนกับคนจำนวน 30,000 คนในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมทั้งบราซิลและแอฟริกาใต้ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา AstraZeneca ออกมาเปิดเผยว่า ตั้งเป้าจะผลิตวัคซีนโคโรนาไวรัส 2,000 ล้านโดส โดย […]
กระดาน ChiNext ของตลาดหุ้นเซินเจิ้นปรับโฉมใหม่
โดย…ทนง ขันทอง ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2020 มี 18 บริษัทจากจีนแผ่นดินใหญ่เปิดตัวเทรดหุ้นเป็นครั้งแรกบนกระดาน ChiNext ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มมิติใหม่ของกระดานหุ้นบริษัทเทคโนโลยีของตลาดหุ้นเซินเจิ้น ทั้ง 18 บริษัทมีการระดุมทุนรวมกัน 20,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่บอกว่าเป็นมิติใหม่ เพราะว่าหุ้นที่จะเข้าเทรดบนกระดาน ChiNext ไม่ต้องผ่านกระบวนการอนุมติที่เข้มงวดของทางการเหมือนอย่างในอดีต รวมทั้งไม่จำเป็นต้องผ่านเงื่อนไขการมีผลประกอบการที่มีผลกำไรก่อน นอกจากนี้ หุ้นของบริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่บนกระดาน ChiNext จะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น (ceiling/floor) ใน 5 วันแรกของการเข้าเทรด และหลังจากนั้นราคาหุ้นสามารถเคลื่อนไหวได้ 20% บวกลบ ต่างจาก 10% บวกลบก่อนหน้านี้ ความจริง กระดานหุ้นเทคโนโลยี่ ChiNext ของตลาดหุ้นเสินเจิ้นตั้งมาแล้ว 11 ปี เพื่อเลียนแบบตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐฯ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมบริษัทสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยี ที่โดยมากได้รับการพัฒนาต่อยอดจากซิลิคอน วัลเล่ย์ […]
โพลของ The Financial Times ให้ ‘โจ ไบเดน’ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดย…ทนง ขันทอง The Financial Times สื่อของอังกฤษได้ทำการสำรวจคะแนนจากผู้แทนรัฐ (electoral votes) ที่ชี้ชะตาผู้ใดจะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรากฎผลออกมาว่า โจ ไบเดน จะชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายน นี้ รายงาน “Biden vs Trump: Who is leading the 2020 US election polls?” (21/8/2020) ชี้ว่า ไบเดน ซึ่งได้ตอบรับการเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการแล้วในสัปดาห์นี้ที่เวทีประชุมระดับชาติของพรรคจะได้คะแนนจากผู้แทนของรัฐ 298 เสียง เทียบกับทรัมป์ที่จะได้ 119 เสียงตามโพล ถ้าหากว่าการเลือกตั้งมีขึ้นในวันนี้ สหรัฐฯ มีระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีทางอ้อม โดยมีทั้งคะแนนความนิยมจากประชาชน (popular votes) และคะแนนจากผู้แทนของรัฐ (electoral votes) ผู้ที่จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีไม่จำเป็นต้องได้คะแนนความนิยมมากที่สุด แต่ต้องได้คะแนนจากผู้แทนของรัฐอย่างน้อย […]
เปิดรายชื่อกองทุนมั่งคั่งท็อป 10 ของโลก
โดย… ทนง ขันทอง นอร์เวย์มีประชากรเพียง 5.43 ล้านคน แต่เป็นประเทศที่รวยน้ำมัน รายได้ส่วนเกินจากน้ำมันเข้าสู่กองทุนมั่งคั่ง ซึ่งมีชื่อว่า Norway Government Pension Fund Global กองทุนมั่งคั่งนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 1.18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ความจริงแล้ว รัฐบาลนอร์เวย์มีกองทุนมั่งคั่งอีกกองหนึ่ง เรียกว่า Government Pension Fund of Norway โดยมีขนาดเล็กกว่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 เพื่อเป็นหลักประกันเงินออมให้ชาวนอร์เวย์ นโยบายการลงทุนของทั้ง 2 กองทุนมั่งคั่งไม่เหมือนกัน โดย Norway Government Pension Fund Global จะลงทุนในทรัพย์สินต่างๆ ทั่วโลกให้ได้ผลตอบแทนที่สูงที่สุด ในขณะที่ Government Pension Fund of Norway จะลงทุนในบริษัทหรือธุรกิจที่อยู่เฉพาะในประเทศ และในกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียเท่านั้น ต่อไปนี้เป็นการจัดอันดับกองทุนมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส : […]
กองทุนหุ้นจีน : สิ่งที่ควรมีติดพอร์ตลงทุนระยะยาว
โดย…กองทุนบัวหลวง ในสถานการณ์ที่หลายประเทศต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังควบคุมได้ไม่ดีนัก ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศแรกที่เผชิญกับการแพร่ระบาดครั้งนี้ กลับผ่านวิกฤติมาได้อย่างแข็งแกร่ง จนทำให้กลายเป็นประเทศเดียวในโลกที่เศรษฐกิจเติบโตได้ในไตรมาสที่ 2 ด้วยเหตุนี้เอง ในด้านการลงทุน จีนซึ่งมีความน่าสนใจอยู่แล้ว จึงยิ่งเป็นดาวเด่นมากขึ้น และหากใครยังไม่เคยลงทุนในกองทุนหุ้นจีนเลย ก็ควรพิจารณามีไว้ในพอร์ตลงทุนระยะยาวบ้าง เพื่อโอกาสที่ดีในอนาคต กองทุนบัวหลวง ในฐานะที่มีทีมงานซึ่งมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นจีนโดยตรง และยังได้แลกเปลี่ยนมุมมองที่น่าสนใจกับ อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ หรือ AGI ซึ่งเป็นผู้รับดำเนินงานการลงทุนในต่างประเทศในกองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) ทำให้เรามองเห็นปัจจัยสำคัญ 3 ประการ ที่ทำให้บริษัทจดทะเบียนในจีนหลายอุตสาหกรรมมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว จนนักลงทุนไม่อาจละสายตาจากหุ้นจีนได้ ประการแรก หลังเผชิญกับโควิด-19 ทำให้เราเห็นภาพชัดเจนว่า จีนมีความสามารถบริหารจัดการที่ดี นำเศรษฐกิจผ่าโควิด-19 ได้อย่างดี ด้วยเหตุนี้ เศรษฐกิจจีนจึงฟื้นตัวก่อนประเทศใด และวิกฤติครั้งนี้ทำให้เห็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจหลายส่วน ซึ่งจะเป็นผลดีในอนาคต เช่น การยกระดับมาตรฐานสาธารณสุข และการเร่งตัวของธุรกรรมออนไลน์ เป็นต้น ประการต่อมา คือ จีนมีนโยบาย MADE IN CHINA […]