กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เดือนพฤศจิกายน 2560

ภาพรวมตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น  0.02% – 0.09%  โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 17,650 ล้านบาท ถือเป็นการขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบปี โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้เกาหลีใต้อีกครั้งหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลง 2) ตลาดกังวลต่อการที่นาย John Taylor มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่ ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของ FED เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น      อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ประธานาธิบดี Trump ได้เสนอชื่อนาย Jerome Powell ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแทน โดยนาย Jerome Powell มีแนวคิดในการดำเนินนโยบายการเงินตามแนวทางเดิมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆ ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ตลาดตอบสนองในเชิงบวกต่อปัจจัยดังกล่าว ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.00%-1.25% ตามเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยคณะกรรมการฯหลายท่านยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2017 […]

2018 “อสังหาฯ” ยังไปได้ต่อ

2018 “อสังหาฯ” ยังไปได้ต่อ

ศูนย์ข้อมูลฯ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเมินอุปทานที่อยู่อาศัยปีหน้า  2.76 แสนหน่วย ระบุยังไม่ล้นตลาด จากแนวโน้มจีดีพีปี 2018 ทำให้มีความต้องการมารองรับ และประเมินตลาดโตเกิน 4%  คาด“คอนโด”กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเกือบ 8 หมื่นหน่วย โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ครองส่วนแบ่ง 72% ตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่องต่อปีมูลค่า 8 แสนล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต ในงานสัมมนาทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย “ส่องอสังหาฯ 2018” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ประเมินอุปทานตลาดที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ปี 2018 มีจำนวน  276,100 หน่วย  แบ่งเป็นแนวราบ 154,200 หน่วย สัดส่วน 55.8% และอาคารชุด 121,900 หน่วย สัดส่วน 44.2% โดยจำนวนหน่วยที่มีมากที่สุด […]

ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ร้อนแรงปีนี้

ตลาดหุ้นของตลาดเกิดใหม่ร้อนแรงปีนี้

ตลาดหุ้นของสหรัฐฯยังคงทะยานต่อเนื่อง ทำสถิตินิวไฮมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาด S&P 500 ขึ้นไปแตะระดับ 2,600 จุดเป็นครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ความจริงแล้วตลาดหุ้นเกิดใหม่เป็นดาวรุ่งตัวจริงของปีนี้ MSCI Emerging Markets Index หรือดัชนีของตลาดเกิดใหม่ MSCI ในปีนี้ขึ้นไปแล้ว 34% เทียบกับ 9% ในปีที่แล้ว และเทียบกับตลาด S&P 500 ขึ้นไปเพียง 16% ในปีนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นของตลาดเกิดใหม่พุ่งขึ้นสูงเพราะว่าหลายๆประเทศเริ่มมีเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ฐานะการคลังดีขึ้นและกำลังผ่านสู่ขบวนการปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อินเดีย และจีน มีเม็ดเงิน 85,000 ล้านดอลลาร์ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ตั้งแต่ช่วงต้นปีทำให้ราคาหุ้นของตลาดเกิดใหม่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นตลาดอินเดีย จีน บราซิล ฮ่องกง และไทยด้วย เมื่อพูดถึงระดับราคาแล้ว ตลาดเกิดใหม่ยังคงถูกเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้ว โดยค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 12 เท่า เทียบกับ 18 เท่าสำหรับตลาดสหรัฐ […]

มุมมองตลาดตราสารหนี้

มุมมองตลาดตราสารหนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนตุลาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น  0.02% – 0.09%  โดยมีปัจจัยหลักมาจาก 1) การขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติประมาณ 17,650 ล้านบาทถือเป็นการขายสุทธิเป็นเดือนแรกในรอบปี    โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้เกาหลีใต้อีกครั้งหลังสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีคลี่คลายลง     2) ตลาดกังวลต่อการที่นาย John Taylor มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่   ซึ่งจะทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของ FED เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น      อย่างไรก็ตาม    ในท้ายที่สุด  ประธานาธิบดี Trump ได้เสนอชื่อนาย Jerome Powell ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯแทน    โดยนาย Jerome Powell มีแนวคิดในการดำเนินนโยบายการเงินตามแนวทางเดิมด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างช้าๆตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ    ทำให้ตลาดตอบสนองในเชิงบวกต่อปัจจัยดังกล่าว       ขณะที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯในวันที่ 31 ต.ค. – 1 พ.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.00%-1.25% ตามเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ    โดยคณะกรรมการฯหลายท่านยังเชื่อมั่นว่า จะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 12-13 ธันวาคม 2017 สำหรับปัจจัยภายในประเทศได้แก่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยเมื่อวันที่ 8 […]

ภาพรวมตลาดหุ้น

ภาพรวมตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นอีกในเดือนตุลาคม แต่ด้วยความผันผวนที่มากขึ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มขายทำกำไรหุ้นไทย โดยเป็นผู้ขายสุทธิด้วยมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาทในช่วงระหว่างเดือน แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจไทยจะยังแสดงถึงสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นก็ตาม บริษัทที่ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/60 พบว่า หลายบริษัทมีสัญญาณการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่หุ้นหลายตัวกลับถูกขายทำกำไรแม้ว่าผลประกอบการจะออกมาดีก็ตาม โดยเฉพาะหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่ปรับตัวขึ้นมามาก ซึ่งอาจจะเป็นด้วย Valuation ที่ตึงตัวในบางกลุ่มอุตสาหกรรม ทำให้ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ซึ่งเรามองว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มธุรกิจดีแต่ราคาย่อตัวลงมา และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นน่าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่องได้ในปีหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะหลังจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นหลายตัวปรับตัวขึ้นด้วยความคาดหวังว่าจะได้รับผลดีจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวในปีหน้า แม้ว่าอาจจะยังไม่เห็นผลประกอบการที่ฟื้นตัวนักในปี 2560 ทำให้ราคาหุ้นถือว่าค่อนข้างตึงตัวเมื่อเทียบกับผลประกอบการที่ออกมา จึงเชื่อว่าหลังจากนี้ นักลงทุนจะกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเลขผลกำไรมากขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพียงลำพังอาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันหุ้นให้ขึ้นต่อได้อีกอย่างมีนัยสำคัญ และหุ้นบางตัวที่ราคาพุ่งสะท้อนไปถึงผลประกอบการปีหน้าเร็วเกินไป อาจจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนดีเท่ากับช่วงที่ผ่านมา ด้านความเสี่ยงในช่วงนี้ ยังไม่เห็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนตลาดมากกว่า เช่น การเลือกตั้งที่คาดจะเกิดขึ้นในปี 2561 หรือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศนั้น เชื่อว่าตลาดได้สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดงบดุลและการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED หรือความล่าช้าของแผนการปรับลดภาษีนิติบุคคลของสหรัฐฯ ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ถือว่ายังแสดงถึงการขยายตัวที่ดีของทั้งประเทศทางฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย จึงเชื่อว่า ปัจจัยลบต่อตลาดนั้นมีไม่มาก และตลาดน่าจะปรับฐานเป็นการชั่วคราวมากกว่า

ปีหน้าจะลดหุ้นFAANGในพอร์ตบ้างหรือไม่

ปีหน้าจะลดหุ้นFAANGในพอร์ตบ้างหรือไม่

สำหรับปี2018 ได้เวลาลดการถือครองหุ้นFAANGในพอร์ตบ้างหรือยัง? นี้คือคำถามที่น่าสนใจ MarketWatchรายงานว่าหุ้นFAANG หรือFacebook, Amazon, Apple, Netflix และGoogleทำราคาระเบิดเถิดเทิงในปี2017นี้ โดยเฉลี่ยแล้วราคาหุ้นสูงขึ้นถึง73% Michael Schroer หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ Renaissance Investment Management บอกว่า หุ้นเติบโต (growth stocks)อื่นๆมีความน่าสนใจในการลงทุนเหมือนกัน เพราะว่าราคายังคงถูกอยู่ ลองดูระดับอัตราพีอี (price/earnings ratio) ของหุ้นFAANGว่าเป็นอย่างไร? FactSetรายงานว่า ดัชนีของตลาด S&P 500 กำลังเทรดที่ค่าพีอี18เท่าเมื่อเทียบกับการคาดการกำไรรวมกันของตลาดในช่วง12เดือนข้างหน้า ปีที่แล้วค่าพีอีของตลาดS&P 500อนู่ที่ 16.5เท่า แต่ให้ดูค่าพีอีของ Amazon (150.9เท่า) และ Netflix (50.4เท่า), มันเป็นเรื่องที่ชัดเจนว่านักลงทุนกำลังให้รางวัลกับทั้ง2บริษัทนี้ทั้งในเรื่องนวัตกรรม และการเติบโตของยอดขาย ธุรกิจของAmazon และNetflixสร้างความปั่นป่วนให้กลับธุรกิจดั้งเดิม นายSchroder กล่าวว่านักลงทุนส่วนมากให้ความสนใจในหุ้นที่มีมาร์เก็ตแค็ปที่สูง โดยมีค่าพีอีสูงกว่า30เท่า ในขณะที่เรายังคงมีหุ้นเหล่านี้ในพอร์ต แต่ยังมีหุ้นตัวอื่นๆที่มีราคาสมน้ำสมเนื้อ นายSchroder บอกว่าหุ้นของApplied […]

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

ตลาดหุ้นจะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์

Larry Hatheway หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ GAM เขียนรายงานว่า ตลาดหุ้นยังคงมีแรงเหวี่ยงที่จะแรลลี่ไปถึงช่วงคริสมาสต์ “ความเสี่ยงที่มากที่สุดสำหรับนักลงทุนคือในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2017 จะเกิดการปรับราคาอย่างรุนแรงลงของตลาดหุ้นในช่วงขาขึ้นหรือไม่ บางคนมองว่าตลาดหุ้น และระดับราคาอาจจะตึงตัวเกินไปหลังจากที่มีการทำราคาสูงในปี 2017 นี้ แต่แรงเหวี่ยงโมเมนตั้มเป็นตัวขับเคลื่อนในช่วงสั้นในเกือบทุกตลาดในเวลานี้ แต่เราอาจจะเห็นหุ้นทำราคาสูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ โดยที่นักลงทุนหลายคนอาจจะไม่เตรียมตัวพร้อมก็ได้” นายฮาทเธอเวย์เขียนในรายงาน สิ่งที่นายฮาทเวย์กล่าวชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นยังคงไปได้ดี และแนวโน้มนี้จะยังไม่หยุด ถึงแม้ว่าดอกเบี้ยจะค่อยๆปรับตัวขึ้น ซึ่งในอดีตมีผลต่อผลประกอบการของหุ้น ปีนี้ตลาดหุ้น DAX ของเยอรมันขึ้นไปแล้ว 16% ส่วนตลาดหุ้น S&P 500 ขึ้น 15% โดยสร้างสถิติใหม่เกือบตลาดเวลาพร้อมกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ และตลาดบราซิลขึ้น 20%