House view Investment Politics Thailand
BBLAM House View: การลงทุนในหุ้นไทยน่าสนใจมากขึ้น เมื่อการเมืองมีความชัดเจน
โดย ดร.มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist, BBLAM การจัดตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนมากขึ้นในเดือนนี้ บลจ.บัวหลวงคาดการณ์ นโยบายรัฐบาลที่มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการผลักดันก่อน (สะท้อนจากกระทรวงที่บริหารโดยพรรคแกนนำหลัก) ได้แก่ นโยบายที่สนับสนุนการบริโภค การท่องเที่ยว และคมนาคม สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับประโยชน์ ได้แก่ ค้าปลีก อาหารและเครื่องดื่ม Tourism-related, และคมนาคม ตามลำดับ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราจะติดตามในระยะถัดไป จะเป็นอุตสาหกรรมที่อ้างอิงไปกับนโยบายที่ต้องอาศัยความชัดเจนด้านการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม เช่น นโยบายเกี่ยวข้องกับพลังงาน นโยบายสาธารณสุขและนโยบายที่เชื่อมโยงกับการสนับสนุนการลงทุน ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่ารัฐบาลจะเริ่มเมื่อไหร่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบด้านบวก ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบด้านลบ จะเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและกลาง ด้านกลุ่มธุรกิจที่ใช้แรงงานในสัดส่วนสูง เช่น กลุ่มอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ รับเหมาก่อสร้าง และการท่องเที่ยว รวมถึงภาคบริการอื่นๆ อาจจะได้รับผลกระทบมากน้อยต่างกัน ขึ้นกับว่า 1) ธุรกิจเหล่านั้นสามารถ Pass-on ต้นทุนได้มากแค่ไหน 2) ธุรกิจเหล่านั้นมีฐานการผลิตในจังหวัดใด […]
จีนเอาจริงกับ “ฉ้อโกง” สั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 8 พันคน
รายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่าทางการจีนสั่งลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐบาล 8,123 รายในข้อหานำเงินงบประมาณกลางของรัฐไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หรือไม่ก็ฉ้อโกงเงินกองทุนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ขณะที่นโยบายรัฐบาลประธานาธิบดีสีจิ้นผิงมุ่งปราบทุจริตคอร์รัปชันอย่างเต็มรูปแบบ และตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนความยากจนของประชาชนให้ได้ภายในปี 2020 อย่างไรก็ตาม บทลงโทษเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องความผิดยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชัดเจน แต่ที่ผ่านมาพบว่าตัวเลขเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุจริตคอร์รัปชันตรวจพบแล้วมากกว่า 1.3 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจังในการดำเนินนโยบายกวาดล้างทุจริต และการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ฉ้อโกง
Global North Korea Politics US
เอ็นเอสซีเพิ่มแรงกดดัน โดยจำกัดส่งน้ำมันเกาหลีเหนือ
รายงานข่าวจากบีบีซีระบุว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา แสดงความยินดีหลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี ทั้งหมด 15 ชาติ มีมติเป็นเอกฉันท์รับรองมาตรการคว่ำบาตรใหม่ที่รุนแรงยิ่งขึ้นต่อเกาหลีเหนือเพื่อตอบโต้การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธข้ามทวีป หรือไอซีบีเอ็ม ทั้งนี้มติดังกล่าวยังได้รับการรับรองจากรัสเซียและจีน ชาติพันธมิตรคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือด้วย ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรใหม่นี้จะส่งผลให้สินค้านำเข้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงของเกาหลีเหนือลดลงถึง 90% นางนิกกี ฮาลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่แสดงให้เกาหลีเหนือประจักษ์อย่างพร้อมเพรียง ว่าการท้าทายต่อไปมีแต่จะนำไปสู่การโดนลงโทษและโดดเดี่ยว พร้อมยังเปรียบเทียบเกาหลีเหนือว่าเป็น “ตัวอย่างที่น่าเศร้าของชาติที่ชั่วร้ายในโลกยุคใหม่” สำหรับรายละเอียดของมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่นี้ได้รับการนำเสนอโดยสหรัฐฯ มีเป้าหมายจำกัดสินค้าที่เกาหลีเหนือนำเข้า โดยปริมาณผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเหลือ 5 แสนบาร์เรลต่อปี และน้ำมันดิบไม่เกิน 4 ล้านบาร์เรลต่อปี
สเปน: พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของกาตาลุญญา ได้รับที่นั่งรวมกันเกินครึ่งหนึ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น
พรรคที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญาจากประเทศสเปน ได้แก่ JxCat ERC และ CUP รวมกันแล้วได้รับถึง 70 ที่นั่งจากทั้งหมด 135 ที่ ในการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา วันที่ 21 ธ.ค. 2017 จึงทำให้พรรคเหล่านี้มีเสียงข้างมากและน่าจะได้ขึ้นเป็นรัฐบาลชุดถัดไป อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแยกกัน พรรค Citizens ซึ่งต่อต้านการประกาศเอกราช ได้รับที่นั่งมากสุด 37 ที่ ขณะที่พรรค PP ของนายกรัฐมนตรีสเปนคนปัจจุบันได้รับเพียง 3 ที่นั่งเท่านั้น การเลือกตั้งดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมาจากการทำประชามติของรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญา ซึ่งนำไปสู่การประกาศเอกราชในวันที่ 27 ต.ค. 2017 แต่ศาลสเปนประกาศว่า การกระทำดังกล่าวนั้นขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลกลางตัดสินใจล้มรัฐบาลท้องถิ่นกาตาลุญญาลง เปิดช่องทางให้มีการเข้าควบคุมระบบปกครองของแคว้นโดยตรง และยังมีการสินลงโทษผู้นำท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายคนด้วย สัดส่วนประชาชนที่ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง (Turnout) อยู่สูงกว่า 80% นับว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นกาตาลุญญา โดยผลลัพธ์ในภาพรวมสะท้อนว่า มีความแตกแยกกันระหว่างผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการประกาศเอกราชมากยิ่งขึ้น ดังนั้น เราคาดว่า […]
สหรัฐ: กฏหมายปฏิรูปภาษีผ่านสภา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ปี 2018
สภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาผ่านกฏหมายปฏิรูปภาษีด้วยเสียง 224 ต่อ 201 และ 51 ต่อ 48 ตามลำดับ คาดว่าจะลงนามและบังคับใช้ในปี 2018 ขณะนี้ทางพรรค Republican ได้หันไปเร่งกระบวนการพิจารณากฏหมายงบประมาณชั่วคราว (Continuing Resolution) ที่ต้องผ่านภายในวันที่ 22 ธ.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบางส่วน (Government shutdown) รายละเอียดกฎหมายปฏิรูปภาษี Source: Tax Foundation, TISCO, ESU
อินเดีย: พรรค BJP ของนายกฯ Modi ชนะเลือกตั้งในรัฐ Gujarat
พรรค BJP ยังสามารถครองเสียงข้างมากในสภาท้องถิ่นด้วยจำนวนที่นั่ง 99 ที่นั่งจากทั้งหมด 182 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งของรัฐ Gujarat แต่ลดลงจากก่อนการเลือกตั้งที่ 115 ที่นั่ง โดยนาย Modi เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐนี้ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ คะแนนเสียงของพรรค BJP ที่ลดลงในรัฐ Gujarat ชี้ถึงความนิยมที่ถูกกระทบของนาย Modi หลังรัฐบาลดำเนินนโยบายปฏิรูป เช่น การยกเลิกการใช้พันธบัตร 500 และ 1,000 รูปี และการเปลี่ยนรูปแบบการจัดเก็บภาษีเป็น Good and Services Tax (GST) ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้พรรค BJP ของนาย Modi ได้คะแนนเสียงอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2014 และจะครบกำหนดวาระต้องเลือกตั้งใหม่ในปี 2019 เราคาดว่าก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะมาถึง รัฐบาลจะหันกลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้นในปีหน้า ผ่านทางนโยบาย เช่น การเพิ่มทุนในภาคธนาคาร และการเพิ่มการใช้จ่ายในภาคชนบท […]
สภาผู้แทนสหรัฐผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษี
สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐได้ผ่านกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับรีกันในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ทำให้ทรัมป์ดูเหมือนว่าได้รับชัยชนะในเบื้องต้นหลังจากขับเคี่ยวกับสภาในเรื่องการลดภาษีมาตั้งแต่ช่วงแรกของปีนี้ สส.ในสภาโหวตกฎหมายปฏิรูปภาษี ที่มีชื่อว่าTax Cuts and Jobs Actด้วยคะแนน227ต่อ205เสียง กฎหมายปฏิรูปภาษีจะตัดลดภาษีนิติบุคคลจาก35%เป็น 20%ในปีหน้า ขั้นบรรได7ขั้นของภาษีจะลดลงเหลือ4ขั้น จะมีกายกเลิกภาษีทรัพย์สินอสังหาฯ และจะเปลี่ยนเป็นระบบภาษีดินแดนแทน หมายความว่าบริษัทจะถูกเก็บภาษีตามสถานที่ที่ก่อให้เกิดรายได้ นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนกล่าวว่าร่างกฎหมายภาษีนี้จะนำไปสู่การจ้างงานเพิ่ม และค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น และคนอเมริกันจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ไม่มีสส.จากพรรคเดโมแครทคนใดแม้แต่คนเดียวที่โหวตให้กับร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับรีกันเ มีสส.จากพรรครีพับรีกัน13คน ส่วนมากมาจากรัฐนิวยอร์ค และรัฐนิวเจอร์ซี่แหกคอก ไม่ยอมโหวตสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เนื่องจากเห็นว่าจะมีการยกเลิกการลดหย่อนรายได้ภาษีของรัฐบาลท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีนี้ยังคงเจออุปสรรคอยู่ เพราะว่าต้องมีการนำเสนอต่อสภาเซเนทเพื่อโหวตให้ผ่าน มีการปรับปรุงร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีเพื่อสำเสนอต่องคณะกรรมธิการทางการเงินของวุฒิสภา ทำให้ร่างกฎหมายนี้ต่างจากที่ผ่านในสภาผู้แทน เช่นการยกเลิกการให้ประกันภัยต่อคนอเมริกันตามโอบามาแคร์ ร่างกฎหมายของสภาเซเนทจะเลื่อนการลดภาษีออกไปจนถึงปี2019 และการลดภาษีบุคคลจะหมดอายุในปี2025 เพราะว่ายังคงมีความเป็นห่วงกับฐานะการคลังที่ขาดดุล และภาระหนี้ที่สูงของรัฐบาล
ญี่ปุ่นควงแขนพันธมิตร ถ่วงดุลอิทธิพล “จีน”
Taro Kono รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่น ประกาศเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นเตรียมจัดเจรจาระดับสูงในเดือนพฤศจิกายน เพื่อ “ส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าภายใต้กรอบการค้าเสรีและความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ” ขึ้นในระหว่างประเทศที่มีอาณาบริเวณติดต่อหรือเชื่อมโยงกับทะเลจีนใต้, มหาสมุทรอินเดีย และเลยไปไกลจนถึงทวีปแอฟริกา นอกจากญี่ปุ่นที่เป็นตัวตั้งตัวตีแล้ว ประเทศที่ได้รับเชิญล้วนเป็นยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ได้แก่ อินเดีย ออสเตรเลีย และแน่นอนว่ามีสหรัฐฯด้วย Kono ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า มีการส่งข้อเสนอให้ “ประเทศนอกภูมิภาค” อย่างฝรั่งเศสและอังกฤษ เข้าร่วมในการก่อตั้งกลุ่มความร่วมมือดังกล่าว ในฐานะ “ประเทศผู้ให้ความร่วมมือ” Kono ให้เหตุผลถึงการดำเนินการครั้งนี้ว่า “เราอยู่ในยุคซึ่งญี่ปุ่นจำเป็นต้องแสดงบทบาททางการทูตระหว่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ที่วางเอาไว้ หากทะเลจีนใต้เปิดกว้างและมีเสรีสำหรับทุกคน ผลประโยชน์ย่อมตกอยู่กับทุกประเทศ รวมทั้งจีน และแผนงานโอบีโออาร์ของจีน” ตั้งแต่ปี 2015 เมื่อจีนเมินเฉยต่อเสียงเรียกร้องและการประท้วงของนานาชาติ ในการส่งกำลังเข้าไปในเกาะแก่งหลายแห่งในทะเลจีนใต้ แสดงตนเป็นเจ้าของและพัฒนาสิ่งปลูกสร้างทางทหารขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศที่ร่วมอ้างสิทธิเหนือดินแดนเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, มาเลเซีย และบรูไน ต่างยื่นประท้วง ในขณะที่แวดวงประชาคมนานาชาติออกมาประณามการยึดครองฝ่ายเดียว หลายฝ่าย โดยเฉพาะญี่ปุ่นกังวลมากว่า วิธีการทำนองเดียวกันนี้ของจีนอาจนำมาใช้ในอีกหลาย ๆ ที่หลาย […]
จับตา “Powell” ประธาน FED คนใหม่
Trump ตกลงเลือก Jerome Powell เป็นประธาน FED คนใหม่แทน Janet yellen ซึ่งจะหมดวาระลงในกุมภาพันธ์ 2018 Wall Street ให้การต้อนรับที่ดีต่อข่าวนี้ เพราะแนวความคิดในเรื่องนโยบายการเงินของ Powell เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Yellen เช่น การค่อยเป็นค่อยไปของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือการลดงบดุลของ FED กว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยพยายามไม่กระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินเป็นหลัก สำหรับเรื่องการดูแลสถาบันการเงิน Powell ไปแนวทางเดียวกับ Trump ที่ต้องการให้สถาบันการเงินมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น Powell แสดงให้เห็นว่าเขาจะสานต่อนโยบายของ Yellen และไม่พยายามแสดงให้เห็นว่าจะมีรอยต่อที่ส่อให้เกิดปัญหาในการดำเนินนโยบายของ FED
Fund Comment Market Politics
ภาพรวมตลาดหุ้น เดือนพฤศจิกายน
ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบ Side-ways ตลอดเดือนพฤศจิกายน โดยนักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยสุทธิเป็นมูลค่ากว่า 18,800 ล้านบาท แต่ด้วยแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศยังช่วยพยุงให้ SET Index ยังยืนระดับบริเวณ 1,700 จุดได้ ซึ่งในระหว่างเดือนนี้ มีการขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่ราคาปรับตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่นั้น ราคายังค่อนข้างทรงตัว หนุนโดยหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มพลังงาน ตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงของการปรับฐาน เรามองว่า ถือเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มธุรกิจดีแต่ราคาย่อตัวลงมา และเริ่มมีระดับ Valuation ที่น่าสนใจมากขึ้น โดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นน่าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่องได้ในปีหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะหลังจากนี้ และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เนื่องจากนักลงทุนจะกลับมาให้ความสำคัญกับตัวเลขผลกำไรมากขึ้น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพียงลำพังอาจไม่เพียงพอที่จะผลักดันหุ้นให้ขึ้นต่อได้อีกอย่างมีนัยสำคัญ ด้านความเสี่ยงในช่วงนี้ ยังไม่เห็นปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนตลาดมากกว่า เช่น การเลือกตั้งที่คาดจะเกิดขึ้นในปี 2561 หรือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นต้น ขณะที่ปัจจัยจากต่างประเทศนั้น แม้จะมีความกังวลว่าอาจจะมีแรงขายทำกำไรในตลาดหุ้นต่างประเทศหลังจากมีความชัดเจนต่อการที่รัฐบาลสหรัฐฯจะอนุมัติแผนการลดภาษีนิติบุคคล แต่ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ทั้งประเทศทางฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย ถือว่ายังแสดงถึงการขยายตัวที่ดี ผลประกอบการที่ดีกว่าคาดและระดับ Valuation ที่ไม่ได้สูงนัก ทำให้เชื่อว่า ถ้ามีการปรับฐานในตลาดต่างประเทศจริง น่าจะไม่รุนแรงมากนัก