สหรัฐจ่อลงดาบจีน ฐานปล่อยให้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

สหรัฐจ่อลงดาบจีน ฐานปล่อยให้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แหล่งข่าวเปิดเผยว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯเตรียมพิจารณาดำเนินมาตรการตรวจสอบการลงทุนจากจีน และตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการเพื่อตอบโต้จีน กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างกว้างขวาง โดยแผนการดำเนินการดังกล่าวจะมีขึ้นภายหลังจากที่สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐฯได้ตรวจสอบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในจีน ซึ่งมีขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯโพสต์บนทวีตเตอร์ว่า รัฐบาลจะพิจารณามาตรการต่างๆเพื่อตอบโต้จีนเร็วๆนี้ และจะเป็นผลดีต่อแรงงานสหรัฐฯที่กำลังว่างงาน อย่างไรก็ตาม การแสดงท่าทีที่แข็งกร้าวทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้เกิดเสียงคัดค้านจากหลายฝ่าย ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์นที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งเพื่อคัดค้านนโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งนี้ นโยบายดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯทำให้หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับสงครามทางการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ

ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่6)

ซีรี่ส์: จีนผู้ชนะ (ตอนที่6)

จีนเข้าใจยุทธศาสตร์ของสงครามการเงินของสหรัฐเป็นอย่างดี และรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สักวันหนึ่งที่จีนจะต้องปลดแอกจากอิทธิพลของดอลล่าร์ มิเช่นนั้นแล้ว จีนจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างตลอดไปเหมือนกับญี่ปุ่นที่ยอมเป็นเบี้ยล่างสหรัฐ ผู้ที่อธิบายยุทธศาสตร์ของสงครามการเงินของสหรัฐได้ดีที่สุดคือ พลตรี Qiao Liang นักยุทธศาสตร์ชั้นแนวหน้าของจีน เนื้อหาที่เขาเขียนมีดังนี้: ในปี 2015  ในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ เขาได้นำเสนอผลงานทางวิชาการเกี่ยวกับการใช้ยุทธศาสตร์ของสงครามการเงินของสหรัฐในการทำลายประเทศต่างๆ โดยใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการที่ดอลล่าร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก Qiaoอธิบายว่า สหรัฐอเมริกาใช้ดอลล่าร์เพื่อที่จะบริหารการค้าและการเงินภายนอกเพื่อประโยชน์แก่ตัวเอง สหรัฐส่งออกดอลล่าร์และเครดิตในรูปดอลล่าร์ให้โลกใช้ ด้วยวิธีการนี้ สหรัฐสร้างความร่ำรวยให้กับรัฐบาลของตัวเองและแบงก์อเมริกันทั้งหลาย ดอลล่าร์มีบทบาทสำคัญมากสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากดอลล่าร์ไม่ได้ผูกติดกับค่าของทองคำ สหรัฐสามารถที่จะสร้างวัฎจักรของเศรษฐกิจที่บูมและล่มสลายให้ประเทศต่างๆที่ใช้ดอลล่าร์ได้ เนื่องจากสหรัฐมีการพิมพ์ดอลล่าร์ออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะว่าไม่มีระบบมาตรฐานทองคำมาเป็นข้อจำกัดให้มีวินัยทางการเงิน ทำให้มีโอกาสเกิดเงินเฟ้อ สหรัฐเลี่ยงการสร้างเงินเฟ้อด้วยการปล่อยให้ดอลล่าร์ไหลไปหมุนเวียนในตลาดต่างประเทศ ในขณะเดียวกันสหรัฐต้องพยายามไม่พิมพ์ดอลล่าร์มากเกินควร เพราะว่าจะทำให้ดอลล่าร์อ่อนค่า หมดความน่าเชื่อถือ แล้วสหรัฐจะแก้ปัญหาการขาดแคลนดอลล่าร์ได้อย่างไร เมื่อไม่มีดอลล่าร์เพียงพอที่จะหมุนเวียนในเศรษฐกิจ? สหรัฐแก้ปัญหาดอลล่าร์ขาดแคลนด้วยการออกพันธบัตรเพื่อสร้างหนี้ และดูดเงินดอลล่าร์กลับเข้าประเทศ ด้วยวิธีการนี้ สหรัฐเล่นเกมการเงินที่มือซ้ายพิมพ์ดอลล่าร์ ส่วนมือขวายืมเงินดอลล่าร์กลับคืนมา การพิมพ์เงินสร้างกำไร การยืมเงินได้กำไรเหมือนกัน เศรษฐกิจการเงินของการใช้เงินเพื่อสร้างเงินง่ายกว่าการที่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจที่อิงการผลิตอุตสาหกรรม สหรัฐเลือกที่จะไม่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านการผลิตในระบบอุตสาหกรรม แต่เลือกที่จะเล่นการเงินมากกว่า เพราะคิดว่าสามารถคอนโทรลทุกอย่างได้ เนื่องจากมีแสนยานุภาพทางทหารคอยค้ำจุนอีกที ตั้งแต่วันที่15 สิงหาคมปีคศ 1971 หลังจากการยกเลิกมาตรฐานทองคำ สหรัฐได้ค่อยๆหยุดพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริง และมุ่งหน้าเข้าสู่เศรษฐกิจเวอร์ซ่วล […]

Active VS Passive Portfolio Management 

Active VS Passive Portfolio Management 

By… ศรศักดิ สร้อยแสงจันทร์ BF Knowledge Center สไตล์การบริหารพอร์ตของนักลงทุนหรือการบริหารกองทุนของผู้จัดการทุน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ การบริหารแบบ Active และ Passive ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก ถ้ายกตัวอย่างกองทุนหุ้น นักลงทุนมักเข้าใจว่ากองทุนที่เป็นประเภท Active Fund  ผู้จัดการกองทุนต้องขยันทำการซื้อขายหุ้นบ่อยๆ เพื่อทำกำไร โดยคาดหวังว่าผู้จัดการกองทุนต้องมีความรู้ความสามารถสูงกว่านักลงทุนทั่วไป และมีข้อมูลที่ดีกว่า ควรมองหรือคาดการณ์ได้ว่าตลาดหุ้นจะขึ้นหรือลง และหุ้นตัวไหนจะขึ้น จึงเข้าไปซื้อไว้ก่อนและขายออกที่ราคาสูงๆ ในความเป็นจริงผู้จัดการกองทุนไม่ได้มีความสามารถในการคาดการณ์ทิศทางของตลาดหรือหุ้นรายตัวได้ถูกต้องแม่นยำเหนือนักลงทุนทั่วไป ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนของผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากความสามารถในการจับจังหวะตลาดและทำกำไรจากการขึ้นลงของราคาหุ้น (ถ้าเทียบกันแล้วนักลงทุนอาจซื้อขายหุ้นบ่อยกว่าผู้จัดการกองทุนด้วยซ้ำไป) ผลตอบแทนส่วนใหญ่มาจากการคัดสรรและเลือกลงทุนในหุ้นที่ผู้จัดการกองทุนได้ทำการวิเคราะห์มาอย่างรอบด้านแล้วว่าเป็นหุ้นที่ราคามีโอกาสขึ้นดีจากพื้นฐานของตัวบริษัทที่มียอดขายและกำไรที่ดี มีอัตราการเติบโตสูง มีองค์ประกอบของสินค้า/บริการ ผู้บริหาร แผนธุรกิจ ที่สอดคล้องและได้ประโยขน์จากปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งเกิดจากการวิเคราะห์และติดตามข้อมูลของบริษัทต่างๆ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจ อุตสหากรรม อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นความ Active หรือความขยันของผู้จัดการกองทุน ซึ่งเน้นการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่คัดเลือกมาเป็นอย่างดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องซื้อขายหุ้นบ่อยๆ ให้สิ้นเปลืองค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์ โดยยังไม่นับโอกาสขาดทุนจากการเก็งกำไรในระยะสั้น กองทุนที่บริหารแบบ Passive ผู้จัดการกองทุนไม่ได้ทำงานน้อยหรือขี้เกียจ […]

หุ้นไทยปิดตลาดร่วงเกือบ 10 จุด อยู่ที่ 1,799.06 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดร่วงเกือบ 10 จุด อยู่ที่ 1,799.06 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (6 มี.ค. 61) ที่ระดับ 1,799.06 จุด ลดลง -9.83 จุด หรือ -0.54% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,817.93จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,795.34 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.24 น. อยู่ที่ 79,898.60ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BANPU ปิดที่ 22.90 บาท ลดลง -0.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9,920.15 ลบ. 2.EA ปิดที่ 50.25 บาท ลดลง -9.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,934.12 ลบ. […]

ราคาบิทคอยน์กลับยืนเหนือค่าเฉลี่ย 50 วัน ลุ้นทะยานขึ้นรอบใหม่

ราคาบิทคอยน์กลับยืนเหนือค่าเฉลี่ย 50 วัน ลุ้นทะยานขึ้นรอบใหม่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาบิทคอยน์ สกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ย 50 วันเป็นครั้งแรกนับแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังเพิ่มขึ้น 5.8% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดยราคาบิทคอยน์ที่กลับขึ้นทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน อาจเพิ่มแรงกรุตุ้นที่ทำให้นักลงทุนและนักเก็งกำไรซื้อบิทคอยน์มากขึ้นหนุนราคาบิทคอยน์เพิ่มขึ้นรอบใหม่ต่อไป ราคาบิทคอยน์ฟื้นตัวขึ้น หลังร่วงลงอย่างรวดเร็วในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จากการที่หน่วยงานที่กำกับดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและภาคการเงินต่างจับตาใกล้ชิด สร้างแรงกดดัน

การจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation)

การจัดสรรเงินลงทุน (Asset Allocation)

By… ศรศักดิ สร้อยแสงจันทร์ BF Knowledge Center แนวคิดในการจัดการเงินลงทุนโดยมองภาพรวมของเงินลงทุนที่หมดของนักลงทุน โดยจัดสรรหรือแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เป็นกระบวนการที่เกิดจากการวางแผนการลงทุนโดยตั้งเป้าหมายที่ต้องการ เช่น ลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ เพื่อสร้างความมั่นคั่ง หรือเพื่อสร้างครอบครัว พิจารณาถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้และสอดคล้องกับเป้าหมาย โดยมีการประมาณการณ์ผลตอบแทนและความผันผวนของสินทรัพย์แต่ละประเภท Strategic Asset Allocation(SAA) เป็นการจัดสรรเงินลงทุนในระยะยาวเพื่อตอบสนองเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ตามที่วางแผนไว้ เช่น ลงทุนในตราสารหนี้ 55% หุ้น 30% สินทรัพย์ทางเลือก 15% และเลือกลงทุนในหลักทรัพย์ (Security selection) ภายใต้กรอบที่กำหนดไว้ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนรักษาวินัยในการลงทุน ไม่หวั่นไหวเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ส่วนตัวหรือภาวะตลาด และหลีกเลี่ยงการพยายามจับจังหวะการเคลื่อนไหวของตลาดเพื่อเก็งกำไร เพราะโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจากการจับจังหวะมีน้อยมาก Tactical Asset Allocation (TAA) เป็นการปรับสัดส่วนการลงทุนในระยะสั้นเพื่อหาโอกาสการลงทุนที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดทุนในแต่ละช่วง โดยยังคงรักษากรอบการลงทุนระยะยาวภายใต้ Strategic Asset Allocation เช่น SAA กำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 30% นักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดหุ้นจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นใน 1 […]

เน้นลงทุนในบริษัทคุณภาพ จ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ

เน้นลงทุนในบริษัทคุณภาพ จ่ายปันผลดีสม่ำเสมอ

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในเดือนแรกของปี 2561 ต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งหนุนด้วยราคาน้ำมันในตลาดโลก และหุ้นกลุ่มพาณิชย์บางตัวด้วยความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ ขณะที่มีการขายทำกำไรหุ้นบางตัวที่ราคาปรับขึ้นมาในช่วงก่อนหน้า เช่น กลุ่มท่องเที่ยว หรือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์นั้นผลประกอบการในไตรมาส 4/60 ที่ประกาศออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่ตลาดคาด ในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดเริ่มมีการปรับฐานลงหลังจากที่การเลือกตั้งในประเทศมีแนวโน้มจะถูกเลื่อนออกไปจากเดิมที่คาดกันว่าจะถูกจัดขึ้นภายในปีนี้ และยังมีประเด็นความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯเร็วกว่าที่คาด ทำให้เกิดแรงขายหนักในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯและจีน ซึ่งเชื่อว่า แรงขายทำกำไรนี้น่าจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศหลักๆ ทั้งประเทศทางฝั่งตะวันตกและฝั่งเอเชีย ยังแสดงถึงการขยายตัวที่ดี มุมมองตลาดหุ้นไทย : แม้จะมีการปรับฐานบ้างแล้ว ระดับ P/E ตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับประมาณการกำไรปี 2561 ยังอยู่ที่ระดับมากกว่า 16.5 เท่า นับว่าตึงตัวพอสมควร แต่ว่าระดับ Valuation ของหุ้นในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นมีความแตกต่างกัน จึงมีหุ้นไทยบางส่วนที่ยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่ ขณะที่บางกลุ่มก็มีราคาแพงเกินพื้นฐาน การเลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวจึงมีความสำคัญมาก ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นน่าจะมีโมเมนตัมต่อเนื่อง และหนุนให้การคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในระยะหลังจากนี้ยังมีแนวโน้มที่ดี และควรต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าสูงเกินไปให้มากขึ้น กลยุทธ์การลงทุนของกองทุน : ผู้จัดการกองทุนยังคงเน้นลงทุนในบริษัทคุณภาพที่มีรูปแบบธุรกิจที่เข้มแข็ง มีศักยภาพเติบโตได้ต่อเนื่อง มีฐานะการเงิน แข็งแกร่ง มีกระแสเงินสดสูง และมีแนวโน้มการจ่ายปันผลดีอย่างสม่ำเสมอ […]

หุ้นไทยปิดตลาดลง 3 จุด อยู่ที่ 1,808.89 จุด

หุ้นไทยปิดตลาดลง 3 จุด อยู่ที่ 1,808.89 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ปิดวันนี้ (5 มี.ค. 61) ที่ระดับ 1,808.89 จุด ลดลง 3.09 จุด หรือ -0.17% โดยระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,817.08 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,792.14 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขาย ณ เวลา 17.01 น. อยู่ที่ 69,970.69 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.PTT ปิดที่ 562.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9,448.60 ลบ. 2.CPALL ปิดที่ 87.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย […]

จีนเตรียมลดกำลังการผลิตเหล็ก-ถ่านหินปีนี้ จ่อปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินต่ำมาตรฐาน

จีนเตรียมลดกำลังการผลิตเหล็ก-ถ่านหินปีนี้ จ่อปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินต่ำมาตรฐาน

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนเตรียมลดกำลังการผลิตเหล็กลง 30 ล้านตัน และถ่านหิน (coal) ลง 150 ล้านตันในปี 2018 เพื่อลดอุปทานส่วนเกิน ขณะเดียวกันจีนมีแผนที่จะปิดโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน และมีกำลังการผลิตต่ำกว่า 300,000 กิโลวัตต์ภายในปีนี้ เพื่อแก้ปัญหามลพิษ และยกระดับประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ทั้งนี้ แผนดังกล่าวเผยแพร่ในที่ประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนสมัยที่ 13 ที่มีขึ้นเป็นวันแรกวันนี้

การเลือกตั้งอิตาลี มีแนวโน้มจบลงด้วยสภาวะ “สภาแขวน”

การเลือกตั้งอิตาลี มีแนวโน้มจบลงด้วยสภาวะ “สภาแขวน”

สภาแขวน: ผลการเลือกตั้ง (4 มี.ค.) เบื้องต้น ของผู้แทนราษฎร 630 ที่นั่ง และวุฒิสมาชิก 315 ที่นั่ง ชี้ว่าอิตาลีอาจเข้าสู่สภาวะสภาแขวน (Hung Parliament) หรือสถานการณ์ที่ไม่มีกลุ่มการเมืองไหนได้รับเสียงโหวตเกินกว่า 40% โดยผลลัพท์สุดท้ายจะถูกประกาศออกมาช่วง 14:00 น. ในวันจันทร์ของอิตาลี (20:00 น. ตามเวลาไทย) Exit Poll: กลุ่มพรรคผสมฝั่งกลาง-ขวา น่าจะได้รับคะแนนเสียงราว 35% ส่วนพรรคประชานิยม 5Star Movement ที่ต่อต้านระบบการเมืองแบบเดิม น่าจะได้ไปราว 30% ส่งผลให้ 5Star เป็นพรรคการเมืองเดี่ยวที่จะได้รับคะแนนมากที่สุด ทว่า กลุ่มพรรคผสมฝั่งกลาง-ซ้ายต้นสังกัด Matteo Renzi นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า มีแนวโน้มร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 และน่าจะแปรไปเป็นฝ่ายค้านแทน นายกคนต่อไป: ทั้งนี้ กลุ่มกลาง-ขวาที่มีคะแนนรวมกันนำหน้าอยู่นั้น มีพรรค Forza […]