ฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ IPO ครึ่งแรกปีนี้เพิ่มขึ้น สวนทางประเทศอื่นที่ซบเซาหลังโควิด-19ทำพิษ
“จีนมีจำนวน IPO ที่เพิ่มขึ้นถึง 29% และมูลค่าเสนอขายที่เพิ่มขึ้นถึง 72% จากปีก่อน โดยฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ถือเป็นผู้นำในแง่ของจำนวนและมูลค่าเงินที่เพิ่มขึ้น สวนทางประเทศอื่นที่ซบเซาหลังโควิด-19ทำพิษ” การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPOs) ในประเทศจีนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่ลดลง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสหรือ โควิด-19 ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา EY ซึ่งเป็น 1 ใน Big 4 ระบุว่า ช่วงหกเดือนแรกจีนมีจำนวน IPO ที่เพิ่มขึ้นถึง 29% และมูลค่าเสนอขายที่เพิ่มขึ้นถึง 72% จากปีก่อน โดยฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ถือเป็นผู้นำในแง่ของจำนวนและมูลค่าเงินที่เพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้ามภูมิภาคอื่น ๆ ลดลงทั้งจำนวนเสนอขายหุ้นและเม็ดเงินอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยสหรัฐบริษัทและรายได้ลดลง 30% ในขณะเดียวกันจำนวนบริษัทในยุโรปลดลง 47% และมีรายได้ลดลง 48% ผลกระทบของการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ยังคงมีบทบาทสำคัญในการลดการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงครึ่งแรกของปี 2020
หุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,372.27 จุด ลดลง 1.86 จุด หรือ -0.14% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,380.08 จุด ต่ำสุดที่ 1,370.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 71,138.56 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.STGT ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 7.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 11,478.25 ลบ. 2.STA ปิดที่ 30.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,977.64 ลบ. 3.GULF ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 […]
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย. 20 อยู่ที่ -1.57%
• อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือน มิ.ย. 20 อยู่ที่ 101.3 vs. prev 99.8 หรือ -1.57%YoY (vs. prev.-3.44%YoY) ,เมื่อเทียบรายเดือน 1.56% MoM (vs. prev.0.01% MoM) • YTD: -1.13% (vs. prev.-1.04%) โดยอัตราเงินเฟ้อติดลบน้อยลงจากระดับราคาพลังงานที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับที่รัฐบาลได้ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าและช่วยลดค่าสาธารณูปโภค • อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารและน้ำมัน) อยู่ที่ -0.05%YoY (vs. prev.0.01%YoY)เมื่อเทียบรายเดือน -0.01%MoM (vs. prev.-0.30%MoM) • ราคาอาหาร (36% ของตะกร้าสินค้า) อยู่ที่ 0.06%YoY (vs. prev.-0.01%YoY) ,เมื่อเทียบรายเดือน 0.20%MoM (vs. prev.0.02%MoM) […]
BF Product Special Product Special
B-CHINE-EQ Product Special: เศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ COVID-19
B-CHINE-EQ Product Special เศรษฐกิจจีนปัจจุบันอยู่ ณ จุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวหลังก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ COVID-19 และกำลังจะเร่งเศรษฐกิจด้วยการผลักดันการบริโภคภายในประเทศ คาดการณ์จะแซงหน้าสหรัฐฯในฐานะเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2030 หุ้นจีนเป็นตลาดที่มีความเฉพาะตัวเห็นได้จากมีจำนวนบริษัทเทคยูนิคอร์นมากที่สุดของโลก บริษัทเหล่านี้แน่นอนว่ามีศักยภาพในการก้าวเข้าถึงความต้องการของลูกค้าตอบโจทย์การบริโภคในประเทศที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ในการก้าวไปสู่เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก หุ้นจีนจะมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หลายประเทศ ทั้งในประเทศจีน (เอแชร์) ประเทศฮ่องกง และประเทศสหรัฐฯ (US-listed) แต่ละตลาดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แทนที่นักลงทุนจะโฟกัสไปยังตลาดเดียว กลยุทธ์การลงทุนแบบ all-in จะช่วยให้แสวงหาโอกาสลงทุนทั้งหมดที่มีในจีนได้ ในอดีตนักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนหุ้นจีนผ่านเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดฮ่องกง ในเวลาเดียวกันบริษัทจีนเริ่มมีการจดทะเบียนในสหรัฐฯมากขึ้นเป็นการอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเข้าถึงหุ้นจีน การขยับขยายดังกล่าวได้นำมาสู่การเปิดตลาดเอแชร์ ซึ่งเป็นตลาดของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศ ผ่านการลงทุนช่องทางสต็อคคอนเนคโปรแกรม บริษัทจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นเศรษฐกิจแบบเก่าเช่น สถาบันการเงิน สื่อสาร สาธารณูปโภค (ยกเว้นเทคโนโลยี) ขณะเดียวกันบริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในสหรัฐฯจะเน้นไปทางธุรกิจประเภทสินค้าฟุ่มเฟือย สื่อสาร ขณะที่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดเอแชร์มีความคลอบคลุมที่หลากหลายกว่า เป็นเศรษฐกิจใหม่ เช่น ธุรกิจประเภทท่องเที่ยว บันเทิง อุปกรณ์สื่อสาร 5G เฮลธ์แคร์ อุตสาหกรรมออโตเมชั่น พลังงานทางเลือก ยานยนต์ ไบโอเทคโนโลยี ความขัดแย้งทางการค้าที่ตึงเครียดต่อเนื่องทำให้บริษัทจีนที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดของสหรัฐฯหันกลับมาจดทะเบียนในตลาดฮ่องกงเพราะต้องการลดความไม่แน่นอนของตัวเอง ซึ่งส่งผลดีเพราะเกือบทั้งหมดเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพสูงซึ่งจะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างระยะยาวที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจจีน ในอีกมุมหนึ่งการที่บริษัทเหล่านี้หันกลับมาจดทะเบียนในบ้านเกิดของตัวเอง […]
การจัดพอร์ตแบบ 60/40 ล้าสมัยไปแล้ว?
โดย…ทนง ขันทอง เจพี มอร์แกน และธนาคารวอลล์สตรีทอื่นๆ เริ่มที่จะยกเลิกแนะนำวิธีการจัดพอร์ตแบบ 60/40 แม้ว่าการจัดพอร์ตแบบนี้พิสูจน์แล้วว่า ประสบความสำเร็จในการเพิ่มมูลค่าพอร์ตการลงทุนในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา รายงานของ Market Watch เรื่อง ”JP Morgan joins the list of Wall Street banks calling for the demise of 60/40 portfolio, despite its success this year” ระบุว่า ตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา ที่ปรึกษาการลงทุนจะแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตการลงทุนแบบคลาสสิค ด้วยการนำเงินออม 60% ลงทุนในหุ้น ที่เหลือ 40% ลงทุนในตราสารหนี้ หรือพันธบัตรรัฐบาล โดยหลักการนี้ทำให้เกิดความสมดุล และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉลี่ยแล้ว นักลงทุนที่จัดพอร์ตแบบ 60/40 จะได้ผลตอบแทนในอัตราเฉลี่ย […]
ไฟเซอร์เผยการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในมนุษย์ให้ผลน่าพอใจ
รายงานข่าวจากบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ (Pfizer) ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยในวันนี้ว่า การทดลองใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ การพัฒนาวัคซีนดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างไฟเซอร์ กับ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี และคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนหลายล้านโดสภายในปลายปีนี้ ทั้งนี้ ไฟเซอร์ได้ทำการทดลองในอาสาสมัครจำนวน 45 คน ซึ่งทุกคนได้รับวัคซีน โดยอาสาสมัครซึ่งได้รับวัคซีน 10 หรือ 30 ไมโครกรัมเป็นเวลา 28 วันจะทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่ออาสาสมัครมากนัก แต่อาจทำให้เกิดไข้ในบางราย โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับวัคซีน 100 ไมโครกรัม
หุ้นไทยวันที่ 2 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,374.13 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,374.13 จุด เพิ่มขึ้น 24.69 จุด หรือ 1.83% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,376.31 จุด ต่ำสุดที่ 1,353.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 84,485.85 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.STGT ปิดที่ 60.50 บาท เพิ่มขึ้น 26.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17,152.26 ลบ. 2.STA ปิดที่ 28.00 บาท ลดลง -1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,501.92 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 39.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 […]
เฟซบุ๊กเจอมรสุมบอยคอต
BF Editorial โดย…ทนง ขันทอง เฟซบุ๊กกำลังเผชิญกับมรสุมบอยคอตที่รุนแรงที่สุดในรอบ 16 ปีที่ก่อตั้งบริษัท โดยแนวร่วม Stop Hate for Profit กำลังรณรงค์ให้บริษัทต่างๆ หยุดลงโฆษณาในเฟซบุ๊กในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อสร้างแรงกดดันให้เฟซบุ๊กเซ็นเซอร์ข้อความที่แสดงถึงความเกลียดชัง หรือความรุนแรงที่สุดกู่ที่สร้างความแตกแยกในสังคม การรณรงค์ท่ามกลางความแตกแยกในเรื่องผิวสีในสังคมอเมริกันได้ผล หลังจอร์จ ฟลอยด์ คนผิวดำถูกตำรวจผิวขาวฆ่าตาย เพราะว่า มีบริษัทเกือบ 300 แห่งได้ยกเลิกการโฆษณาบนแพล็ตฟอร์มของเฟซบุ๊ก อาทิ ยูนิลีเวอร์ โคคา-โคล่า ไฟเซอร์ เวริซอน คอมมูนิเคชั่น ฮอนดา มอเตอร์ส ทำให้มาร์ค ซัคเกอร์เบอร์ก ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของเฟซบุ๊กต้องพยายามหาทางออกไม่ให้กระทบกระเทือนฐานะของบริษัท แนวร่วม Hate for Profit ประกอบด้วยกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Anti-defamation League, NAACP, Color of Change, National Hispanic […]
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,349.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.41 จุด
ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.ค. 2563 ปิดตลาดที่ 1,349.44 จุด เพิ่มขึ้น 10.41 จุด หรือ 0.78% โดยระหว่างวันสูงสุดที่ 1,350.16 จุด ต่ำสุดที่ 1,331.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,380.74 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.STA ปิดที่ 29.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,970.80 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 38.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,962.41 ลบ. 3.BAM ปิดที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 […]
Fund Comment
Fund Comment มิถุนายน 2563: ภาพรวมตลาดหุ้น
สรุป แนวโน้มการลงทุนในช่วงต่อจากนี้ อยู่ที่การฟื้นตัวทางปัจจัยพื้นฐานว่าจะฟื้นขึ้นเร็วมากน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้อย่างไร ความเสี่ยง ได้แก่ การแพร่ระบาดระลอกสอง รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายน ถ้ามีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนนโยบายของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยบวกที่สนับสนุนคือสภาพคล่องในตลาดการเงิน กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้เป็นแบบ Selective ควรเน้นหุ้นที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เห็นสัญญาณของรายได้กลับมาในเวลาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้