Fund Comment ธันวาคม 2565: มุมมองตลาดตราสารหนี้

Fund Comment ธันวาคม 2565: มุมมองตลาดตราสารหนี้

มุมมองตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในเดือนธันวาคมปรับลดลง ทั้ง curve ประมาณ 4-35 bps โดยช่วงอายุไม่เกิน 1 ปีปรับลดลงประมาณ 4-14 bps จากกระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาช่วงสิ้นปี ทั้งนี้ หากมองภาพรวมทั้งปี พบว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับเพิ่มขึ้น 41-98 bps โดยช่วงอายุที่ปรับเพิ่มมากที่สุด คือ รุ่น 2 ปี ซึ่งเหตุผลหลักมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ตลอดทั้งปี 2022 คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย มีมติทยอยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั้งสิ้น 75 bps จาก 0.50% เป็น 1.25% เช่นเดียวกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อพยายามสกัดเงินเฟ้อที่่เพิ่่มขึ้้นสููงในรอบหลายปี โดยในเดือนธันวาคม มีการประชุมของธนาคารกลางหลักๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์ ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 50 bps สู่ระดับ 4.25-4.50% ตามการคาดการณ์เป็นวงกว้างของตลาด นับเป็นการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยหลังจากที่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 75 […]

BF Knowledge Tips: ความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง

BF Knowledge Tips: ความสำคัญของการกระจายความเสี่ยง

โดย เสกสรร โตวิวัฒน์ CFP® BBLAM ปี 2565 ที่พึ่งจะผ่านพ้นไป เป็นปีที่เต็มไปด้วยความผันผวนครับ หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นและสร้างผลกระทบต่อการลงทุนทั้งหุ้น ตราสารหนี้และสินทรัพย์เสี่ยงใหม่ๆ มากมาย ปีนี้ เปิดปีมาเราก็เจอสิ่งไม่คาดฝันมากมาย ทั้งสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่รวดเร็วและรุนแรง นโยบายควบคุม Zero Covid ของจีนที่ลากยาว ซึ่งกว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายให้ตลาดหุ้นคลายกังวลก็ไตรมาสที่ 4 รวมไปถึงผลพวงต่างๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องค่าเงินที่ผันผวน ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจประเทศต่างๆ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ กดดันตลาดหุ้น และกองทุนต่างๆ กองทุนที่พุ่งขึ้นมาแรงในช่วง 2 ปี ตอนโควิดโดยเฉพาะหุ้นสายเทคโนโลยีที่ต่างก็ร่วงแรง ถูกเทขายทำกำไร ถ้าเรามองย้อนกลับไป ก็จะพบว่าจริงๆ สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น มีทั้งที่เป็นวัฎจักร ปัญหามีทั้งมีที่มาที่ไป คาดเดาได้แต่ไม่รู้จะเกิดตอนไหน อย่างการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถูกกดลงมาจนผิดปกติจากความพยายามในการพยุงเศรษฐกิจช่วงโควิด กับที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้น เกิดเมื่อไร และจบเมื่อไร อย่างกรณีสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ลากยาว สำหรับสิ่งที่นักลงทุนรวมถึงตัวผมเองต้องกลับมาคิด มาทบทวน […]

BBLAM Weekly Investment Insights 9-13 มกราคม 2023

BBLAM Weekly Investment Insights 9-13 มกราคม 2023

2023 – The Rise of Asia INVESTMENT STRATEGY By BBLAM ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนได้สัมผัสประสบการณ์ตรงกันไปแล้วว่า การลงทุนในปี 2022 นั้น ไม่ว่าเราจะพยายามจัดสรร หรือกระจายความเสี่ยงอย่างไร พอร์ตลงทุนก็ยังให้ผลตอบแทนที่ไม่ค่อยน่าพอใจเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้หลายคนกังวลถึงอนาคตข้างหน้าว่า ในปี 2023 นี้ เราควรเตรียมแผนรับมืออย่างไรดี คลิปนี้ คุณมทินา วัชรวราทร CFA®, Head of Investment Strategy จาก BBLAM มีคำแนะนำที่น่าสนใจมาฝากนักลงทุน BBLAM แนะนำกองทุน กองทุนตราสารหนี้ : BFIXED หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ BFRMF หรือกองทุนกระจายลงทุน ได้แก่ B-INCOMESSF กองทุนลงทุน Defensive stock สู้ภาวะเศรษฐกิจถดถอย : BCARE หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ BCARERMF และ BCARESSF กองทุนรับเงินเฟ้อสูง : B-GLOB-INFRA หรือกองทุนลดหย่อนภาษี ได้แก่ B-GLOB-INFRARMF และ B-GLOB-INFRASSF Market & […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.86 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด (+0.60%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.86 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด (+0.60%)

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 6 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.86 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด (+0.60%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,665.49 จุด และสูงสุดที่ 1,677.79 จุด มูลค่าการซื้อขาย 73,838.34 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 808.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 (+0.25%)  มูลค่าการซื้อขาย 3,844.87 ล้านบาท BANPU ปิดที่ 12.30 บาท ลดลง 0.50 (-3.91%) มูลค่าการซื้อขาย 3,662.75 ล้านบาท HANA ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 7.25 (+14.22%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,991.40 […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,663.86 จุด ลดลง 9.39 จุด (-0.56%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,663.86 จุด ลดลง 9.39 จุด (-0.56%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,663.86 จุด ลดลง 9.39 จุด (-0.56%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,659.90 จุด และสูงสุดที่ 1,676.82 จุด มูลค่าการซื้อขาย 85,208.62 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 806.00 บาท ลดลง 106.00 (-11.62%) มูลค่าการซื้อขาย 7,467.00 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 0.50 (-0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 3,726.30 ล้านบาท PTTEP ปิดที่ 168.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 (+0.90%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,880.60 […]

จีนพับแผนลงทุนชิป หลังอ่วมจากโควิด

จีนพับแผนลงทุนชิป หลังอ่วมจากโควิด

จีนเตรียมระงับการลงทุนก้อนใหญ่ในการสร้างอุตสาหกรรมชิป เพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ หลังประเทศกำลังเจอการระบาดของโรคโควิด-19 ที่แพร่กระจายไปทั่วประเทศ พร้อมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเริ่มที่จะบั่นทอนระบบเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกำลังหารือถึงวิธีการอื่น ๆ ในการส่งเสริมผู้ผลิตชิปจีนแทนที่การให้เงินอุดหนุน เนื่องจากใช้งบประมาณเยอะ และจนถึงขณะนี้ยังแทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด ซ้ำยังกระตุ้นให้เกิดการรับสินบนและเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ อีกด้วย แหล่งข่าว เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงส่วนหนึ่งกำลังพยายามผลักดันมาตรการทุ่มเม็ดเงินจูงใจสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน (หรือประมาณ 4.95 ล้านล้านบาท) ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองว่า วิธีการที่รัฐเข้าไปลงทุนพร้อมเงินก้อนโตจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดการณ์ไว้ และพวกเขากำลังพิจารณาวิธีการอื่นๆ ในการสนับสนุนผู้ผลิตชิปจีนแทน เช่น การลดต้นทุนของวัสดุประเภทเซมิคอนดักเตอร์ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตชิป ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีของจีนในการแข่งขันกับสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลปักกิ่งมองว่า ชิปเป็นอุตสาหกรรมสำคัญในการท้าทายสหรัฐฯ เนื่องด้วยสหรัฐฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาดชิปโลกมาก่อน อีกทั้งยังช่วยปกป้องเศรษฐกิจของประเทศและความสามารถในการแข่งขันด้านการทหารของจีนอีกด้วย อย่างไรก็ดี นี่ก็สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจของจีนกำลังเผชิญภาวะถดถอย ทำให้ต้องลดความทะเยอทะยานในการพัฒนาอุตสาหกรรมชิปเพื่อไปแข่งขันกับสหรัฐฯ ลง ซึ่งแต่เดิมถือว่าเป็นนโยบายหลักของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และหันไปเพิ่มงบประมาณในด้านที่สำคัญอื่นๆ แทน ไม่ว่าจะเป็น ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการป้องกันประเทศ ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณานโยบายชิปใดบ้าง หรือท้ายที่สุดจีนจะยกเลิกการทุ่มการลงทุนมหาศาลเพื่อหนุนภาคการผลิตที่ทำมาตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมาหรือไม่ […]

‘แอมะซอน’ เตรียมปลดพนักงานเพิ่มเป็น 1.8 หมื่นคน เหตุเศรษฐกิจไม่แน่นอน

‘แอมะซอน’ เตรียมปลดพนักงานเพิ่มเป็น 1.8 หมื่นคน เหตุเศรษฐกิจไม่แน่นอน

สำนักข่าวรอยเตอร์ เอเอฟพี และบีบีซี รายงานเมื่อวันที่ 5 มกราคมว่า แอมะซอน บริษัทอี-คอมเมิร์ซชื่อดัง ประกาศว่า เตรียมปลดพนักงานเพิ่มขึ้นเป็น 18,000 ตำแหน่ง หลังก่อนหน้านี้ที่เคยประกาศว่า ตั้งเป้าที่จะปลดพนักงานจำนวน 1 หมื่นตำแหน่งไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยนายแอนดี้ แจสซี ซีอีโอของบริษัท ให้เหตุผลว่า การตัดสินใจดังกล่าวมาจากเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และบริษัทรับพนักงานเข้าทำงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากเกินไป แจสซี กล่าวว่า ผู้บริหารของบริษัทรับรู้ว่า การปลดพนักงานเป็นสิ่งที่ยากสำหรับพนักงาน และผู้บริหารได้ไตร่ตรองถึงการตัดสินใจนี้อย่างละเอียดแล้ว “เราเตรียมที่จะให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการปลดพนักงาน และจะมอบความช่วยเหลืออาทิ เงินชดเชย ผลประโยชน์ด้านประกันสุขภาพในช่วงเปลี่ยนผ่านของพนักงาน และให้การสนับสนุนการหาตำแหน่งงานใหม่” แจสซี กล่าว ในแถลงการณ์ของนายแจสซี ระบุว่า แอมะซอนจะปลดพนักงานบางส่วนในทวีปยุโรป และพนักงานที่ถูกปลดจะได้รับแจ้งจากบริษัทตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมเป็นต้นไป โดยพนักงานส่วนใหญ่ที่จะถูกปลดจะมาจากตำแหน่งในร้านค้าของแอมะซอน พนักงานแผนกฝ่ายบุคคล และเทคโนโลยี อมะซอน ระบุว่า การวางแผนรายปีของบริษัททำได้ยากมากขึ้น เนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการจ้างงานที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาไม่กี่ปี แจสซี […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.25 จุด ลดลง 5.72 จุด (-0.34%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.25 จุด ลดลง 5.72 จุด (-0.34%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,673.25 จุด ลดลง 5.72 จุด (-0.34%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,668.07 จุด และสูงสุดที่ 1,685.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 76,437.34 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 912.00 บาท ลดลง 18.00 (-1.94%) มูลค่าการซื้อขาย 9,094.32 ล้านบาท BANPU ปิดที่ 12.80 บาท ลดลง 0.60 (-4.48%) มูลค่าการซื้อขาย 3,961.81 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 151.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 (+1.68%)  มูลค่าการซื้อขาย 3,462.88 […]

‘สังคมสูงวัยอยู่ร่วมหนุ่มสาว’ โจทย์หินพัฒนาการศึกษา-แก้ยากจน

‘สังคมสูงวัยอยู่ร่วมหนุ่มสาว’ โจทย์หินพัฒนาการศึกษา-แก้ยากจน

‘สังคมสูงวัยอยู่ร่วมหนุ่มสาว’ โจทย์หินพัฒนาการศึกษา-แก้ยากจน ขณะที่ ประชากรโลก 8,000 ล้านคน เป็นสัญญาณการพัฒนาด้านสาธารณสุขที่ช่วยยืดอายุขัย และบ่งชี้ว่า โลกมีความหลากหลายด้านประชากรมากขึ้น การเติบโตของประชากรและคนหนุ่มสาวในประเทศเอเชียใต้ทำให้เกิดโอกาสในการพัฒนา และเพิ่มระดับความท้าทายด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การลดปัญหาความยากจนไปจนถึงการพัฒนาการศึกษา  ปี 2566 ถือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์สำหรับประชากรเอเชีย และเป็นครั้งแรกที่ “อินเดีย” อาจมีประชากรมากกว่าจีน จนกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก ผู้เชี่ยวชาญหลายคน กล่าวว่า ความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการค้าของอินเดียกับประเทศอื่น ๆ และเมื่อไม่นานมานี้ ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คาดการณ์ว่า อินเดียจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคิดเป็นมูลค่ามากถึง 840,000 ล้านดอลลาร์ในอีก 15 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายนี้ ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอินเดีย เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพความซับซ้อนและการเพิ่มขึ้นของประชากร ระหว่างประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชาชนอายุน้อยกับประเทศพัฒนาที่กำลังเสื่อมถอยเพราะมีแต่คนสูงวัย องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ปี 2565 ว่า ประชากรโลกอาจเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 8,000 ล้านคน และเอเชียเป็นทวีปที่มีประชากรมากกว่า 4,000 […]

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,678.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด (+0.62%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,678.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด (+0.62%) 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ม.ค. 2566 ปิดตลาดที่ 1,678.97 จุด เพิ่มขึ้น 10.31 จุด (+0.62%) ระหว่างวัน ดัชนีต่ำสุดที่ 1,673.29 จุด และสูงสุดที่ 1,683.38 จุด มูลค่าการซื้อขาย 64,998.07 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ DELTA ปิดที่ 930.00 บาท เพิ่มขึ้น 100.00 (+12.05%) มูลค่าการซื้อขาย 12,485.07 ล้านบาท BBL ปิดที่ 151.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 (+2.03%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,318.02 ล้านบาท CPALL ปิดที่ 69.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 (+1.83%)  มูลค่าการซื้อขาย 2,062.13 […]